1 พฤศจิกายน 2550 12:48 น.
ไรไก่
สายลมหนาวพัดหวนชวนใจฝัน
อิ่มใจพลันผันเหงาให้สลาย
ดั่งหยาดฝนหยดทิพย์หล่นโปรยปราย
ชุบใจกายหวานชื่นรื่นอารมณ์
เคยหงอยเหงาเคล้าทุกข์กลับสดชื่น
เคยขมขื่นคืนจิตชิดสุขสม
เคยมืดมัวหมองไหม้ใจตรอมตรม
สุขครอบคลุมพร่างพรมสมฤดี
แสงสีทองส่องสาดฟ้าวันใหม่
พืชพันธ์ไม้ใบหญ้าบานเต็มที่
นกเริงร่าร่ายรำนำชีวี
เย็นสายลมพัดวีสุขสบาย
ขอขอบคุณลมหนาวเข้าสรรสร้าง
เปิดโลกกว้างม่านหมอกคลุมขยาย
ฟ้าหลังฝนลมหนาวเข้าคลีคลาย
กับพระพายพลิ้วไหวในลีลา
9 สิงหาคม 2550 09:15 น.
ไรไก่
..365..วันฉันมีน้ำตาเป็นเพื่อน
เปรียบเสมือนคู่ใจไม่ห่างหนี
หยดน้ำตาท่วมท้นทบทวี
และไม่มีวี่แววจะจากไป
..365..วันฉันพบคบความเศร้า
เปรียบเป็นเงาเคล้าเคลียคุณเชื่อไหม
เข้าครอบคลุมคลอบงำจำขังใจ
ชลนัยน์นองท่วมหน้าดั่งฝนพรำ
..365..วันนั้นฟ้าเป็นสีหม่น
โลกมืดมนค้นพบทุกคืนค่ำ
เหมือนหัวใจคลอบคลุมปีกสีดำ
ชะตากรรมทำให้สิ้นศรัทธา
..365..วันฝันนั้นสิ้นสลาย
เคยเคียงกายหายไปใจครวญหา
เฝ้าทอฝันพันเกี่ยวเรียงร้อยมา
อนิจจาหาฝันร่วงสู่ดิน
7 มิถุนายน 2550 20:40 น.
ไรไก่
ดอกไม้ดินเบ่งบานยามฝนพรำ
ดินอุ้มน้ำชุ่มฉ่ำชุบบุปผา
ดอกไม้ดินบานงามชวนชื่นตา
เพิ่มคุณค่าดอกไม้ใกล้ใกล้มือ
เจ้าดอกไม้ประดับกับแผ่นดิน
น่ายลยินกลิ่นหอมพร้อมสร้างชื่อ
ดอกหญ้าปล้องครองใจใครเล่าลือ
นำเป็นสื่อถือรักที่งดงาม
แม้ดอกหญ้าค่ามีที่ผลตอบ
บางคนชอบแปรค่าพาเหยียดหยาม
ถือกำเนิดต้อยต่ำนำคิดตาม
ไร้เกียรติความถิ่นอยู่ชูหน้าตา
ดอกหญ้าปล้องต้องเฉาอย่างสิ้นศักดิ์
บทนี้เป็นวัฎจักรซ่อนปัญหา
คนนับถือเกียรติศักดิ์เน้นตีตรา
คิดเป็นกติกาค่าเพียงดิน
2 มิถุนายน 2550 21:59 น.
ไรไก่
ขอหัวใจของฉันนั้นกลับคืน
ตัดใจลืมฝืนคิดคนึงหา
ขอเอ่ยคำกล่าวนำเพื่ออำลา
ไม่กลับมาลารักเคยภักดี
เมือครั้งหนึ่งซึ่งเคยชิดสนิทแนบ
ได้อิงแอบอุ่นไอใจสุขี
รักหอมกรุ่นกลิ่นไอของไมตรี
และไม่มีวี่แววสิ้นรักกัน
เพราะคาดหวังเกินหวังดั่งคาดคิด
ไม่มีสิทธิ์คิดได้ใจใฝ่ฝัน
กับปัญหาค้างคาสารพัน
สิ่งสำคัญนั้นคือค่าหัวใจ
ไม่มีคำตัดพ้อหรือต่อว่า
เพราะคุณค่าแห่งรักไม่สดใส
ความรู้สึกลึกซึ้งเหินห่างไกล
เธอปล่อยให้ใครอื่นมาต่อเติม
แม้วันนี้ที่ขอลาน้ำตาเปื้อน
เปรียบเสมือนฝันร้ายย้ายมาเสริม
หมดสิ้นแรงสิ้นหวังรักคงเดิม
ขอไปเริ่มต้นใหม่ให้ตนเอง
31 พฤษภาคม 2550 11:23 น.
ไรไก่
ณ.ท่ามกลางสายฝนที่แปรปรวน
พิ้นทะเลคร่ำครวญเป็นเพลงเศร้า
สุดขอบฟ้าติดน้ำเห็นลางเงา
ลมพัดโบกบางเบาผสมกลืน
จ้องมองไปให้เห็นช่างเคว้งคว้าง
เบื้องหน้าเป็นภาพว่างเปล่าใจขมขื่น
อยากหลบเร้นซ่อนกายยามค่ำคืน
เฝ้าสะอื้นเหมือนคลื่นทะเลครวญ
อยากจะพักหลับตาชั่วนิรันดร์
นอนหลับฝันไม่ตื่นคืนชีพหวน
ขอเอนกายใต้แผ่นดินปลดโซ่ตรวน
ใจที่ป่วนซวนเซล้าสิ้นแรง
ยืนเดียวดายกลางสายฝนซัดกระหน่ำ
ความชอกช้ำนำทุกข์รุกแอบแฝง
เจอรักลวงล้วนสิ่งที่เคลือบแคลง
ไม่อาจแข็งแต้มต่อท้อเหลือเกิน