url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219 เดือนต่ำดาวตก ******** ช่อดอกข้าว สาวบ้านนา บัวภักดีพลีบูชา อุษาฟ้าใกล้สว่างแล้ว สาวนาได้ยินเสียงไก่แก้วขันเอ๊กอีเอ๊ก เอ๊กอีเอ๊ก ๆ...... นกพากันร้องจุ๊บจิ๊บๆๆๆ ดุเหว่าดงหลงทางอยู่ไหนละหนอละนี่ ถึงได้ร้องเพลงพ้อเสียงหวานเศร้า ปลุกราวไพรราวละเมอหาคู่ พร้องแผ่วแว่วผ่านผสานผสมเสียงไผ่กอที่ซัดส่าย มาตามสายลม..อ่อนๆบางเบาที่พัดผ่านมา ใจสาวนาราวหยาดน้ำค้าง...ในยามเช้านี้ ค่อยๆคลี่ยิ้มหวาน...... รอรับเบิกบานของดวงดอกไม้และดวงตะวันอันอ่อนอุ่นอบอุ่น ที่ค่อยๆหมุนละมุนมาเยื้อนแย้มโลกอีกครา และอีกครา สาวนา.. นอนในมุ้งที่ตลบชายขึ้นไว้ ให้สายลมระรินพัดพากลิ่นหอมหวานจาก*ช่อดอกข้าว* ที่ตั้งท่าผลิระแง้รวงเรียวรายร้อยห้อยย้อยรอแกระเกี่ยวเก็บ รับเสียงจากรายรอบทุกสรรพสิ่ง ที่ยังคงงามเงียบตามปกติสุข สาวนา..หมุนหาคลื่นวิทยุ ฟังบทเพลงแสนหวานจากเครื่องทรานซิสเตอร์แสนเก่า จากนักจัดรายการเสียงแสนหล่อ.. ที่หัวเราะหัวใคร่กับผู้ฟังราวมานั่งคุยตรงหน้า ยามแฟนๆขอเพลง.. http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219 เดือนต่ำดาวตก ทูล ทองใจ : : Key Bb เดือนต่ำดา
ช่องว่าง ..นางพราย แสยะยาวราวภูตผีมิรู้หน นางพรายป่าซุกซนบ่นว่าหิว แสวงหาอาหารพบมารตะคริว รบกันเหนือขนคิ้วว่ายเวียนวน เธอคงว่ายผืนทรายแทนสายน้ำ เย็นชื่นฉ่ำงามล้ำช้ำฉงน วันนี้นางพรายทุรายทุรน ถูกตัดส้นกระทืบดวงหทัย กาลเวลาข่มขืนนางพรายใบ้ ยกรอยใหม่ให้กาได้อาศัย รับร่องรอยบีบคั้นจากวันวัย แหวกว่ายในร่องร้าวก้าวดุดัน กาลเวลาเหมือนอะไรสักอย่างหนึ่ง พุ่งตะบึงกัดกินและสร้างสรรค์ ให้ความหลอกความจริงยิ่งนิรันดร์ เลววันนั้นดีวันนี้ทั้งดีเลว สร้างอันดับให้ความขี้เหร่ วางความว้าเหว่ไว้ปากเหว วางความงามไว้ที่ไฟเปลว สำเร็จ-ล้มเหลว ล้วนคู่กัน กาลเวลาเหมือนเปลวไฟไร้สภาพ แต่ทอดทาบสรรพสิ่งให้เปลี่ยนผัน สร้างหัวเราะสร้างสะอื้นสร้างคืนวัน ให้เราฝันเป็นบางสิ่งจริงคือตาย กาลเวลาเผาตัวเองอย่างเร่งร้อน แต่พักผ่อนสงบงามยามแดดสาย ยิ่งอยู่นานยิ่งรู้ค่าการละลาย รู้ความหมายร่องในใบหน้าตน ทุกร่องรอยบนร่างกายหลายหลาก รอยพบรอยพรากรอยสับสน คือบันทึกเรื่องราวตราบที่คน ยังสืบค้นช่องว่างของนางพราย
