http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song973.html (ดวงใจในฝัน) เราสอง..สองเรา นอนสยายผมราวแพรไหมบนที่นอนสีขาวนวลนุ่ม จ้องมองเพดานนิ่งนิ่ง แล้วพลิกตัวหันมาแย้มยิ้ม จ้องมองตากันแล้วพลันจะยิ่งยิ้มยิ้มยิ้ม ด้วยเอมอิ่มแสนสุขเสมอใจ ในทุกนาทีทองแสนยิ่งใหญ่ด้วยพลังแห่งความรักความเข้าใจ อันจักหารักไหนรักใดมาเปรียบปาน..ประมาณ.ได้ฤาก็หาไม่. และ.. จงอย่าเข้าใจผิดคิดลึกนักนะคะ ว่าเราสองมีอะไรๆในทางพิสวาทหวามเสน่หา ในเมื่อเราสองนั้นต่างก็คือ...*ผู้หญิงๆธรรมดาๆ* ที่โลกหล้าลิขิตให้เราเกิดมารัดร้อยผูกพันเป็นดั่งมิ่งมิตรคนดี ที่จักปันพลีในทุกสรรพสิ่งอย่างแสนจริงใจต่อกัน ตราบจนกว่า.. จะถึงวันสุดท้ายแห่งลมหายใจชีวิตจักปลิดปลิวพร้อมพรากจาก เหลือฝากเพียงตำนานแห่งความรักความดีความเสียสละมากมีมากมาย และ.. สิ่งที่เรานอนพลิกคว่ำพลิกหงายผลัดกันเล่าระบาย ถึงเรื่องราวแห่งชีวาชีวิต แห่งพรหมลิขิตฝัน ทีมีทั้งเรื่องสร้างสรร และไร้สาระสารพัดสารพัน ที่เธอนั้นผ่านตาผ่านประสบการณ์มาเกือบทั่วหล้าโลกแล้ว มีทั้งเรื่องรักที่ช่างน่ายินดี เช่นว่ามีนักบินรูปงามกำลังจะบินพาเธอไป เมือง*อิสตันบูล*และ*บางดินแดนในอัฟริกา* และ.. เรื่องที่ทายท้า รอพรหมชะตาพาลิขิตรักลิขิตฝัน ให้พลันพบนิรันดร์รัก สำหรับเธอ .. ที่คง..มิจำต้องเพ้อรอท่า รอเวลารอ..อกหักเหมือนดั่งอีกคน... ที่คงต้องทนไปตราบชั่วดินฟ้า และ... หากทรุดร่างนั่งลงริมหน้าต่าง.. ที่มีม่านผ้าไหมหนาหนักและม่านบางเบาสีขาว กำลังระบัดพลิ้ว ให้ดวงจิตเราแหงนเงยแลลอดลิ่วลอย ไปสู่ท้องนภาฟากฟ้าแสนกว้าง ที่พร่างพราวด้วยเรียวเมฆแสนจรัสจรุงในยามค่ำ.. และ.. แลไปเบื้องล่างนั่น คือรถราและวิถีชีวีผู้คนที่ต่างปะปนวกวนเวียนว่าย เร่งรีบ พาตัวไปสุ่จุดหมายปลายทางดีร้าย แล้วแต่จะหมายเลือกโลกโศกสุข(สุก) ทุกข์ร้อนฤาจักรู้ผ่อนเพลาเอาเองไปตามเพรงกรรม ลิขิต... เราสอง... นอนบนตึกสูงสวยระยิบแทบเคลียทิวทิพย์เมฆ ตึกที่แสนวิเวกเงียบงามให้เงียบงัน ให้พลังฝันฝันฝัน พร่างพร่าง แสนสว่างกระจ่างสงบ ราวพาร่างจิตเรา.. ลอยเลื่อนไปพบสวรรค์สรวงรวงดาวเรียงดวงสุกใสสกาวแสนใกล้ ในยามราตรีกาล ........... ที่.. จันทร์ดวงเดิมดวงงามดวงหวานดวงดี มาแอบคลี่ยิ้มเยือนแย้ม ด้วยแก้มอิ่มพูนดวงรายล้อมด้วยดวงดาว อันแสนพราวพร่างนับร้อยพันพร่างพรึบ ให้แสน. นึกรักนึกหวามไหว นึกอยากมีใครสักคนในอ้อมขวัญอ้อมใจ พากันชวนชี้ชม มิใช่... นอนตรอมตรม...แสนระทมเปลี่ยวเปล่ามานานปี ที่เมื่อเหลียวไปไม่เคยมีใครเลย... ใน.. ทุกยามโชคดีที่ได้พบ..