28 มิถุนายน 2551 20:58 น.
ไผ่พิชญา
Intro
วังขันธาวาร สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของคนในตระกูลขันธาวาร ผู้ครอบครองคือชายวัยกลางคนแต่มีใบหน้าอ่อนกว่าวัยนั้นอยู่มาก ม.ร.ว.ภูมิบดินทร์ ขันธาวาร ซึ่งในขณะนี้มีสาวสวยคู่ใจอยู่เคียงข้าง คุณหญิงเนตรนรินทร์ ขันธาวาร ผู้ซึ่งเคยได้รับการยกย่องให้เป็น นางฟ้าแห่งสีหราช"
เสียงฟ้าร้องกระหน่ำรุนแรง ลมพัดกรรโชกจนทำให้หน้าต่างและประตูวังปิดเสียงดังสนั่น หากแต่ว่าตอนนี้นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผู้คนในวังวุ่นวายกันในตอนนี้
ใจเย็น ๆ ไว้นะคะคุณหญิง เสียงสาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้น
โอ้ย เจ็บเหลือเกิน เสียงของนายหญิงแห่งขันธาวารร้องขึ้น
อย่าทรมานแม่นักเลยลูก นายใหญ่แห่งขันธาวารเดินเข้ามาในห้อง พร้อมทั้งเอามือนั้นลูบที่ท้องของหญิงสาวอันเป็นที่รัก ซึ่งตอนนี้กำลังจะให้กำเนิดอีกชีวิตซึ่งเป็นสายเลือดของเขา
อุแว้ ! อุแว้ ! ๆ ๆ
ไม่นานเสียงของเด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังก็ดังขึ้น ทำให้หลาย ๆ คนโล่งอก รวมทั้งผู้เป็นพ่อและแม่ด้วย ความปรีดาที่ได้ลูกสาวคนแรกนั้น ทำให้ทุกคนลืมสังเกตธรรมชาติที่แปรปรวนที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว แต่ถึงใครจะมองไม่เห็นแต่ไม่เคยมีอะไรที่ภูมิบดินทร์ ขันธาวารมองไม่เห็น !
นับตั้งแต่วันที่เด็กสาวเกิดมา ผู้เป็นพ่อตั้งชื่อให้เธอว่า ภูมินรินทร์ เพื่อให้คล้องกับทั้งพ่อและแม่ เด็กน้อยถูกเลี้ยงมาภายในรั้วของขันธาวาร ผู้เป็นพ่อตั้งใจจะให้เติบโตขึ้นเป็นเด็กสาวที่สดใสเหมือนกับเด็กสาวธรรมดาทั่วไป หรืออีกอย่างคือ เขาไม่แน่ใจว่าลูกสาวของเขาคนนี้จะเหมือนเด็กสาวทั่ว ๆ ไป
ในวัยเด็กภูมินรินทร์มีเพื่อนอยู่เพียง 3 คนเท่านั้น คือ พี่ครุฑ พี่นาค และกินรี ทั้งสามเป็กเด็กที่พ่อของเธอให้เล่นเป็นเพื่อนเธอ
วันนี้ทำไมพี่นาคมาคนเดียวหล่ะ ภูมินรินทร์ถามนาคาเมื่อเห็นเดินมาคนเดียว
พี่ครุฑกับกินรีมีงานต้องทำหน่ะ
แล้วพี่นาคไม่มีเหรอ
ไม่มีงานไหนสำคัญไปกว่าการดูแลรินทร์หรอกนะ เด็กชายตอบไปตามที่ใจของเขาคิด
ตั้งแต่เขารู้จักขันธาวาร ชีวิตของเขาสิ้นหวัง แต่พอเด็กหญิงตรงหน้าลืมตาดูโลก ชีวิตของเขามีความหวัง มีสีสัน เขาเรียนรู้การใช้หัวใจจากเด็กหญิงตรงหน้า เพียงแต่เขาต้องเป็นแค่พี่ชายเท่านั้น !
ทำไมนิ่งไปหล่ะคะ เด็กหญิงถามเมื่อเห็นพี่ชายยืนนิ่งไป
ไปเล่นกันเถอะรินทร์
ในตอนนั้นภูมินรินทร์ไม่คิดจะมองผู้ชายคนไหนในโลกนี้อีกแล้วนอกจากพี่ชายตรงหน้า เช่นเดียวกันกับนาคาที่ไม่คิดจะมองและอยากปกป้องผู้หญิงคนไหนอีกนอกจากเด็กหญิงตรงหน้าเขา
และแล้ววันแห่งการจากลาก็มาถึง วันที่เพื่อนของเธอทั้งสามต้องจากไป โดยที่ผู้เป็นพ่อให้เหตุผลว่าต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่เธออายุได้ห้าขวบเท่านั้น ความจริงนี้ทำให้เด็กหญิงช็อคและสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับสามคนนั้นไปจนหมด ! ลืมแม้กระทั่งความรู้สึกดี ๆ กับเด็กชายที่เธอคิดจะมองเขาคนเดียวตลอดไป
..............................................
ลองแต่งดูหน่ะคะ
เรื่องแรก
ช่วยติชมกันด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
6 กุมภาพันธ์ 2551 13:41 น.