ถูกความเหงา..เร้ารุม..กลุ้มใจนัก ด้วยคนรัก..ถูกพรากไป..เกินไหวหวั่น อยู่คนเดียว..เหว่ว้า..มาเนิ่นนาน ผ่านคืนวัน..ยิ่งอ่อนแอ..แพ้ใจตน เคยวาดหวัง..เอาไว้..ขอไร้คู่ แต่จู่จู่..เจ้าหัวใจ..คล้ายสับสน พูดไม่ออก..บอกไม่ถูก..ให้พิกล หลงวังวน..แห่งความเหงา..ราวขาดใจ นอนไม่หลับ..กระสับกระส่าย..ใช่แกล้งเอ่ย ใจเจ้าเอย..อยากมีคู่..อยู่ชิดใกล้ ช่วยขจัด..ปัดเป่า.."เหงาตัวร้าย" ให้หลุดพ้น..จากหัวใจ..ไปเสียที เห็นคนอื่น..ชื่นชู้..ดูจี๋จ๋า "แต่เราล่ะ"..ยังไร้คู่..มาจู๋จี๋ อยากออดอ้อน..เอื้อนเอ่ย..เผยวจี ถ้อยพาที..หวานซึ้ง..ติดตรึงใจ มีบ้างไหม..ใครเล่า..เขาสงสาร ไม่ต้องกลัว.."งบประมาณ"..ตกลงได้ เรื่องหนี้สิน..ผูกมัด..ให้ขัดใจ ไม่เคยสร้าง..เอาไว้..หรอกคนดี หากรักจริง..หวังแต่ง..ไม่แกล้งหยอก อย่าลวงหลอก..รักเล่น..แล้วเผ่นหนี มาสู่ขอ..น้องยังรอ..ต่อไมตรี พร้อมมอบใจ..ดวงนี้..ให้พี่ครอง...
หยดน้ำค้างอยู่กลางแจ้งสู้แรงฝน ช่างมืดมนบนใบไม้ใกล้รินไหล จะอยู่ต่อหรือต้องตกจากพงไพร? เหมือนหัวใจที่มอบไว้ให้แก่เธอ ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปถึงเมื่อไหร่ เมื่อหมดใจเธอก็ทิ้งได้เสมอ บอกกันหน่อยอย่าปล่อยใจให้ละเมอ เธอคือเธอไม่ใช่ใครใจเดียวกัน เค้าคนนั้นคือหัวใจใช่หรือไม่? อย่าเกรงใจให้พูดมาอย่าหลอกฉัน พูดไปเลยคนรู้ใจหรือเพื่อนกัน ขอแค่นั้นแค่วาจามาจากใจ หลอกกันไปก็ไร้ค่าอย่าดีกว่า เสียเวลาอยู่กับฉันให้หวั่นไหว ถ้ารักก็บอกฉันแล้วจากไป ไม่เป็นไรไม่คิดโทษโกรธใจเธอ ก็ขอโทษที่เคยทำให้ลำบาก เพราะรักมากจากหัวใจที่มันเผลอ ฉันผิดเองที่มอบใจไว้กับเธอ ฉันผิดเองคิดว่าเจอ...คนรักจริง
" การละเล่นเด็กไทย " ยุคสมัยบรรพชน ฉลาดเล่น สนุกล้น รู้ฝึกตนคิดค้นทำ อุปกรณ์ช่างเลือกหา ด้อยราคาแต่ค่าล้ำ ปัญญาน่าจดจำ สุข เพลิดเพลิน" เดินกะลา " " ชักเย่อ " " ม้าก้านกล้วย " " ว่าว " น้อยสวย " มอญซ่อนผ้า " " อีตัก " ฝึกมือ-ตา ล้วนมีค่า...ปัญญาชน เด็กไทยควรใคร่คิด อย่าหลงผิดสำนึกล้น การละเล่นชาติตน ควรเชิดชู...คงคู่ไทย
