16 ตุลาคม 2548 22:04 น.
ไรไก่
อันรูปทรงโคลงร่างคือว่างเปล่า
สวยวับวาวแตกดับสูญสิ้นพลัน
ไม่จีรังคงที่อยู่ชั่วกัลป์
คืนโลกครันไม่หวั่นกับรูปตน
เอกซเรย์มองปุทะลุร่าง
เป็นความว่างภายนอกของตัวคน
อวัยวะภายในทุกแห่งหน
มองเห็นจนเวียนวนหม่นหมองใจ
เช่นกับน้ำงามใสที่ไร้สิ่ง
มองเห็นนิ่งจริงแท้ซ่อนซุกนัย
สิ่งเจือปนมากมายล้วนเป็นภัย
น้ำแก้วใสไว้ใจไม่ได้จริง
ล้วนเป็นสิ่งจริงไม่เกิดขึ้นใหม่
และไม่ได้ดับไปในทุกสิ่ง
ไม่เพิ่มขึ้นลดลงจากของจริง
ไม่ขาวยิ่งดำนิ่งนิรันดร์เอย
13 ตุลาคม 2548 22:40 น.
ไรไก่
เธอคนดีมีสองมือ
มั่นยึดถือในแก่นสาร
แสวงหาอาชีพการงาน
มิใช่ร่านหลงแพรพรรณ
เธอคนดีมีศักดิ์ศรี
ยึดมั่นสิ่งดีมีความฝัน
เธอยืนหยัดพร้อมกัดฟัน
เธอขยันไม่ย่อท้อต่อสิ่งดี
เธอคนดีมีหัวใจ
มีดวงไฟให้ฝันพลี
อาชีพเธอขายลอตเตอรี่
งานนี้มิกินแรงใคร
เธอคนดีมีใจไม่บอด
เป็นยอดคนชีวิตใหม่
มีหัวใจมองโลกอย่างกว้างไกล
มิยอมให้ใครมาเวทนา
เธอคนดีมีชีวิต
ลิขิตจิตเป็นดวงตา
ก้าวเดินด้วยสองขา
จิตวิญญาไม่มืดมน
12 ตุลาคม 2548 23:04 น.
ไรไก่
ความรุ้สึกนึกคิดติดในสมอง
เมื่อตรึกตรองมองเห็นเป็นสิ่งฝัน
เฝ้าวนเวียนเลื่อนลอยไปวันวัน
ตามลำพังฝันฟุ้งมุ่งไปไกล
ความรู้สึกคึกคักรักงานเขียน
เฝ้าหมั่นเพียรเรียนรู้คู่เคียงใจ
ลองถูกผิดติดตามถามใครใคร
มุ่งฝันใฝ่ให้งามตามบทกลอน
ความรู้สึกตรึกตรองผองมวลมิตร
เมื่อใกล้ชิดติดตามงานอักษร
แนะนำงานการเขียนเรื่องบทกลอน
ถูกทำนองคล้องจองของความเรียง
ความรู้สึกฮึกเหิมทะเยอกล้า
เพื่อเสาะหาลีลาจังหวะเสียง
ให้ไพเราะเพาะพริ้งไม่เอนเอียง
ผิดสำเนียงเสียงชัดขัดอารมณ์
ความรู้สึกนึกรักจักประสาน
ฟ้าประทานพานพบบ้านสุขสม
บ้านกลอนไทยใฝ่สร้างงานคำคม
เพื่อมวลชนคมกวีนี้จากใจ
11 ตุลาคม 2548 17:00 น.
ไรไก่
ริ้วตะวันตอนบ่ายชายภูเขา
ทาบเป็นเงาเทาหม่นบนพื้นหญ้า
แดดแผดแสงรุมคลุมพุ่งตรงมา
ทั่วพื้นหล้าคลาคละเงาเทาแดง
เมื่อตะวันท่องไปไกลลับลิบ
นภาหยิบจันทรา มาแสดง
เพริดแพร้วพร่างดาวจรัสแสง
ไม่ครางแครงเพลงดาวแว่วดังมา
ทั่วพื้นฟ้าโรยดาราดารดาษ
ขอบฟ้าคาดสีคล้ำดำเวหา
เห็นความแปลกแตกต่างอีกลีลา
กับพื้นฟ้าเปื้อนสีดีต่างมุม
เฉกชีพเชิดเจิดจ้า แจ่มราศรี
เป็นเช่นนี้มีสว่างพร่างดำคลุม
ทุกชีวิตจิตถูกห้วงมรสุม
มีพิรุณพูนพรมหลั่งรดใจ
เป็นลีลาลำนำของชีวิต
ถูกลิขิตจิตพราวให้หลงไหล
สว่างวูบวับวับดับลงไป
สุดที่ใครบรรเลงเพลงชีวิต
10 ตุลาคม 2548 15:54 น.
ไรไก่
นวลแสงจันทร์แจ่มแย้ม กรายเมฆ
สวยดั่งสวรรค์เสก เลอเลิศ
เพียงจันทร์ผ่ององค์เอก ทรงสรรค์
สาดส่องนภาเพริด เหลื่อมฟ้า ราตรี
นทีที่มีเงาจันทร์ กระจ่าง
ทอดส่องสะท้อนสาน ส่งเกื้อ
แวววาวเด่นเพ็ญงาม กลางบึ่ง
เงาซ่อนเนาว์อะเคื้อ แห่งเจ้า เพ็ญจันทร์
ครั้นสายลมผ่านไล้ ผิวภพ
เป็นคลื่นไหวกระทบ แผ่นน้ำ
เงาจันทร์เกลื่อนเลือนลบ พรางพร่า
ไหวแกว่งเห็นเป็นชั้น ค่าพ้น พรรณา