22 ธันวาคม 2553 09:51 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
ฝากความรักทักทายสายลมหนาว
เพียรสอยดาวฟ้าฟากมาฝากขวัญ
มอบดวงใจกลางทรวงคืนห้วงจันทร์
เกี่ยวตะวันบางเรียวเพียงเสี้ยวใจ
ถักทอรุ้งมุงฟ้าอำลาแล้ว
เผยดวงแก้วแวววาวราวมุกใส
บำเพ็ญเพียรเรียนร่ำธรรมวินัย
สู่พิสัยสายธารกาลเวลา
...........................................................
ในสายลมหนาวที่พัดพาโบกโบยมาจึงขอทักทายด้วยความรัก
ว่า ได้เคยพยายามพากเพียรไขว่คว้าสอยดาวอีกเพียงแค่ดวงเดียวจะเต็มห้วงใจ
แต่ฟ้าก็ยังไม่ให้สมปรารถนา
เมื่อได้มาใฝ่ในศาสนา ธรรมชาติที่ให้ข้อคิด คติธรรม
ยามแหงนมองท้องฟ้า ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ เขาได้ทำหน้าที่ของตนเอง
อย่างมั่นคง โดยไม่ได้เคยเรียกร้องขอค่าตอบแทนใดๆจากโลกนี้
จึงขอมอบดวงใจของตนเองให้เป็นเช่นดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ที่ทำหน้าที่ให้แสงสว่างแก่โลกมานานนับกัปกัลป์
ว่าควรทำหน้าที่ของตนให้ได้เพียงบางส่วนเสี้ยวของดวงอาทิตย์
ด้วยหัวใจรักตอบแทนโลกบ้าง
เลิกปรุงแต่งถักทอใจให้เปล่าเปลี่ยวเสมือนรุ้งทอสาย
ซึ่งเป็นเพียงธรรมชาติของแสงที่ตกกระทบต้องน้ำฝน
กาลเวลาให้เรามีทัศนวิสัยต่อโลกด้วยดวงตาเห็นธรรม นับเป็นดวงแก้วแห่งใจ
ที่สุกใสราวมุกดา
8 ธันวาคม 2553 08:56 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
เห็นคันฉ่องส่องรูปไม่วูบหลบ
ภาพที่พบเลือนสลัวดูมัวสวย
อนงค์นางนพมาศเธอนาดนวย
ผจงมวยมุ่นผมนุ่งห่มไทย
สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นเช่นที่คิด
งามวิจิตรผ่องพริ้มอิ่มแก้มใส
อันรอยริ้วสิวเกลื้อนลบเลือนไป
เพราะแสงไฟนีออนหลอกหลอนตา
โบราณกาลกล่าวว่าถ้าตาเห็น
ไม่เท่าเช่นมือคลำขยำหา
เชื่อสิ่งใดใคร่ครวญคิดพิจารณา
สรุปว่าวันเวลาพิสูจน์...เอย
6 ธันวาคม 2553 07:20 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
จากโลกร้อนถึงก้อนเมฆที่เสกฝน
จากสายชลไหลลึกผ่านพฤกษา
ล้วนลำนำดำเนินเพลินชีวา
อีกภูผาสง่าสมต้านลมแรง
เปรียบเมฆฝนเหมือนคนอยู่บนฟ้า
ส่งสายตาไกลกว้างกระจ่างแสง
มืดสว่างกาลเวียนหมุนเปลี่ยนแปลง
ไม่เคลือบแคลงโลกทัศน์เป็นอัตตา
เปรียบชีวิตศิขราต้องพายุ
แม้ยั่วยุมัวเมาเขากล่าวหา
จงอดทนคงมั่นปานศิลา
ขันติโสรัจจาน่านิยม
เปรียบไม้ใหญ่ไพรดกปรกแผ่กว้าง
สักยูงยางโพธิ์ไทรสนใบสม
เหล่านกกาบินเลาะเกาะกิ่งชม
เงาไม้ร่มจึ่งอาศัยใต้ชายคา
เปรียบสายน้ำล้ำลึกเกินนึกถึง
เพียงประหนึ่งคูคลองหนองภูผา
น้ำเปลี่ยนรูปตามร่างที่ค้างคา
เหมือนเช่นภาชนะรองกรองสายชล
2 ธันวาคม 2553 20:10 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
ธ ทรงเป็นจักรพรรดิกษัตริยา
มหาราชาในดวงใจไทยทั้งผอง
ธ ทรงธรรม์ถวัลย์เมืองจนเรืองรอง
สาธุชนแซ่ซ้องก้องสกล
น้ำพระทัยโปรยปรายดั่งสายทิพย์
ชนไกลลิบทรงบำบัดมิขัดสน
ย่างพระบาทแสนลำบากทุรตำบล
พระเสโทล้นไหลยามไคลคลา
ทรงพิพัฒน์นวัตกรรมนำมาใช้
กังหันชัยร่วมแก้แปรปัญหา
น้ำเน่าเสียเวียนหมุนเจือจุนปลา
พร้อมปรัชญาพอเพียงเลี้ยงชีวัน
อาเศียรวาททวยราษฎร์น้อมประณต
ทรงพระยศภิญโญยิ่งเป็นมิ่งขวัญ
ราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขไร้ทุกข์พลัน
เทิดราชันย์เกษมสันต์นิรันดร์เทอญ
.........................................................
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
1 ธันวาคม 2553 18:38 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
ภาพคืนวันผันเปลี่ยนหมุนเวียนผ่าน รอยแห่งกาลพันผูกลูกและพ่อ
แม้พร่ำบ่นก่นรักเฝ้าถักทอ สองมือพ่อเพียรสร้างทางลูกเดิน
พระคุณพ่อเกื้อกูลหนุนบุญเจ้า เปรียบใดเท่ามหาสมุทรสุดสรรเสริญ
ให้เลือดเนื้อเชื้อไขใช่กล่าวเกิน ให้ทางเดินเสริมสร้างหนทางเรียน
แม้มิเคยอุ้มท้องแต่สองมือ สอนหนังสือการบ้านฝึกอ่านเขียน
ประคองนั่งหนุนตักปลูกพากเพียร เป็นแสงเทียนส่องทางลูกย่างไกล
ความรักพ่อทอใยสายใจถัก ทอใยรักคุ้มครองลูกผ่องใส
พ่อดูแลแผ่เผื่อมีเยื่อใย ลูกผูกใจลึกซึ้งซึ่งอาทร
พระคุณพ่อให้กำเนิดประเสริฐนัก พ่อปลูกรักลูกเต้าเฝ้าสั่งสอน
เป็นคนดีมีวิชาคุณากร อำนวยพรคุ้มภัยลูกใฝ่ดี
กตัญญูรู้คุณพ่อผู้ทอแสง เป็นกำแพงแก้วกั้นเมื่อขวัญหนี
เป็นไหล่พักซับน้ำตาเอื้ออารี ให้ลูกนี้อุ่นใจคลายกังวล
จึงก้มกราบแทบเท้าเคารพพ่อ ลูกจักขอทดแทนท่านทุกกาลหน
ยามแก่เฒ่าเฝ้ารับใช้จนวายชนม์ พ่อคือคนสุดประเสริฐเทิดบูชา
......................................................................