18 มกราคม 2554 08:27 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
ณ บ้านนี้มีรักพักใจเหงา
ปลอบบรรเทาร้าวใจจากใครหนอ
ร้างเพียงเรือนเพื่อนเก่ายังเฝ้ารอ
ร่วมถักทอรักแท้มอบแก่กัน
แม้เรือนร้างใช่ไร้รักจากใจเพื่อน
เคยไปเยือนเยี่ยมพบพูดขบขัน
ล้อมวงกินข้าวแกงร่วมแบ่งปัน
สารพันเรื่องเล่าเฝ้าบรรยาย
แม้เรือนร้างแต่มีรักพักใจร้าว
ผ่อนคลายหนาวอุ่นอบพบสหาย
เป็นเรือนร้างมิจางรักพักพิงกาย
หอมกำจายไอละมุนอุ่นไมตรี
..................................................
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต
13 มกราคม 2554 10:32 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
ประนมกรก้มกรานพานไม้ดอก
พร้อมข้าวตอกดอกมะเขือเจือแพรกหญ้า
ระลึกคุณการุณย์บ่มอบรมวิชา
แด่คณาครูอาจารย์ภิบาลดรุณ
ประศาสน์ศิลป์ประสิทธิ์วิชาบรรดาศิษย์
ความรู้คิดแตกฉานชำนาญสุนทร์
ทั้งปลูกฝังคุณธรรมช่วยค้ำจุน
คอยเกื้อหนุนผดุงใจใฝ่เจริญ
บุญคุณครูคณานับประทับจิต
เหล่าลูกศิษย์ประณตน้อมพร้อมสรรเสริญ
ท่านตรากตรำพร่ำสอนก่อนก้าวเดิน
เพื่อเผชิญอนาคตเป็นบทเรียน
ท่านสร้างเสริมเพิ่มปัญญาเมตตาสอน
เอื้ออาทรป้อนความรู้คู่อ่านเขียน
เจียระไนวิไลจรุงใฝ่มุ่งเพียร
ดุจวิเชียรเปรื่องปราชญ์เป็นศาสตรา
จึ่งอัญเชิญเทวัญบันดาลไท้
กรกราบไหว้อาจาริย์ทุกทิศา
ปราศจากภัยใจเกษมเปรมปรีดา
ไร้โรคาพยาธินิรันดร์เทอญ
....................................................
ขอบคุณภาพจากplay.kapook.com
8 มกราคม 2554 11:31 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
แสงทองส่องประกายฉายฉาบฟ้า
ยามอุษานภาสางกระจ่างสินธุ์
ล่องแพน้อยลอยลำในวาริน
คล้ายถวิลแลเหลียวอยู่เดียวดาย
ตะวันกลมอมยิ้มกรุ้มกริ่มถาม
ฟ้าสีครามทำสำออยยามคล้อยบ่าย
ว่าภูผาลำเอียงยืนเรียงราย
แล้วพลัดพรายเพียงตะวันต้องสัญจร
22 ธันวาคม 2553 09:51 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
ฝากความรักทักทายสายลมหนาว
เพียรสอยดาวฟ้าฟากมาฝากขวัญ
มอบดวงใจกลางทรวงคืนห้วงจันทร์
เกี่ยวตะวันบางเรียวเพียงเสี้ยวใจ
ถักทอรุ้งมุงฟ้าอำลาแล้ว
เผยดวงแก้วแวววาวราวมุกใส
บำเพ็ญเพียรเรียนร่ำธรรมวินัย
สู่พิสัยสายธารกาลเวลา
...........................................................
ในสายลมหนาวที่พัดพาโบกโบยมาจึงขอทักทายด้วยความรัก
ว่า ได้เคยพยายามพากเพียรไขว่คว้าสอยดาวอีกเพียงแค่ดวงเดียวจะเต็มห้วงใจ
แต่ฟ้าก็ยังไม่ให้สมปรารถนา
เมื่อได้มาใฝ่ในศาสนา ธรรมชาติที่ให้ข้อคิด คติธรรม
ยามแหงนมองท้องฟ้า ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ เขาได้ทำหน้าที่ของตนเอง
อย่างมั่นคง โดยไม่ได้เคยเรียกร้องขอค่าตอบแทนใดๆจากโลกนี้
จึงขอมอบดวงใจของตนเองให้เป็นเช่นดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ที่ทำหน้าที่ให้แสงสว่างแก่โลกมานานนับกัปกัลป์
ว่าควรทำหน้าที่ของตนให้ได้เพียงบางส่วนเสี้ยวของดวงอาทิตย์
ด้วยหัวใจรักตอบแทนโลกบ้าง
เลิกปรุงแต่งถักทอใจให้เปล่าเปลี่ยวเสมือนรุ้งทอสาย
ซึ่งเป็นเพียงธรรมชาติของแสงที่ตกกระทบต้องน้ำฝน
กาลเวลาให้เรามีทัศนวิสัยต่อโลกด้วยดวงตาเห็นธรรม นับเป็นดวงแก้วแห่งใจ
ที่สุกใสราวมุกดา
8 ธันวาคม 2553 08:56 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
เห็นคันฉ่องส่องรูปไม่วูบหลบ
ภาพที่พบเลือนสลัวดูมัวสวย
อนงค์นางนพมาศเธอนาดนวย
ผจงมวยมุ่นผมนุ่งห่มไทย
สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นเช่นที่คิด
งามวิจิตรผ่องพริ้มอิ่มแก้มใส
อันรอยริ้วสิวเกลื้อนลบเลือนไป
เพราะแสงไฟนีออนหลอกหลอนตา
โบราณกาลกล่าวว่าถ้าตาเห็น
ไม่เท่าเช่นมือคลำขยำหา
เชื่อสิ่งใดใคร่ครวญคิดพิจารณา
สรุปว่าวันเวลาพิสูจน์...เอย