14 กันยายน 2551 12:27 น.
ไพรน้ำผึ้ง
........ ในนิทานอีสปเขียนไว้ว่า ...เต่าตัวหนึ่งคลานต้วมเตี้ยม ๆ เมื่อมาเจอกระต่ายวิ่งผ่านมา "ฮิฮิ! นี่เจ้าเต่า นายชอบ ที่จะเดินต่วมเตี้ยม ๆ อยู่อย่างนี้เสมอ ๆ ทำไมนายถึงได้เดินได้ช้าอย่างนั้นเล่า? " เต่าจึงได้พูดว่า " ถึงแม้ว่าข้าจะเดินได้ช้า แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของความอดทนแล้วข้าไม่เคยแพ้ใคร " ทั้งสองจึงท้าวิ่งแข่งกัน เต่าชนะเพราะกระต่ายนอนหลับ ..........
แต่ถ้าเป็นกระต่ายยุค 2008 เมื่อมีการแข่งขันกระต่ายจะต้องตื่นตัวตลอดเวลา ไม่กล้าพอที่จะนอนหลับอีกแล้ว มันคงเข็ดไปอีกนาน...
ในเช้าวันนี้กระต่ายส่งคำขอท้าดวลกับเต่าอีกครั้งในรอบแก้มือ เต่าทนต่อเสียงเรียกร้องไม่ไหวจึงตกลงรับคำท้า และตกลงกันว่าบ่ายสามโมงเย็นจะเริ่ม
สตาร์ทจากจุดแข่งขัน ระยะทาง 3 กิโลเมตร
เมื่อรับคำท้า เต่าจึงเรียกประชุม คณะกรรมการสมาคมเต่า ตาม
ระเบียบวาระ ดังนี้
ระเบียบวาระที่ ๑. แจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์ท้าดวล
ระเบียบวาระที่ ๒. ประเมินศักยภาพที่มีอยู่
ระเบียบวาระที่ ๓. กำหนดยุทธศาสตร์ โดยอาศัยกระดองที่เหมือน
กันให้เป็นประโยชน์ และ วางแผนให้เต่าอีกตัวหนึ่งไปนอนรอที่เส้นชัย
เมื่อถึงเวลาบ่ายสามโมง กรรมการเป่านกหวีด เต่าและกระต่ายก็
สปีดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว กระต่ายวิ่งไม่เหลียวหลังเพราะจะออมมือหรือ
สบประมาทเต่าไม่ได้อีกเป็นอันขาด
กระต่ายวิ่งอย่างไวที่สุดในชีวิต กำลังจะถึงเส้นชัย เหลือระยะทาง
อีกประมาณ 50 เมตร กระต่ายมองเห็น เต่านอนรออยู่ที่เส้นชัย
กระต่ายทรุดกาย เข่าอ่อน เหงื่อแตกก่อนจะไปถึงเส้นชัย
" เต่ามันนอนรอตรู ตั้งแต่เมื่อไร" ในที่สุดกระต่ายก็ไปไม่ถึงเส้นชัย
แก้มือไม่สำเร็จ ......
แหม... ถ้าจะแก้มือหนที่สาม มีหวังจัด แข่งขันเดินทางรอบโลก
แหง..แต่ไงเต่าก็ชนะอยู่ดีเพราะเต่าอายุยืนกว่า (หุ..หุ)
30 สิงหาคม 2551 13:38 น.
ไพรน้ำผึ้ง
อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น เดิมชื่อ "ชลบถ"
ชล แปลว่า น้ำ
บถ แปลว่า ทาง
ต่อมาข้าราชการจาก กทม. ได้ย้ายไปทำงานที่นั่น
ความที่ไม่รู้จักชุมชน ไม่ได้ศึกษาประวัติของท้องถิ่ จึง
เปลี่ยนชื่อจาก ชลบถ มาเป็น ชนบท แปลว่า บ้ านนอก
เมื่อความหมายเปลี่ยนไป ข้าราชการคนนั้นก็มุ่งแต่จะ
ทำทุอย่างให้ชนบทอยู่ดีกินดี มีความสะดวกสบายมากขึ้น
จึงมุ่งแต่จะพัฒนาชนบท
ข้าราชการคนนั้นเสนอการพัฒนาชนบทต่อต้นสังกัด
จนเกิดเป็นโครงการสุดฮอท ของ กระทรวงมหาดไทยเมื่อกลับไปเยี่ยมบ้าใคร ๆ ก็พูดถึงแต่การพัฒนาชนบท
แต่ น่าสงสัยจังว่า เวลามีการสร้างถนนหนทางทำไมอำเภอบ้านไผ่
จึงได้รับการพัฒนามากกว่าอยู่ดี
ทั้ง ๆ ทีมีประกาศว่าจะพัฒนาชนบท
โกหกทั้งเพเลยนิ
23 สิงหาคม 2551 14:01 น.
ไพรน้ำผึ้ง
ในหลักมารยาทไทยแบ่งการไหว้ออกเป็น 3 ระดับ
ระดับที่ 1 ไหว้พระ
ระดับที่ 2 ไหว้ผู้ใหญ่
ระดับที่ 3 ไหว้คนเสมอกัน หรือรับไหว้
ครูที่ปรึกษาประจำชมรมเข้ามาในห้อง แล้วสอนว่า....
ระดับที่ 1 ไหว้พระ ให้ประนมมือขึ้น ให้ยกมือให้ปลายนิ้วจรดตีนผม
ค้อมศรีษะมากๆ
ระดับที่ 2 ไหว้ผู้ใหญ่ ให้ปลายนิ้ว จรดระหว่างคิ้ว ค้อมศรีษะพอประมาณ
ระดับที่ 3 ไหว้คนเสมอกัน ปลายนิ้วจรดปลายจมูก
อธิบายเสร็จคุณครูที่ปรึกษาประจำชมรมถามว่า " มีใครคิดว่าตนเองทำไม่ได้
บ้างหรือไม่"
นักเรียนทุกคนเงียบมองหน้ากันทำตาปริบๆ ด้วยความเกรงใจครูที่ปรึกษา
ไม่มีใครตอบคำถามข้อนี้
ครูที่ปรึกษาเริ่มไม่พอใจ " ถ้าไม่มีใครตอบจะไม่ให้ผ่าน"
น้ำผึ้งและเพื่อน ๆ กลัวครูไม่ให้ผ่าน จึงตอบคำถามครูพร้อม ๆ กันว่า
" พวกหนู(ผม)ทำได้ทุกคนค่ะ (ครับ)
แต่พวกเราคิดว่าคุณครูทำไม่ได้ พราะคุณครูหัวล้านไม่มีตีนผมค่ะ (ครับ)
.....................
ฝากบอกคนเขียนตำราเรียนด้วยนะคะว่า ระดับ 1 ให้เอาปลายนิ้วจรดตรง
ไหนก็ได้ อย่าใช้คำว่าจรดตีนผมเลยค่ะ น้ำผึ้ง ว่า น่าจะเห็นใจ
คนหัวล้านมั่งนะคะ เขาคงทำไม่ได้แน่ ๆ เลยค่ะ
......................
สวัสดีค่ะ