20 กันยายน 2553 20:24 น.
ไบเซ็บ
แทนก้าวเดิน มานั่ง ที่หน้าเครื่อง
ไม่รู้เรื่อง นี่มัน อะไรหวา
เฟรดดี้เดิน มานั่งข้าง พิจารณา
มองไปมา กรอกตา แล้วตรองดู
พลางชี้นิ้ว ไปที่เครื่อง แล้วร้องว่า
ตรงนี้น่า จะเป็น ที่หาอยู่
มีปุ่มกด เวลา ที่อยากรู้
คงต้องลอง กดดู คงรู้ดี
แล้วตั้งวัน เวลา ตามที่หมาย
ปีที่ไป พันแปดร้อย ยี่สิบสี่
กดวันที่ สิบสาม เดือนห้านี้
แล้วตรวจดู อีกที ให้มั่นใจ
เฟรดดี้ชวน แทนขึ้นนั่ง คาดเข็มขัด
จงเร่งรัด เดินทาง อย่าสงสัย
เราจะเร่ง ออกเดินทาง ไปที่ไกล
พลางเอื้อมไป กดปุ่ม ในทันที
เสียงเครื่องร้อง ครวญคราง ดังหวีดหวิว
ทุกๆสิ่ง หมุนปลิว พร้อมแสงสี
ไฟกระพริบ กะปริบกะปรอย ดูไม่ดี
อะไรนี่ น่าเวียนหัว ต้องหลับตา
เวลาผ่าน ล่วงไป ไม่นานนัก
เสียงชะงัก ไฟมืดดับ น่ากังขา
แล้วทันใด ไฟสว่าง น่าแสบตา
เอ๊ะ!เรามา ถึงแล้ว หรืออย่างไร
มีเสียงดัง ออกมา จากในเครื่อง
ท่านเดินทาง มาถึงเมือง ดั่งใจหมาย
วันสิบสาม เดือนห้า เหมือนตั้งใจ
ปีนั้นไซร้ พันแปดร้อย ยี่สิบสาม
ทั้งสองร้อง เฮ้ย..เฮ้ย อะไรนี่
เวลานี้ ไม่ใช่ปี ที่เราถาม
เราจะทำ อย่างไร ให้ได้ยาม
ที่เราตาม หาคน อดีตกาล
เราเดินทาง มาก่อน ตั้งหนึ่งปี
ทำอย่างไร กันดี ให้แปรผัน
เร็วตั้งเครื่อง ไปยังปี ที่เขาวาน
เพื่อพบพาน คนที่หมาย ดังต้องการ
เฟรดดี้ดู ที่เครื่อง ร้องแบตหมด
ไม่มีทาง กำหนด ปีที่ขาน
ไม่มีทาง กำหนด ให้ตัวยาน
ให้พบพาน เวลา ตามต้องการ
ในยานนี้ ไม่มีน้ำ และอาหาร
คงต้องออก นอกยาน หาอาหาร
บางทีนั้น เราอาจ ได้พบพาน
ก่อนเวลา ที่เขาขาน ตามที่หมาย
ทั้งสองคน ก้าวลง จากที่นั่ง
มองไปยัง ทั่วห้อง แล้วสงสัย
กองกระดูก ที่เคยเห็น อยู่ที่ใด
คงเป็นเพราะ เราย้อนไป ก่อนเขาตาย
พลางเดินตรง ออกมา อย่างเก้กัง
ตรงมายัง ประตู ดูสงสัย
เราจะออก จากที่นี่ ได้อย่างไร
แล้วทันใด ผนังเลื่อน เปิดออกมา
มีเสียงบอก ตรงนี้ มีสิ่งของ
เมื่อยามต้อง คับขัน อาจเรียกหา
จำต้องใช้ เมื่อพบ พวกพาลา
จะนำพา ให้ตัวรอด จากภัยคน
หนึ่งคือปืน โปรตอน ประจำกาย
ปืนนี้ใช้ ต่อสู้ อย่างได้ผล
มีปุ่มตั้ง ให้ยิง ป้องกันตน
ให้หวังผล เพียงสลบ ล้มกายา
เมื่อปรับเปลี่ยน ปุ่มกด ให้บิดหัน
แล้วผลักดัน คันโยก ไปทางขวา
ก็จะเพิ่ม พลัง ยิงออกมา
ถูกกายา ส่วนไหน ก็ถึงตาย
11 กันยายน 2553 20:00 น.
