8 พฤษภาคม 2553 20:44 น.
ไชยกร
อโยธยาศรีรามเทพนคร
เมื่อกาลก่อนห่อนพิงอิงอาศัย
ครั้นพอสิ้นถิ่นแดนแคว้นไทย
สืบใหม่นครแก้วโกสินทร์
พี่เอ๋ยพี่น้องเหล่าผองท่าน
นึกถึงกาลก่อนอันวันสูญถิ่น
แต่ครั้งเหล่ารามัญบั่นแผ่นดิน
เหล่าชีวินสังเวยไปเท่าใด
สงครามมีฤๅจักคร้ามครั่น
รักษาด้วยใจมั่นไม่หวั่นไหว
จวบจนชีวันจะบรรลัย
มิให้ใครหาญกล้ามาฆ่าฟัน
แต่หากไทยรบไทยใครจักสู้
จักกอบกู้ดินไทยให้คงมั่น
สยามประเทศสิ้นชาติเพราะใครกัน
เพราะไทยนั้นแตกแยกแผกเผ่าพงศ์
นามเอ๋ยนามใดก็ไทยล้วน
หมั่นทบทวนใช่ทำตามประสงค์
ฤๅจะตัดภราดรภาพราบคาบลง
เราก็คงมีเลือดไทยในกายิน
ตัวข้านามหรือชื่อชาวสยาม
พยายามระลึกคุณเจ้าตากสิน
พระนเรศพระสุพรรณเทวินทร์
องค์ยุพิณพระศรีสุริโยทัย
ต่างเอาเลือดเอาเนื้อเข้าต่อสู้
ทุกคนรู้วีรกรรมอันยิ่งใหญ่
ให้โลหิตเหล่าพระเจ้าเปล่าค่าไป
หรืออย่างใดใยเลยมาแตกรัง
7 พฤษภาคม 2553 23:58 น.
ไชยกร
ใครทำให้ขุ่นข้อง หมองหมาง
เก็บท่าสงวนทาง นิ่งไว้
ป่าวร้องที่ข้องคราง ได้สิ่ง ใดนา
สู้เก็บสงวนได้ ดั่งนี้จึงงาม
วางกายดุจดั่งห้วง สายชล
น้ำต่างล้วนระคน ขุ่นข้อง
ตะกอนขุ่นนอนวน ใต้ลึก
เห็นแต่ที่ใสพร้อง ดื่มได้ดังดี
7 พฤษภาคม 2553 22:50 น.
ไชยกร
กล่องกระดาษสีขาวราวปุยนุ่น
ดูอบอุ่นแฝงกลหน้าค้นหา
เหมือนจะเป็นเพียงกล่องธรรมดา
แต่ทรงค่าเพราะเป็นกล่องความทรงจำ
เมื่อวันนั้นที่ฉันจากเจ้ากล่องน้อย
ไม่เหลือรอยอาลัยไม่ครวญคร่ำ
ไม่คิดถึงสิ่งใดเลยที่เคยทำ
ปิดลำนำอดีตไว้ไม่เหลียวแล
กล่องกระดาษสีขาวที่น่ารัก
เอ็นดูนักที่เจ้าไร้ใครแยแส
เจ้าโดดเดี่ยวเหน็บหนาวร้าวดวงแด
เจ้าอ่อนแอลมไฟไม่อาจทาน
เจ้ากล่องน้อยเจ้าเอยเจ้ากล่องกระดาษ
เจ้าสามารถเก็บความสุขซุกซ่อนสาร
เมื่อเปิดกล่องสะดุดพลันภาพวันวาน
ที่พ้นผ่านปรากฏชัดถนัดตา
ฉันเดินจากเจ้าไปในครั้งนั้น
ลืมความฝันลืมสิ่งที่เคยค้นหา
ลืมทุกรสแห่งอักษรอันโสภา
ลืมแม้ค่าบทกวีที่เคยรัก
ต่อจากนี้จะไม่ทิ้งเจ้ากล่องกระดาษ
บรรจงวาดเขียนฝันปั้นสลัก
จะไม่ห่างเจ้าไปให้ไกลนัก
เฝ้าทอถักทำสิ่งที่พอใจ
กล่องกระดาษสีขาวราวปุยนุ่น
อยากขอบคุณที่เจ้าไม่ไปไหน
เจ้ายังเก็บเรื่องทุกอย่างไม่ห่างไกล
ซ่อนเอาไว้ในกล่องกระดาษเอย
เจ้ากล่องน้อยเจ้าเอยเจ้ากล่องกระดาษ
เจ้าสามารถนำความหลังมาเฉลย
โอ้ว่าเจ้าไม่ต่างจากใจเลย
เจ้าไม่เคยลืมสิ่งใดไปได้จริง...
4 พฤษภาคม 2553 22:55 น.
ไชยกร
หนึ่งเทพนิรมิตรมา สรรค์สร้างพารา
สถิตสถานถิ่นไพร
ในเมืองอันสุดแสนไกล สายธารล้อมไว้
ที่มาคำว่าร่องสอน
ดินแดนดงพนัสพนาดร ป่าเขียวขจร
สายหมอกซอกซอนสุดปี
ดั่งม่านมุ้งล้อมธานี งามประเพณี
มีพระธาตุกองมูคู่เมือง
ชนกราบไหว้อยู่เนืองเนือง วัฒนธรรมเรือง
ลือเลื่องดงดอกบัวตอง
พิศผกาสีเหลืองเรืองรอง ดูงามอร่ามทอง
สิงขรพิศดูเป็นอาจิณ
โอบด้วยอกแม่สาละวิน เลี้ยงชาวนครินทร์
เกษมเอมใจในไพรสัณฑ์
ผู้คนหลากวงศ์พงศ์พันธุ์ ชนเผ่าเหล่านั้น
ก็ล้วนได้ชื่อว่าไทย
เคียงเมืองรามัญอันใกล้ หน้าด่านชาติไทย
เวียงชัยนามแม่ฮ่องสอน