แม่ของฉันนั้นจบแค่ป.4 แม่ไม่มีปริญญามาอวดโอ้ แม่ไม่เคยคุยเฟื่องเรื่องใหญ่โต เรื่องคุยโวแม่ไม่เผยเอ่ยวาจา แม้กายเหนื่อยแค่ไหนแม่ไม่บ่น แม่สู้ทนทำงานมือด้านหนา แม้สองขาเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้า เพื่อลูกยาแม่จะทนจนถึงฝัน หยาดเหงื่อแม่ไหลรินกินต่างข้าว หยดน้ำตานั้นเล่าเพื่อใครกัน อุปสรรคนานาแม่ฝ่าฟัน เพื่อลูกนั้นเพื่อใครไม่คำนึง ลูกไม่มีมาลัยไปกราบแม่ ลูกมีแต่ดวงจิตที่คิดถึง ลูกระลึกความหลังเมื่อครั้งหนึ่ง ภาพเคยซึ้งตรึงใจในวัยเยาว์ อยากโผซบอ้อมอกอันอบอุ่น ตักเคยหนุนอุ่นใจในยามเหงา สัมผัสแม่ลูบแผ่วเพียงบางเบา น้ำตาเราใสใสไหลหลั่งริน .................... ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )
ณ ย่ำคืน มืดค่ำ กระด่างดำด้วยห่างแสง ฝูง นก แลแมลง ก็บินว่อน ลู่เล่นลม สายฝนโปรยลงฟ้า สู่ผืนนาให้ชื่นชม กบเขียดร้องระงม เคล้าเป็นเพลงเพราะเรไร ข้าวไหวใบเขียวอ่อน หิ้งห้อยว่อนส่งแสงไป ราวกับมีงานใหญ่ สมโภชกันกลางเวียงวัง ท่ามกลางเงาราหู ลมพัดลู่เป็นมนต์ขลัง ไก่ร้องส่งเสียงดัง ปานจะบอกเอ่ยความใน ฟ้าแจ้งแสงส่องหล้า เห็นธาราที่นองไหล เต็มเปรี่ยมล้นออกไซ รอปลาไหลเข้ามาชม ข้าวเขียวก็ตั้งท้อง แย้มรวงทองล่องเล่นลม เหมันหวนมาชม ธนูว่าวร้องเพลงไพร รวงทองจะผลิแย้ม สีทองแต้มเต็มท้องไร่ ห้อมฟุ้งคลุ้งกลิ่นไอ เสน่ห์ทุ่งสืบทอดมา วิถีแห่งชาวบ้าน สืบตำนานแห่งชาวนา ธรรมชาติเล่าขานมา ชนพื้นบ้านวิถีไทย
...ไม่เคยมีค่า..ไม่เคยสำคัญ เพราะคนของความปรารถนาคนนั้น..ไม่ใช่ฉันที่เธอโหยหา ฉันก็ยินดีกับคำลาร้างที่ต้องเอ่ย..หวังเพื่อชดเชยค่าเสียเวลา ที่เธอลดตัวลงมาคบคนไร้ค่า..แล้วฉันก็วิ่งโร่เข้าหา..อย่างน่าไม่อาย ...เมื่อทั้งหมดของความรัก ถูกมองเป็นซากแตกหักที่ไร้ความหมาย ต่อให้ฉันร้องไห้จนท่วมฟ้า..เธอก็คงไม่เห็นค่าอะไรมากมาย หากการคบฉัน..มันเป็นเรื่องน่าอาย..ฉันก็ไม่อยากวุ่นวาย..ให้เธอเสียคน ...เพราะฉันมันต่ำต้อย..และด้อยค่า เป็นผู้หญิงที่ไร้ราคา..ไม่มีปัญญาทำให้เธอสน ก็ขอหยุดพักมันไว้เพียงเท่านี้..กับการไขว่คว้าสิ่งที่..ไม่มีตัวตน ให้การจากลาของเราสองคน..มอบสิ่งที่มีค่าเหลือล้น..ให้กับเธอ..