ไบเซ็บ
เรา..เข้า..มา ในปี อัน..โศก..ศัลย์
ปี..หนึ่ง..พัน เจ็ดร้อย ยี่..สิบ..หมอง
เป็น..ปี..ที่ พวกจาม เข้า..ครอบ..ครอง
ย..โส..ธร ปุระผอง ทั้ง..แผ่น..ดิน
อีก..สี่..ปี ต่อมา เรา..ต้อง..หนี
ด้วย..เพราะ..มี ผู้จะเอา ชี..วิต..สิ้น
ถึง..หนี..ได้ แต่ก็แทบ สิ้น..ชี..วิน
เลือด..ไหล..ริน จากบาดแผล ต..ลอด..เวลา
เรา..คง..ตาย เพราะมิอาจ จะ.หยุด..เลือด
หน้า..ซีด..เผือด หมดแรง ยาก..รัก..ษา
จึง..จำ..ต้อง บันทึก เมื่อ..เว..ลา
มี..ผู้..มา เข้าในยาน โปรด..รู้..ไว้
หาก..มี..ใคร เข้ามา ใน..ยาน..นี้
จะ..ไม่..มี ที่จะออก ข้าง..นอก..ได้
จะ..ต้อง..กลับ ไปช่วยเรา ไม่..ให้..ตาย
มิ..ให้..หาย ไปใน อ..ดีต..กาล
ถ้า..ไม่..ไป ช่วยเรา ใน..อ..ดีต
คง..ต้อง..ติด จนตาย น่า..สง..สาร
เพราะ..ประ..ตู มิอาจเปิด ดั่ง..ต้อง..การ
ต้อง..ร้อง..ขาน ด้วยเสียงเรา เพียง..เท่า..นั้น
แต่..โปรด..จำ วันที่เรา สิ้น..ชี..วิต
โปรด..จง..คิด อย่าได้ ใจ..แปร..ผัน
เป็น..วัน..ที่ สิบสาม เดือน..ห้า..นั้น
ปี..หนึ่ง..พัน เจ็ดร้อย ยี่..สิบ..สี่
ท่าน..จง..ตั้ง เวลา ให้..ย้อน..กลับ
ก่อน..ที่..เรา ชีพดับ อย่า..ได้..หนี
เพราะ..มิ..อาจ จะออกไป อย่า..รอ..รี
โปรด..เร่ง..รี่ รีบไป ช่วย..เรา..ที
แล้วภาพนั้น ก็ดับ มืดสนิท
แทนยืนคิด โอ้อะไร จริงหรือนี่
เราต้องกลับ ย้อนไป ช่วยชีวี
มิรู้มี โอกาสกลับ ได้อย่างไร
แล้วก็คิด ถึงคนรัก ดั่งชีวา
มิรู้จะ ตามหา เราที่ไหน
มิรู้จะ ห่วงใย มากเท่าใด
ดวงฤทัย คงเศร้า แทบจาบัล
ทั้งสองคน ไม่ต้องการ กลับอดีต
จำต้องคิด หาทาง เลี่ยงอาสัญ
เราต้องคิด หาทางออก โดยเร็ววัน
มิฉะนั้น พวกเราคง ต้องอดตาย
แต่ในยาน ไม่มี อาหารน้ำ
ครั้นพอค่ำ ต่างก็ร้อง อย่างกระหาย
ทรุดลงนั่ง หมดแรง มิอาจกราย
พวกเราคง ต้องตาย สิ้นชีวัน
แทนนั่งลง เผลอหลับ แล้วฝันไป
ฝันไฉน คล้ายวันวาน ที่เคยฝัน
เห็นตนเอง เป็นนักรบ เข้าโรมรัน
แล้วฟาดฟัน ศัตรู ให้บัลลัย
แต่พลาดพลั้ง ถูกยิง ด้วยธนู
ร่างตกสู่ ปฐพี น่าใจหาย
แล้วเห็นภาพ เธอที่รัก ร้องอาลัย
โอ้..ไฉน สองเรา ต้องจากกัน
แทนสะดุ้ง ตื่นขึ้น แล้วครุ่นคิด
หรือต้องติด จนตาย น่าสงสาร
แต่ถ้าเรา ไปตาม เจ้าของยาน
อาจพบพาน ทางรอด อยู่ต่อไป
แล้วร้องบอก ร้องเรียก เพื่อนเฟรดดี้
เราสองนี้ จำต้องยอม มิสงสัย
ถ้าไม่ยอม คงต้องติด อยู่ข้างใน
ไม่มีใคร เห็นเรา ตลอดกาล
เฟรดดี้มอง กรอกตา พยักหน้า
ไอคิดว่า คงต้องไป ดังยูขาน
ไม่มีทาง หลีกหนี ดั่งต้องการ
ต้องคงหาญ ย้อนกลับไป ดังพูดจา
6 กันยายน 2553 14:27 น.
