6 มกราคม 2546 21:10 น.
ได้ชื่อว่า..เกรียง..
เรา คือ เด็กน้อยคนหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เรียนหนังสือมาตั้งแต่ 14 ปีก่อน
เราไม่เคยซาบซึ้งกับผู้เป็น ครู มาก่อน....แต่วันเวลานี่เองที่ทำให้ตัวเราผิด
ไปมากจากเดิม .... เราเริ่มรู้และซึ้งค่ากับคำว่า ครู มากขึ้น
เราเชื่อเหลือเกินว่า ครู ไม่ใช่อาชีพ และ ครู ก็ไม่ใช่หน้าที่
แต่เราคิดเสมอว่า ครู คือ บุคคลที่เป็นผู้ให้ โดยมีจิตวิญญาณแห่ง
ความเสียสละอยู่เปี่ยมล้น
ใครจะไปรู้...ว่าเบื้องหลังแห่งความสำเร็จทางการศึกษา มีคนคอยอุปถัมภ์
ค้ำชูเรามาตลอด ... เราเอง ถ้ามีใครสักคนมาเรียกเราว่า ครู
เราจะไม่รังเกียจเขาเลย แต่จะดีใจด้วยซ้ำไป
เคยมีคำถามว่า ทำไมเปรียบครูเหมือนเรือจ้าง ....
เราก็ไม่รู้สิ ... มีคนเคยบอกว่า ครูทำหน้าที่ส่งศิษย์จนถึงฝั่ง
จนประสบความสำเร็จ
แต่ก็ยังมีคนบอกว่า ศิษย์บางคนก็เป็นประเภทที่ว่า
เมื่อครูส่งถึงฝั่งแล้วก็ถีบหัวเรือส่ง
**..อืม...ก็ลองมานั่งคิดดูว่า ครูจะเป็นเรือจ้างได้อย่างไร
ก็เมื่อครูไม่ได้หวังสิ่งรางวัลใดใดจากเรา...
**..จะถึงวันครูแล้ว ไม่รู้จะให้อะไรแด่ครูบ้าง..จึงเขียนบทบันทึกนี้มอบแด่
ครู และศิษย์ทุกท่าน
ฝากท้ายด้วยกลอน 2 วรรคเท่าที่จำได้และถ้าจำไม่ผิดครับ
++++ แม้ไม่เหลือสิ่งใดในปฐพี ก็ยังมีมาลัยมาไหว้ครู ++++
**..รักครูครับ..**
**..แด่ คนที่ปั้นฉันให้มีค่า..**
28 ธันวาคม 2545 08:52 น.
ได้ชื่อว่า..เกรียง..
++++ เคยฝัน เคยหวัง เคยตั้งมั่น
เคยร่วมเรียงฝ่าฟันร้อยปัญหา
เคยรัก เคยหวง ยอดดวงตา
เคยเที่ยวพา ดวงใจ ไปด้วยกัน ++++
++++ ในคืนเพ็ญ ยามวัน พระจันทร์ผ่อง
เคยขับร้อง ลำนำ เป็นเพื่อนขวัญ
เพลงขลุ่ยผิว กล่อมใจ ในวารวัน
ว่าอย่าหวั่น ไปเลย นะคนดี ++++
++++ แต่วันนี้ จะบรรเลง เพลงบทไหน
เพราะคนรัก จากไกล เขาหน่ายหนี
คืนเดือนมืดยืดยาวหนาวฉะนี้
ไร้นารี เคียงข้าง เคยข้างเคียง ++++
++++ ฉันไม่มีวาสนาบรรดาศักดิ์
ไร้พวกพรรค ใครใคร ไร้ชื่อเสียง
ไร้คำหวาน เอ่ยพร่ำ ไร้สำเนียง
มีแค่เพียง คำว่าให้ ทั้งใจกาย +++
++++ จะลบรอย บาดแผล แห่งความหลัง
ให้มันหลั่ง เป็นเลือด อย่าเหือดหาย
ขอลาขาด ทุกแห่งหน คนกลับกลาย
ถึงฉันตาย เธออย่ามา ปิดตาเลย....