ไผ่พิชญา
หมอ คือ ผู้ให้บริการทางการแพทย์และอนามัยแก่ชุมชน เพื่อบำบัดรักษา ฟื้นฟูสมรรถภาพและป้องกันโรคทั่วๆไปได้โดยถูกต้องเหมาะสมด้วยการวินิจฉัยโรค สั่งยา และให้การรักษาทางอายุรกรรม และศัลยกรรมในความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายและจิตใจของมนุษย์ ดังนั้น หมอจึงเป็นอาชีพที่ต้องมีความเสียสละเป็นอย่างมาก ในบางครั้งอาจจะตั้งเสียสละมากกว่าอาชีพอื่นเสียด้วยซ้ำ เมื่อรู้เช่นนี้แล้วคุณยังอยากจะเป็นหมออยู่อีกไหม
สำหรับฉัน หมอในความคิดของฉันคือ ผู้ที่มีความใจบุญศุลทาน พร้อมให้บริการผู้ป่วยด้วยความเต็มใจโดยไม่มีความรังเกียจหรือแบ่งชนชั้นของผู้ป่วย มีความเสียสละ เสียสละแรงกายแรงใจ ถึงแม้ข้างหน้าจะมีอุปสรรคอันตรายมากเพียงใด ผู้ที่เป็นหมอที่ดีก็ย่อมจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคอันตรายนั้น ๆ ไปได้ด้วยพลังกายพลังใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจรรยาบรรณของความเป็นหมอ แต่ในปัจจุบัน มีหมออยู่ 2 ประเภท คือ หมอที่เห็นแล้ว น่าสงสารพยาบาลและเภสัชกร กับหมอที่เห็นแล้วน่าสงสาร สำหรับหมอประเภทแรกคือ หมอที่มีจรรยาบรรณเสื่อมถอยลงไปจนในทุกวันนี้แทบจะหาหมอที่ดีมีจรรยาบรรณมิได้เลย ถึงจะรักษาผู้ป่วยด้วยความเต็มใจ แต่ข้างในลึก ๆ แล้ว คนที่เป็นหมอก็ต้องผลตอบแทนจากการรักษาของตน เปรียบเสมือนเป็นค่าวิชาความรู้ที่ตนเรียนมา ไม่แปลกนักที่หมอทั่วไปจะคิดเช่นนั้น เนื่องจากมนุษย์ทุกคนย่อมมีความโลภและเห็นแก่ตัวอยู่ใจในเสมอ แต่ถ้ามนุษย์ที่เป็นหมอสามารถควบคุมจิตใจของตนเองให้ไม่ลุ่มหลงไปกับสิ่งเหล่านี้ ความโลภและเห็นแก่ตัวก็จะไม่สามารถทำลายหน้าที่และจรรยาบรรณของหมอได้ แต่น่าเสียดายที่หมอส่วนใหญ่กลับไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ปล่อยให้ตนเองหลงไปตามสิ่งเร้าเหล่านี้ จนทำให้หลงลืมว่า ตนเองเรียนวิชาการแพทย์เหล่านี้มาเพื่ออะไร สำหรับชื่อที่ฉันตั้งให้หมอประเภทนี้ เนื่องจาก อย่าที่บอกข้างต้นแล้วว่า หมอประเภทนี้มักจะไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองเท่าที่ควร ดังนั้น ภาระหน้าที่ทั้งหลายจึงตกอยู่กับพยาบาล เภสัชกร และบุคลากรในโรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เมื่อเห็นหมอประเภทนี้และนึกสงสารพยาบาล เภสัชกร และบุคลากรในโรงพยาบาลจริง ๆ หมออีกประเภทหนึ่ง หมอประเภทนี้เป็นพวกหมอที่น่าสงสาร คือประเภทที่เรียนหมอโดยไม่ได้มีความรักความชอบในอาชีพนี้เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ต้องเรียนเพราะโดนทางบ้านบังคับ หมอประเภทนี้เป็นพวกที่มีอาชีพในดวงใจที่รักที่ชอบอยู่แล้ว และถ้าได้เรียนและประกอบอาชีพตามสายงานที่ชอบนั้น ก็จะเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพนั้นได้เป็นอย่างดี แต่กลับถูกบังคับให้เรียนในสิ่งที่ตนไม่ชอบ ไม่รัก ทำให้การเรียนนั้น เรียนไปแบบเรื่อยเปื่อย ไม่เอาจริงเอาจังนัก และเมื่อไปประกอบอาชีพ ถึงแม้จะทำหน้าที่นั้นด้วยความยินดีแต่หมอเหล่านี้ก็จะทำหน้าที่ไม่ได้เต็มที่เท่าที่ควร เนื่องจากเมื่อไม่มีใจรักก็ย่อมไม่มีการฝักใฝ่ในการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวการดูแลรักษาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเราจะไปโทษหมอที่เป็นเช่นนี้ไม่ได้ เนื่องจากสิ่งที่ทำมันไม่ได้เป็นความรักความชอบของเขา ฉันจึงได้บอกว่า หมอประเภทนี้เป็นบุคคลที่น่าสงสารอย่างยิ่ง
นอกจากที่กล่าวมาแล้วหมอที่ดีมีจรรยาบรรณก็ยังมีอยู่ เพราะก็มีหลายคนที่เลือกเรียนหมอเพราะความรักความชอบและต้องการอยากช่วยเหลือผู้คนจริง ๆ และหมอเหล่านี้เมื่อมาทำหน้าที่แล้ว ก็จะมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลรักษา ทำให้เกิดการพัฒนาตนเองและประกอบอาชีพได้ดียิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรียงความเรื่องนี้ น่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ใครอีกหลาย ๆ คนที่กำลังคิดที่จะเลือกเรียนหมอ