ไบเซ็บ
เฟรดดี้พลาง ก้มดูพื้น แล้วร้องว่า
มีหลายอัน อยู่หน้า เนินดินนี้
แทนมองตาม จริงซิ ดูดีดี
ลูกดอกนี้ มีอยู่ ตั้งหลายอัน
พลางเงยหน้า แล้วร้อง อะไรนี่
เนินดินนี้ มีรอยแตก แปลกใจฉัน
เป็นรอยแตก เส้นตรง เหมือนขีดกัน
ความสูงนั้น สองเมตร เห็นชัดเจน
รอยนี้คง ไม่เห็น ในแต่ก่อน
เพราะดินก้อน บังอยู่ มิให้เห็น
แต่คงเพราะ พายุใหญ่ พัดกระเด็น
จึงได้เห็น รอยแตก แยกออกมา
แล้วมองดู เข้าไป ในรอยแตก
มองซอกแซก ข้างใน อะไรหวา
ก็มิอาจ มองเห็น ด้วยสายตา
น่ากังขา ว่ามัน ช่างชอบกล
พลางหยิบมีด สอดเข้าไป ในรอยแตก
มีเสียงแปลก ครืนครืน น่าฉงน
เห็นรอยแตก แยกออก ดั่งเวทย์มนต์
ทั้งสองคน ผงะถอย มิกล้าพอ
แล้วต่างมอง ดูช่อง อ้าออกนั้น
มิเคยพาน มิเคยพบ แปลกใจหนอ
เฟรดดี้บอก พวกเรา อย่างรั้งรอ
เข้าไปขอ สำรวจดู ที่ข้างใน
อาจจะเป็น สิ่งแปลก ไม่เคยเห็น
อาจจะเป็น สิ่งที่ เราพบใหม่
จะทำให้ ชื่อเราสอง ขจรไกล
เมื่อบอกให้ ใครใครรู้ ที่เผชิญ
ทั้งสองคน ต่างเดิน อย่างช้าๆ
อย่างกล้าๆ กลัวๆ ดูขัดเขิน
ไม่รู้ว่า ข้างใน ที่ใต้เนิน
เราจะเดิน ไปพบ อะไรนี่
ทันใดนั้น รอยแยก ก็ปิดงับ
รีบหันกลับ ใช้มือดัน อย่างเร็วรี่
เร็วช่วยกัน ช่วยแยกมัน โดยทันที
ไม่รีบหนี น่ากลัว อย่ารีรอ
แต่ไม่อาจ เปิดออกได้ ดังใจหมาย
โอ้พวกเรา จะตาย กันไหมหนอ
ต่างก็หัน กลับมา ด้วยใจท้อ
ยืนรีรอ มืดมิด มิเห็นใคร
พลันก็เห็น แสงสว่าง กระจ่างขึ้น
ทั้งสองยืน มองไป อย่างสงสัย
มองไปเห็น เป็นห้อง ไร้ผู้ใด
ที่ข้างใน มีเครื่องมือ อยู่มากมาย
จึงเดินพลาง มองไป ภายในห้อง
เห็นมีกอง โครงกระดูก ผุสลาย
ให้สงสัย เป็นกระดูก ของผู้ใด
มีเสื้อใส่ ล้วนผุ ตามเวลา
แล้วทันใด มีภาพ ขึ้นกลางห้อง
เป็นภาพของ ชายหนุ่ม หน้าปริศนา
มีลูกศร ปักไหล่ซ้าย อยู่ติดคา
นอนใกล้ฝา มีแผล เลือดไหลนอง
ใบหน้าซีด ซบเซา น่าสงสาร
ค่อยๆคลาน ลุกนั่ง ดูขัดข้อง
มือขวากุม บาดแผล แล้วหยุดมอง
ดูตรึกตรอง เปล่งวาจา อย่างลำเค็ญ
เรา..นี้..คือ รีก้า ด๊อก..เตอร์..หนุ่ม
เป็น..ผู้..คุม ยานนี้ เพราะ..อยาก..เห็น
ขอม..โบ..ราณ ในอดีต ให้..ชัด..เจน
จะ..ได้..เป็น ผู้เชี่ยวชาญ อ..ดีต..ยาม
เรา..มา..จาก อนาคต ผู้..สร้าง..สรร
ปี..สอง..พัน เจ็ดร้อย ห้า..สิบ..สาม
เดิน..ทาง..ด้วย ยานเวลา หมาย..ติด..ตาม
มิ..เกรง..ขาม บุกอดีต ดั่ง..ใจ..ปอง
28 สิงหาคม 2553 21:45 น.