มองคนนอนข้างกายวุ่นวายจิต ลองเพ่งพิศก็น่ารักเป็นหนักหนา ยังซาบซ่านหวานหยดรสกามา แต่ทว่าเจ็บแปลบแสบดวงแด คิดถึงหน้าขวัญใจที่ไกลห่าง ระยะทางห่างไกลทำใจแพ้ เมื่อความเหงารบกวนใจปรวนแปร ใจแน่วแน่ต้องแพ้พ่ายกายแนบเนาว์ ลีลารักทุกตอนย้อนแทงอก ตกนรกหมองไหม้ไฟแผดเผา หวังจะลดความเหว่ว้าให้บางเบา แต่เห็นหน้าของเจ้าคอยเว้าวอน เมื่อพลั้งพลาดเผลอใจจึงได้รู้ รักที่อยู่ในใจเกินไถ่ถอน นี่ครั้งแรกครั้งสุดท้ายใช่แน่นอน ไม่สั่นคลอนรักแท้แน่คือเธอ
นานแสนนานเพียงไหนฉันไม่รู้ เธอไม่อยู่ เคียงข้างข้างตัวฉัน เล่าเรื่องราวดั่งนิยายให้แก่กัน แต่บอกฉันว่ามันไม่มีจริง ทุกเรื่องราวเธอเล่าแล้วร้องไห้ เจ้าชายไหน?...มันก็แค่เอ่ยพาดพิง ไม่มีหรอกที่พักใจไว้แอบอิง คนที่ไร้ทุกสิ่งเช่นอย่างเธอ เธอทำฉันกังวลรู้ตัวไหม ไม่กล้าเผยร้อยคำพร่ำเสนอ ว่าหัวใจบอกว่าอยากพบเธอ แต่กลัวเจอความผิดหวังจากการลา เธอคงยังไม่รู้อะไรเลย หากเธอเอ่ยบอกรักที่สรรหา ดาวเดือนก็เหมือนคำสัญญา สวยงามกว่าแสงหิ่งห้อยยามราตรี จะแปลงกายเป็นเจ้าชายในความจริง จะไม่ทิ้งให้เธอเศร้าเหงาแบบนี้ จะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดี ให้เรามีรักดั่งในนิยาย
หากตัวฉันมีปีกเช่นเหมือนนก จะวิหคเหินลมชมเวหา จะบินไปไกลสุดท้องนภา ถึงสวรรค์ชั้นฟ้าอย่างใจจง บอกนางฟ้าเทวดาบนสวรรค์ ว่าตัวฉันรักน้องปองประสงค์ เป็นสักขีพยานรักที่มั่นคง ขอน้องจงเชื่อพี่วจีใจ จะตะโกนให้ได้ยินทั่วถิ่นฐาน ทุกประเทศเขตบ้านที่ไหนไหน ได้รับรู้ว่ารักนี้พี่จริงใจ มามอบให้แด่น้องเพียงผู้เดียว.