ได้มี.. นาทีแห่ง*ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ* หากแต่ด้วยดวงใจมิเคยท้อ แค่รู้พอรู้วางเฉย เสมอเสมือน....แสนเคยชิน เหมือน.. คนสิ้นถวิลหวังเฝ้ารอ เหมือนแค่พ้อ หากมิพ่าย คล้ายดั่งพบหนทางแห่งรักภิรมย์ ที่มาตรแม้นจะพบเพียงระทมทับ จากกับ.. ทุกข์ลมลวง จากบ่วงมัด..จากเงารักวิบากกรรมอดีต ตามมาต่อเติมเพิ่มกรีดรอยแผลใจ เพื่อ.. เพียงให้ยอมเสียใจ รู้ทำใจ ชดใช้กรรม มารินร่ำพร่ำคำลวง จาก... *คนหลายใจ*จาก..*ใครหลายคน* ที่เวียนวน...ผ่านมา ในหนทางแห่งปรารถนา แห่ง.. ความไร้จีรังรักใด ไม่...เคยมีแม้นคำว่า*นิรันดร์รัก* อัน แสนจักหายากยิ่งขึ้นทุกทีๆ บนผืนโลกโลกาภิวัฒน์นี้ ที่.. ราวงมเข็มในห้วงมหาสมุทร อันสุดยากหยั่งถึงบึ้งทรวงใคร... อย่าง.. จริงใจจริงแท้อย่างหาแน่นอน..เป็นไม่มี และ.. ในยามทิวาต่อราตรีใกล้ค่ำ ยืนแลลงไปอีกชั้น จะเห็น.. เป็นสวรรค์สรวงสวนขวัญสวนแขวน สวนที่.... แสนดายเดียวด้วยดวงดอกดกแห่ง*ลั่นทมพวง*สีขาวล้วน ที่ทุกพวงดอกพราวจักแน่นเต็มราวกิ่ง จนพาใจดวงเศร้า ดวงซึ้งๆ ให้ยิ่งถึงกับอึ้งอั้น...ยิ่งนิ่งงัน...ให้ฝันงามเงียบ..ยิ่งขึ้น.ๆไปอีก.. เราสองเปิดบทเพลงของ*เอลย่า * ที่ต่างพาให้ใจเรายิ่งหวามไหวระริกๆ และ กับทุกบทกระซิบแห่งพลังเสียงแสนโศกสะเทือน ยามเราพาตัวไปนอนในอ่างอาบน้ำ แล้ว.. ค่อยๆทำตัวเบาเสมือนเสมอ.. ดอกบัวน้อยน้อยให้ลอยพริ้มปริ่มบึงน้ำ ที่ห่างตา ร้างแรมรามวลหมู่ภู่ผึ้งภมร ที่จักมิหาญกล้ามาบินตอม.. พร้อมหลับตาฝัน พลันพลีร่างอ้างว้างในอ่างอาบน้ำอุ่น อันเอื้อโอบละมุน ด้วยกรุ่นกลิ่นแห่งฟองพรายหอมหอมหอมแทน ทีอยากให้ใครเด็ดดมเด็ดดอม.. แล้ว.. ให้ผสมพร่างหอมเกสรหวานแสนหวาน ให้หลับใหลไปอย่างแสนซ่านเกษมสุข.. ไปทุกคืนค่ำไปกับนิรันดร์รักฝันดี และ.. ในยามดึกดื่น เราต่างมายืนจิบไวน์ริมหน้าต่าง มองดูพร่างแสงไฟพราวระยิบเบื้องล่างที่ราวเมืองตุ๊กตา แล้ว.. พากันหันมาหัวเราะพร้อมกัน ราว. อยากให้ฟ้าดินสวรรค์เบื้องบนรับรู้ ว่าเราทั้งคู่ต่างแสนอยากขอบคุณ ในบุญวาสนาบารมี ที่ท่านพลีประทานพรให้มา ให้ .. เราสองแสนโชคดี หากเทียบกับมนุษย์มนามากหน้า ที่ยังต้องต่างพากันดิ้นรนเอาตัวรอดปลอดภัย... เสมือนท่านให้พรสวรรค์ฝันงาม*ให้* *กับงามดวงใจใครเล่ารู้..นี้* ที่.. แสนรักในทุกวิถีความเงียบเรียบง่าย ความชิดใกล้ธรรม ธรรมชาติ ให้.. รู้รักความพอดี พอเพียง รู้เลี่ยงกิเลสมิหลงเฟ้อตามไปในนิยามโลกวัตถุ รู้หันมาทำความดีพลีแด่ผองชน ในทุกโอกาส รู้เสียสละ แม้นจักดั่งปิดทองหลังพระ ก็มิเคยท้อถอยที่จักคอยสร้างสิ่งที่ควร อย่างมิเรรวนมิกังขา หวังให้โลกหล้าและผู้คนที่ยากจนกว่าได้รับปันแบ่ง มินับเส้นทางทองอันคือกุศลธรรมบริจาค หากนับ.. เป็นเงินกองล้ำมากล้นค่าเกินกว่า*เพชรนิลจินดามหาศาล* ที่ในจินต์มิเคยคิดแค่หามาประดับร่าง เพียง... ให้พร่างงามหลอกตาใคร หาก...