ไบเซ็บ
เราทั้งสอง รักกัน แรกพานพบ
เดินเคียงซบ ตามทาง ในกลางสวน
ภาพต่อมา เป็นภาพรบ ทั้งดาบทวน
ทุกชีพล้วน โรมรัน ให้บรรลัย
แทนถือดาบ ออกรบ บนหลังม้า
ควบอาชา เข้าต่อสู้ ไม่หวั่นไหว
อนิจจา ถูกธนู พุ่งมาไกล
เข้าที่ใจ ตกจากม้า สิ้นชีวัน
แล้วภาพเปลี่ยน เป็นเธอ เฝ้าโศกศัลย์
แทบจาบัล เมื่อแทน ต้องอาสัญ
สิ่งงดงาม ในชีวิต หมดสิ้นกัน
เมื่อถึงวัน ที่ธอพราก จากฉันไป
ครั้นถึงเช้า แทนนั่ง อ่านหนังสือ
เห็นแต่ชื่อ เห็นแต่หน้า อันแจ่มใส
ในตานั้น เห็นเพียงเธอ ทุกคราไป
ในดวงใจ คิดถึงเธอ มิรู้คลาย
และแล้วพลัน เงยหน้าขึ้น อย่างพลั้งเผลอ
สบตาเธอ ที่เดินผ่าน มิได้หมาย
เป็นความสุข มิพานพบ มิเคยกราย
ความสุขใจ ที่ชุ่มช่ำ เต็มฤทัย
เมื่อได้พบ สบตาเธอ ณ ครานั้น
ทุกสิ่งพลัน สะดุด หยุดเคลื่อนไหว
วินาที นาทีหยุด สะดุดไป
กายและใจ สะดุดหยุด เหมือนไม่มี
ดั่งอัสนี ฟาดลง กลางใจฉัน
ดั่งดวงจันทร์ หยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนหนี
ดั่งดวงเนตร หยุดเห็น นับนาที
ดั่งวารี หยุดไหลรี่ ทั้งธารา
เหมือนดั่งเป็น บุพเพ สันนิวาส
เหมือนดั่งชาติ ปางก่อน พร่ำเพรียกหา
เหมือนดั่งรัก เพียงเธอ ทุกชาติมา
เหมือนดั่งฟ้า ลิขิตมา ให้คู่กัน
ทันใดนั้น แทนต้องตื่น จากภวังค์
มีเสียงดัง ลอดมา ทำลายฝัน
กลับหรือยัง จวนจะลับ ดวงตะวัน
จะขอวาน ช่วยปิดตึก ให้ด้วยที
วันต่อมา แทนพบ เพื่อนสนิท
ทั้งสองคิด เดินทาง ตามวิถี
เราจะรีบ ตรงไป ไม่รอรี
มุ่งไปที่ ปราสาทหิน พนมรุ้ง
เราจะต้อง เดินทาง ผ่านโคราช
แล้วก็พาด ผ่านไป ที่ราบสูง
รีบตรงไป ยังนางรอง ที่ชักจูง
แล้วพามุ่ง ปราสาทหิน ดั่งใจนั้น
เมื่อออกจาก โคราช ได้สักพัก
พายุยักษ์ พัดมา น่าเสียขวัญ
ฝนตกหนัก พายุแรง เมื่อประจัญ
มิพบพาน มาก่อน ในชาตินี้
ในที่สุด ทั้งสอง ถึงจุดหมาย
แต่พระพาย พัดหนัก มิอาจหนี
จำพวกเรา ต้องพักอยู่ หลายราตรี
มิอาจที่ จะออกไป อย่างเคยชิน
เมื่อพายุ หยุดพัด ฟ้าสดใส
จึงรีบไป สำรวจ หมู่กองหิน
ทั้งสองคน เดินดู ตามได้ยิน
พากันปีน สำรวจ ตรวจจนเย็น
จึงเดินออก ข้างนอก แล้วนั่งพัก
ใกล้เนินดิน มิรู้จัก อย่างละเหี่ย
พลางก้มลง มองดู อย่างอ่อนเพลีย
ใช้ไม้เขี่ย พื้นดิน ให้ผ่อนคลาย
แล้วก้มหยิบ ชิ้นเหล็ก เมื่อได้เห็น
เอ๊ะคล้ายเป็น ลูกธนู ดูแปลกนี่
แล้วเรียกแทน มาช่วย ตรวจดูที
แทนร้องยี้ มันแค่เป็น เหล็กค้างปี
21 สิงหาคม 2553 11:38 น.
