ริมหน้าต่าง
ริมหน้าต่างที่ติดชิดเตียงตั้ง
คนป่วยนั่งมองผ่านหน้าต่างนั้น
เขาเล่าเรื่องเบื้องนอกบอกแบ่งปัน
ให้เพื่อนกันที่ป่วยหนักพักอีกเตียง
จากห้องคนป่วยหนักที่พักอยู่
สองเตียงคู่คนละฝั่งนอนฟังเสียง
จากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งซึ่งนอนเคียง
ด้วยสำเนียงเหงาเศร้าคละเคล้ากัน
ข้างนอกนั้นแลริ้วมีทิวหญ้า
มีท้องฟ้าสวยงามดุจความฝัน
มีสายธารไหลผ่านดุจม่านควัน
มีตะวันอบอุ่นละมุนละไม
มีถนนทอดยาวเข้าตัวตึก
มีซอยลึกผู้คนล้นขวักไขว่
มีสนามเด็กเล่นเห็นแต่ไกล
ชิงช้าไกวม้าหมุนละมุนตา
มีไม้ดอกสวยงามยามฟ้าใส
มีต้นไม้ใบบังพรั่งพฤกษา
มีฝูงนกผกผินบินไปมา
มีดารายิ้มเยือนเป็นเพื่อนจันทร์
จนวันหนึ่งถึงคราเขาลาจาก
ความตายพรากคนป่วยที่ช่วยฝัน
คนที่วาดภาพแสงแห่งตะวัน
เตียงใบนั้นพลันว่างร้างสำเนียง
คนที่เหลือขอเปลี่ยนเวียนเตียงตั้ง
ขอมานั่งมองภาพทราบจากเสียง
เขาชะเง้อมองดูอยู่บนเตียง
เขาเห็นเพียงกำแพงอิฐปิดบังตา
-----------------
อันบ้านเรือนเปื้อนเปรอะเลอะเทอะบ้าง ช่วยสะสางก่อนเรื่องจะเคืองขุ่น ด้วยหัวใจใสสะอาดมาดนักบุญ อกอุ่นอุ่นแม้ใหญ่ยังไม่แคร์ ต้องท่าทีลีลาสารพัด เข้าพิกัดเกินคาดไม่พลาดแพ้ ของใหญ่โตหนักไปฉันไม่แล เพรียวแต่แน่ว่องไวคงใช้นาน อันเรือนสามน้ำสี่บะหมี่เกี๊ยว เฝ้าเลาะเลี้ยวเสาะหาแม่ตาหวาน เที่ยวหาเจ้าจำเรียงจนเหนียงยาน ซี่โครงบานยืนหอบพินอบพิเทา หากพวกเราสามัคคีคงดียิ่ง โนตมจริงหรือไม่ไปว่าเขา ต้องพิสูจน์ยืนยันวันเบาเบา ให้พวกเรามุบมับลองจับเอย อันบ้านเรือนอย่าปล่อยปละและละทิ้ง อย่านอนนิ่งไม่ดูหรืออยู่เฉย กลับบ้านกลอนอบอุ่นและคุ้นเคย พี่น้องเอ๋ยกลับมาเฮฮากัน -------------------------
won nee wang kean klon ma aon ruk ma tai tuk suk kra ma r sai ma sumpus bod klon soan huaw jai ma plook hai bang klai krai kid kruan wah mee krai kon nung kid thung yoo kone tee do down noi lahoi huan kauen tee jai yark pope yark tobe tuan tur yah duan tud lon chun gone tai wayla won moon weane mai pleane glub gone la lub laurm gun plun hargn hai perd suk nid suk pug yood tug tai wah sudtai prai phun nun mai glai dauew heaw jai tung duaung young huang ha lub saita kone ruk tee plug sai dai tair nung tair norn saton jai pen chanai jai ja tung ta lor yoo hang hon tumbol nai duang jai eir whung chit chier keang ku ru mai norh kone ruam sarn yai ruk ruam thuk thor ma term tor chuew serm term ruk tem arj pen tur rur plow tee phow phun sai sumpun augsala pa ga same kone tee arn klon nee leaw preeprame kone len game tribal war nah okay
แสนดีใจเกิดมาหน้าขี้เหร่ สาวหน้าเท่ห์หนีหมดเหมือนหดหาย ไม่มีสาวกรุ้มกริ่มยิ้มทักทาย แสนสบายมายเมาทั้งเช้าเย็น สาวซาเล้งสามล้อห้อมาจีบ ทั้งรถถีบชะเง้อแย่งแบ่งกันเข็น มายื้อแย่งแบ่งถังยังกระเด็น เห็นเราเป็นของเก่าเฝ้าชิงดี ก็ขี้เหร่ไร้ใครมาให้เลือก ยิ้มเห็นเหงือกฟันหลอเหมือนหมอผี ไร้เสน่ห์เย้ายวนกวนทีนดี หล่อหมื่นลี้เร้าใจพ่อให้มา สาวเกาหลีเกาเหลาเขาไม่สน แถมเสือกจนไร้กามตามยถา สมรรถภาพเสื่อมทรามตามเวลา ใกล้หลักห้าสิบแล้วชักแผ่วลง คนขี้เหร่อัปลักษณ์อยากจะsaid คิดup gradeศัลยกรรมนำประสงค์ เพราะยันฮีช่วยเลาะเจาะบรรจง ผ่ากลางวงทะลุทะลวงกล่องดวงใจ
วอนสายลมกล่อมใจคนไกลบ้าน อยู่บนลานกร้านกรำแต่ฉ่ำฝน บนระเบียงเคียงข้างอย่างอดทน ยามอับจนคนไกลไม่นำพา จงเงยหน้ายิ้มรับให้กับฝน ความมืดมนทนทานที่ผ่านหน้า ใครจะรู้ผู้แพ้แม้โรยรา แต่ยังกล้าท้าสู้เพื่อดูใจ แม้ผ่านร้อนผ่านหนาวกี่คราวครั้ง ห้วงภวังค์ฝังจิตทุกชิดใกล้ ยากจะเลือนความหลังฝังหทัย คงอยู่ในทุกถวิลจินตนา ยากจะล้างเลือนลบให้จบสิ้น ที่หยาดรินหลั่งไหลนองใบหน้า กี่หยาดหยดแทนช้ำผ่านน้ำตา มิเคยร้างแรมลาค่าวันวาน คือความทรงจำที่ช้ำชอก ดังถูกตอกด้วยปฏักหลักประหาร ลมหายใจทดท้อทรมาน รอวันสิ้นลมปราณสถานเดียว ตราบปราณสิ้นมิเหือดมิแห้งหาย ตราบชีพวายยังรักยังแลเหลียว เพราะความรักอารมณ์ยังกลมเกลียว ทั่วทุกเสี้ยวยังรักและภักดี