ดวงใจ..มิภูมิใจ ไม่เคยรู้ค่าคำเสียสละ เมตตา และ.... นี่คือ..... ความรู้สึกล้ำล้นเลอค่า ที่อยากรจนามาแบ่งปัน ให้ทุกดวงใจเรียนรู้รักรู้ฝัน รู้ว่า.. วันคืนแห่งเราแม้นจักพบเหงางาม หาก.... รู้ทางทองรู้ทางธรรม รู้กลืนกล้ำ รู้รักแล้ววางแล้วปล่อย... อย่างมิเคยท้อถอยน้อยใจในโลกและโชคชะตา ก็เปรียบประดุจดั่งรู้ค่า... รู้การได้เกิดมาพบกับคำว่า*รัก*แล้ว...!! ............................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song973.html ดวงใจในฝัน ..อรวรรณ เย็นพูนสุข รำพึงรำพัน ฝันรัก รักเอยใฝ่หา ยังจำติดตาชวนปลื้ม ฉันลืมไม่ลง เป็นรอยพิศวาส ปักใจมั่นคง ฝังใจพะวง หลงรอคอย อาวรณ์ใจครวญ หวนคิด คิดจนพร่ำเพ้อ พาใจละเมอหมองหม่น คิดจนเลื่อนลอย ยามนอน ถอนสะอื้น ตื่นตาแลคอย คิดจนดาวลอย คล้อยเมฆา ฝันกอดเชยชม ภิรมย์รื่น พี่ชื่นตื่นผวา จนใจ ไม่มีใครเมตตา เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา...
10 กรกฎาคม 2549 18:32 น. - comment id 589537
ขอเรนอยู่ใกล้..ใกล้.. หัวใจดวงงามที่แสนดี.. อยากซุกหลับ..ทุกคืนที่มี อยากกระซิบทุกนาที..คืนนี้ดีดี๊จัง.. .. เรนคิดถึง..นะคะ.. .. ซาแว้ปป..
10 กรกฎาคม 2549 18:34 น. - comment id 589538
เรนขอบคุณพี่พุดพัดชานะคะ.... แบบกี้เรนโพสไม่เห็นพี่พุดพัดชา.... .. เรนขอโทษ..
11 กรกฎาคม 2549 02:44 น. - comment id 589555
มั่นคง นิจนิรันดร์ ขอเพียงเข้าใจ ให้โอกาส ขอเพียงซึมซาบ ความเป็นไป ขอเพียงใจต่อใจ ขอเพียงลมหายใจอันรวยริน ขอเพียงเท่านี้ หากมิสิ้น จะคืนมา ขอคืนกลับสู่อ้อมอก อุ่นไอนาง ขอคืนกลับสู่ไพรป่า ขอคืนกลับมา เพื่อพงดง ขอคืนกลับ ไม่ลับลา ร้างเรียมอีก ขอด้วยใจอันหมองไหม้ ขอโทษ โปรดอภัย
11 กรกฎาคม 2549 21:58 น. - comment id 589671
ผมเห็นที่นอนแล้วสะท้อนใจจริงๆครับ ยิ่งเห็นงานของสาวผู้ที่เลิศไปด้วยน้ำใจอันสดใส งดงามปานประหนึ่งเทพเทวีของกวีสาวชาวบ้านนา ย่อมทำให้อารมณ์เริงร่าทันทีดียิ่ง แก้วประเสริฐ.
11 กรกฎาคม 2549 22:06 น. - comment id 589673
คุณพุดครับ...ผมต้องขอโทษที่ใช้เนื้อที่ในบ้านกล่าว สื่อถึงคนอื่นด้วยนะครับ หวังว่าให้อภัยผมนะครับ ถึง...คุณแสงไร้เงา...ภาพประกอบที่ส่งไว้ในกวีของ คุณพุด นั้นถูกใจผมมาก ผมขอเก็บไว้นะครับหาก วันใดผมแต่งกลอนไว้จะได้นำมาลงประกอบหวังว่า คุณคงไม่อะไรนะครับขอขอบคุณล่วงหน้าไว้ที่นี้ครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.