ไบเซ็บ
แล้วแม่ทัพ ก็ดับ สิ้นชีวิต
กองทัพจาม ตามติด พิชิตผลาญ
ทหารขอม ต่างสู้ ผู้รุกราญ
ด้วยใจหาญ ทุกผู้ดับ สิ้นชีวา
ในเวลา ที่พิสิฐ สิ้นชีวิต
องค์หญิงคิด จิตใจ ดูโหยหา
เหตุไฉน ใจเรา เฝ้าโรยรา
ดวงชีวา อ่อนระทวย ซวนกายา
ครั้นเจ้าชาย ได้ข่าว จากทหาร
ชัยวรมัน แสนเศร้า เป็นหนักหนา
รู้เรื่องราว พิสิฐ สิ้นชีวา
ด้วยเราหา ทัพเสริม ไปไม่ทัน
เมื่อองค์หญิง ได้ยิน ดวงใจหาย
ดวงฤทัย เศร้าโศก สิ้นสุขสันต์
เธอจากไป หัวใจ เฝ้ารำพัน
ทุกคืนวัน มิมีสุข ทุกข์ชีวา
เธอมาพราก จากฉันไป ในครานี้
ดวงฤดี ปวดร้าว เศร้าหนักหนา
เฝ้าร่ำร้อง ด้วยระทม ทั้งน้ำตา
โอ้ชีวา สุดแสนเศร้า แทบวางวาย
เหมือนดวงใจ ถูกกรีด ด้วยมีดดาบ
เหมือนถูกสาป ให้ใจ แตกสลาย
เหมือนถูกหิน ทุ่มทับ ทั้งใจกาย
ให้มลาย เหมือนฉีกร่าง แยกจากกัน
องค์หญิงเศร้า แล้วหลับ นอนฝันไป
ด้วยหัวใจ คิดถึง อย่างโศกศัลย์
เห็นพิสิฐ บอกอย่าเศร้า อีกไม่นาน
จะพบกัน เหมือนดั่ง ฟ้าลิขิต
ปีสองพัน ห้าร้อย สี่สิบสาม
มีอีเมล์ มาถาม จากอังกฤษ
ไอจะมา ศึกษาขอม อย่างใกล้ชิด
อยากให้มิตร ติดตาม ไปด้วยกัน
เมื่อได้อ่าน จดหมาย แทนนั่งคิด
ผู้เป็นมิตร ติดต่อ มาหาฉัน
คือด๊อกเตอร์ เฟรดเดอริค ผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อนรักกัน ไม่ได้พบ มานานยาว
จึงได้ตอบ ตกลง จะไปด้วย
จะได้ช่วย ปรึกษา ให้คลายเหงา
เมื่อมาถึง สุวรรณภูมิ โปรดรอเรา
จะได้เฝ้า พบกัน แสนดีใจ
แล้วอีเมล์ เขียนไป ถึงคนรัก
ที่รู้จัก มานาน จนหมั้นหมาย
พี่จะไป กับเพื่อน ยังแดนไกล
จะส่งใจ ถึงเธอ ดวงฤดี
พลางเอนนั่ง นิ่งคิด ถึงอดีต
ฟ้าลิขิต ให้ได้พบ แม่โฉมศรี
หกปีก่อน ได้พบ กับคนดี
เมื่อเรียนที่ มหา วิทยาลัย
ฉันนั้นคือ นักศึกษา วิชาแพทย์
ยืนหลบแดด แอบมองเธอ สาวน้องใหม่
ก็ได้ตก หลุมรัก ขึ้นในใจ
ไม่เห็นใคร มีเพียงเธอ ในสายตา
เธอนั้นชื่อ อนัทธ์ นามไพเราะ
รูปร่างเหมาะ น่ารัก เสน่ห์หา
เพื่อนเรียกเธอ ว่านิด งามติดตา
เห็นเพียงหน้า โฉมงาม ทั้งเช้าเย็น
หลังจากนั้น เมื่อหลับ แทนได้ฝัน
ถึงวันวาน ในอดีต เหมือนดั่งเห็น
เธอกับฉัน เดินเคียงกัน ในตอนเย็น
เธอผู้เป็น เจ้าหญิง มีผิวนวล