22 เมษายน 2546 22:51 น.
ไผ่ม่วง
อุทัยบนฟ้าขาว ยังเรื่อราวคงนิรันดร์
วิญญาณความมุ่งมั่น แลเกียรติอันเทิดบูชา
ทะนงเลือดนักรบ มอบจอมภพกษัตรา
แลชาติกำเนิดข้า มาตุภูมิจักเกรียงไกร
เพลงชาติคงแผ่วทุ้ม หากแต่กุมทุกดวงใจ
เป็นหนึ่งดึงรวมไว้ ราวเหล็กกล้าที่หลอมแดง
สาเกไอยังกรุ่น ดับว้าวุ่นขุ่นระแวง
เหล็กดีที่หลอมแกร่ง แรงเป็นดาบปลาบคมวาว
สายลมอันศักดิ์สิทธิ์ แลอาทิตย์บนปีกขาว
ใบพัดสะบัดกราว ปีกเหล็กกร้าวทะยานลม
.............................................................................
อุทัยสู่อัสดง มิอยู่คงดังสิขรา
สถานการณ์ยุทธนา ปราชัยข้าหมดปราณี
เสียเกียรติเลือกชีพวาย เสื่อมเกียรตินายร้ายสิ้นดี
สิ้นเลือดทุกหยดนี้ จะยอมพลีให้ทรงธรรม์
สาเกจะอุ่นเลือด ระอุเดือดกว่าทุกวัน
ปีกเหล็กจะโถมทัน วินาศสัญพร้อมศัตรู
บูชิโด ใช่คำขาน คือวิญญาณของนักสู้
มาตุภูมิที่เชิดชู คู่เกียรตินายยิ่งกายใจ
18 เมษายน 2546 20:49 น.
ไผ่ม่วง
เป็นแค่เข็มสามเล่มที่เดินทาง
ผ่านวันคืนอ้างว้างมาแค่ไหน
ต้องทำงานรุ่งค่ำย่ำเวียนไป
ยังโดนว่าจนสาใจทำร้ายเอา
ฉันเป็นแค่เวลาตามหน้าที่
ยามใครมีผิดหวังในวันเหงา
รักแปรเปลี่ยนกาลหมุนเวียนก็โทษเรา
อยากหยุดเขาขอเวลาหยุดทุกที
ยามมีสุขโทษเวลาว่าแสนสั้น
ยามทุกข์ใจว่าตัวฉันนานเหลือที่
เข็มสามเล่มเศร้าและล้าเสียแล้วซี
หมดวันนี้คงหยุดลาล้าเหลือเกิน
หากเวลาหยุดไปในตอนนี้
คนที่สุขก็คงดีมีสรรเสริญ
แต่คนเศร้าจะคงเศร้านานเหลือเกิน
อยากให้เดินอย่าโทษเวลาคราเสียใจ
18 เมษายน 2546 18:23 น.
ไผ่ม่วง
ไม่ได้เป็นมากกว่าทรายบนชายหาด
คลื่นซัดสาดโถมทับแล้วลับหาย
เมื่อเธอมองจึงไม่เห็นความต่างไป
เลยอยากเป็นเม็ดที่ปลิวใส่ตาเธอ
เมื่อเธอผ่านคำหวานรักมานักแล้ว
ลองเจอแนวแสบสันต์ดูบ้างไหม
เป็นคนดีเธอไม่จำไม่เป็นไร
ขอแสบไว้ให้เธอจำก็ยังดี
18 เมษายน 2546 01:31 น.
ไผ่ม่วง
ห่วงเหลือเกินห่วงใยใจดวงนี้
เฝ้ารักษาไว้อย่างดีจนสุดหวง
เธอใกล้ใครคิดมากไปว่าเขาลวง
อาจเปลี่ยนหวงเป็นหึงบ้างโปรดเข้าใจ
ถ้าไม่รักคงไม่หวงขนาดนี้
ฉันบางทีคิดมากทนไม่ไหว
แค่น้ำตาลูกผู้ชายที่น้อยใจ
อยากได้เพียงความเข้าใจจากปากเธอ
15 เมษายน 2546 00:35 น.
ไผ่ม่วง
ลมกระซิบว่ากระไรหนอใบหญ้า
ดูแผ่วผ่านปานอุษายามไขแสง
หญ้าจึงไหวใจจึงหวั่นจนอ่อนแรง
พลิ้วตามลมนั้นใช่แกล้งแต่หวามใจ
ลมพัดผ่านพาอุ่นอกหรือหนาวสั่น
ลมร้างเลยพรากฝันไปแห่งไหน
ใบหญ้าพลิ้วตามลมรักคงหนักใจ
เธอกระซิบคำใดไว้หนอสายลม