26 พฤษภาคม 2550 08:24 น.
ไผ่ดำ
....บ้านกลอนไทย แห่งนี้ ที่เรียนรู้
มีบรมครู ด้านกาพย์กลอน อยู่หลายท่าน
เป็นแบบอย่าง ให้ดู อยู่ทุกวัน
ขอกราบกราน น้อมก้ม พนมกร
....ยกท่านเป็น คุณครู ผู้เลอค่า
ที่ได้มา เป็นแนวทาง คอยสั่งสอน
ให้ทุกคน ที่หลงใหล โคลง-กาพย์-กลอน
ได้ออดอ้อน เขียนกลอนหวาน ตามท่าน..ครู
....ขอฝากตัว เป็นศิษย์ ไม่คิดเทียบ
ตามระเบียบ ตั้งใจ ใฝ่เรียนรู้
คุณธรรม ไม่หย่อนไป ให้เสียครู
จักเชิดชู ครูไว้ ในใจเรา
.....ไผ่ดำ..ขอ อภัย หากพลั้ง..พลาด
ให้โอกาส แล้วตักเตือน เพราะโง่เขลา
ยังอ่อนหัด เขียนกลอน ช่วยขัดเกลา
จะขอเอา เป็นแบบบท..ไว้จดจำ....
26 พฤษภาคม 2550 06:29 น.
ไผ่ดำ
.....ขอฝากใจ ข้ามขอบฟ้า มาหาเจ้า
เพื่อเป็นเงา คุ้มกันภัย ให้เสมอ
แม้อยู่ห่าง แสนไกล ไม่เจอะเจอ
แต่ยังเพ้อ ส่งใจ ไปดูแล
....ยามเจ็บป่วย หมอช่วย ฉีดยาให้
แต่พี่ชาย ส่งยาใจ รักษาแผล
เติมพลัง บ่อยบ่อย คอยดูแล
อย่ายอมแพ้ แม้ชะตา ฟ้าลิขิต
....เจ็บป่วยไข้ เป็นเพราะ มีกรรมเก่า
ตัวของเรา ต้องทำทาน ต่อชีวิต
หมั่นฝึกฝน เสริมสร้าง พลังจิต
เพื่อลบผิด กรรมเก่า ให้เบาบาง
....รักษาศีล พร้อมทำ สมาธิ
เพื่อให้มี สติ มีความหวัง
ความท้อแท้ ทิ้งให้หมด ปลดระวาง
แล้วมาตั้ง ใจมั่น ฟันฝ่าไป
....ความห่วงใย ที่พี่ มีให้น้อง
ขอรับรอง ว่าจริง ใช่เหลวไหล
เหมือนผูกพัน กันมา แต่ชาติใด
จากนี้ไป ให้หาย คลายทุกข์ตรม...
25 พฤษภาคม 2550 07:54 น.
ไผ่ดำ
...ทอดสายตา ออกไป จากนอกชาน
สุดฟ้านั้น ฉันเห็น แสงอ่อนอ่อน
อาทิตย์ขึ้น ริมขอบฟ้า กาบินว่อน
เจ้าขึ้นร่อน ร้องกา..กา ช่างน่าฟัง
...หมู่วิหค ผกผิน บินขึ้นฟ้า
เจ้ามุ่งหน้า หากิน ด้วยความหวัง
บินเรื่อยเรื่อย จนลับ กับฟ้ากว้าง
ไม่เคยสร้าง ความลำบาก ยุ่งยากใคร
...มองในน้ำ ฉ่ำเย็น เห็นมัจฉา
ว่ายไปมา ผลุบโผล่ ผิวน้ำใส
แสงแดดส่อง กระทบน้ำ ได้กลิ่นไอ
ของวันใหม่ สดชื่น ระรื่นทรวง
...เห็นผักบุ้ง ผักปอด ชูยอดสวย
ยังมีกล้วย กอไผ่ ใบโรยร่วง
มะพร้าวน้ำ..หอมเย็น เป็นพวงพวง
บ้างก็ล่วง ลอยไป ไม่มีค่า
...ที่ริมริม ตลิ่งชัน นั้นปลูกผัก
มีหลายหลาก มากพันธุ์ มัน-ขิง-ข่า
ตะไคร้-พริก มะกรูดย้อย ห้อยลงมา
มีลูกว้า เก็บขาย ตามใจเรา
...นั่งมองดู ที่นอกชาน บ้านริมน้ำ
แสนชุ่มฉ่ำ สุขใจ หาใดเท่า
นี่แหล่ะคือ ความหวัง ชีวิตเรา
สุขใดเล่า เท่าบ้านนี้ ที่..ไทยแลนด์..
24 พฤษภาคม 2550 05:57 น.
ไผ่ดำ
...มองเห็นเงา ลางเลือน เหมือนความฝัน
หลายคืนวัน ยังเห็น เป็นเช่นนี้
เมื่อไหร่หนอ จะได้เห็น เด่นสักที
ให้เธอมี ใจกาย มิใช่เงา
สัมผัสได้ กายกลิ่น ได้ยินเสียง
ได้อยู่เคียง ปลอบใจ ให้คลายเหงา
ณ.ตรงนี้ ..ที่มี เพียงสองเรา
ได้แนบเนา อิงซบ อบอุ่นกาย
ได้สุขสันต์ สัมผัสรัก ระรินรื่น
ทุกวันคืน ไม่ห่าง หายไปไหน
ตะวันส่อง จนลับ กับวันไป
แล้วจันทร์ฉาย ก็มาทำ หน้าที่แทน
เพื่อให้มี แสงส่อง มองเห็นเจ้า
เป็นเพื่อนเงา เคล้าคลึง ซึ้งสุดแสน
ได้โอบกาย เชยชิด ติดแนบแน่น
เพื่อตอบแทน เงารัก ทีภักดิ์ดี.
23 พฤษภาคม 2550 17:09 น.
ไผ่ดำ
....วันนี้เรา ยังมีกัน มั่นในรัก
แม้ต้องจาก กันไกล ไม่เห็นหน้า
อยากเชยชิด สนิทแนบ แอบกายา
อยากซบหน้า อกอุ่น หนุนกอดนอน
...ยังรักเธอ มากมาย ไม่เคยเปลี่ยน
ยังพากเพียร ห่วงใย ไม่ไถ่ถอน
ยามหลับตา ยังฝันเห็น เป็นบทตอน
ใจออดอ้อน นอนละเมอ เพ้อในฝัน
...กระซิบข้าง หูเธอ ว่าคิดถึง
ยังซาบซึ้ง ไม่เปลี่ยนใจ ให้โศกศัลย์
ยังซื่อตรง ด้วยจิต นิจนิรันด์
เพราะว่าฉัน มีใจ ให้เพียงเธอ...