เพราะคิดถึงเธอคนดี จึงยอมทิ้งศักดิ์ศรีกลับไปหา อยากปรับความเข้าใจอยากไปเพื่อเห็นหน้า อยากไปสบตาและบอกว่ายังรักเธอ ในช่วงเวลาที่เราห่างกัน อยากบอกว่าฉันยังมีแต่เธอเสมอ ทุกครั้งที่หลับตายังคงเห็นแต่ภาพเธอ อยากพบอยากเจอยังอยากกอดเธอทุกนาที จะทิ้งทิฐิลงเสียให้หมด และหยุดประชดด้วยการหนี ลืมเรื่องไม่เข้าใจทั้งหมดที่มี เพราะตอนนี้ฉันรู้ดีถึงแม้หนีอย่างไรก็รักเธอ
ความขื่นขม แสงสีสรรแพรวพราว สิ่งสกาวคราวสูญสิ้น ห้วงล่วงลึกแห่งจินต์ พลันโบยบินสิ้นทางจร เหลือฝากจารหนังสือ ร่ำลือดุจสิงขร ห้วงบั่นแสนร้าวรอน สุดจะถอนห้วงแห่งใจ แสงสีสรรเพริศพริ้ง ทรวงใน เราแฮ เฉิดฉันท์อันวิไล ผ่องแผ้ว สูญสิ้นจิตภายใน ขมขื่น จริงนอ ฝันเก่าให้คลาดแคล้ว บั่นห้วงจรรโลง วาววับนับสูญสิ้น มวลพลัง กายแฮ บุกบั่นดั่งมนต์ขลัง ฝากฟ้า แปรเปลี่ยนมิอาจหวัง คืนกลับ เฉลยแฮ แม้นมาดยากไขว่คว้า ม่านแก้วจากสวรรค์ รำพึงคิดจิตไว้ เพื่อนเอย จริงแฮ ยากต่อการอภิเปรย บอกเจ้า ใกล้กาลมรณะเผย ล่วงจิต มวลแฮ น้ำแห่งตาคลุกเคล้า พร่างย้ำร่วงริน พลังแห่งการจารแล้ว เลือนลาง สิ้นนอ หมุนเปลี่ยนเวียนวนจาง จากห้วง โรคภัยสู่จัดวาง บั่นจิต ใจเฮย เพียงนั่งคิดเฝ้าล้วง สิ่งนี้เลือนหาย. แก้วประเสริฐ.
เป็นเด็กสวยผิวผ่อง..อยู่ห้องขาว มีผมยาวเคลียไหล่..ตาใสแจ๋ว เกล้าผมมวยสวมชุดไทย.. ไหมวับแวว เป็นดวงแก้วของพ่อ..รอเจียรนัย ก้าวที่หนึ่งยืดอก..เพื่อกลบเกลื่อน สั่งย้ำเตือนตัวตน..อย่าสงสัย ก้าวหนึ่งนั้นทดลอง..ใครป้องภัย? เจ้าใช่มั้ย..ที่เก่ง.. บรรเลงเอง ก้าวที่สองไม่นิ่ง..ในสิ่งกล้า เก็บนำมาวิเคราะห์..เตรียมเพาะเร่ง ไม่ใช่เด็ก..เฝ้าโยงที่โครงเครง เป็นตัวเต็งก็ได้.. พิสูจน์ดู..(ดิ๊) ..................................... น่า..นา..า..า า.. ซาแว้ป..ปปป..
-๑- ๏ กระจกกระจ่างแจ้ง.......จริงสำแดงดีชั่วฉาย เห็นแท้แก้ฤๅกลาย..........หมายให้รู้ดูเห็นตน๚ ๏ กระจกกระจ่างแจ้ง......จริงลักษณ์ ดีชั่วฉายประจักษ์............ประเจกรู้ เห็นตนหากตระหนัก.......น้อมตรึก...ตรองแล คันฉ่องใช้ช่วยผู้..............เพ่งให้เห็นตน๚ -๒- ๏ รูปงามงามลักษณ์ล้ำ...ภาพฉายทำเฉกเช่นเห็น ล้ำเลิศประเสริฐเป็น......เช่นเฉกชั่วหมองมัวฤๅ๚ ๏ รูปงามงามลักษณ์ล้ำ-...เลิศลาย กระจกก็จะฉาย...............เฉกนั้น ล้ำเลิศประเสริฐกลาย......แกล้งเปลี่ยน เป็นชั่วหมองมัวปั้น..........ป่ายป้ายไปไฉน๚ -๓- ๏ อัปลักษณะเนื้อ...เน่าเหม็นเกลื้อเกลือกด้วยหนอน ไฉนใช่บวร......ปล้อนเป็นแก้วแพร้วเพริศแทน๚ ๏ อัปลักษณะเนื้อ.........เสนอหนอน อันเน่าเหม็นขจร..........ขจ่างแล้ว ไฉนใช่บวร..................วากย์เบี่ยง...เบนนา ชั่วใช่ชั่วใช่แก้ว............ก่องแพร้วกลายพรรณ๚ -๔- ๏ กระจกกระจ่างแจ้ง....จงเจตน์แปลงเปลี่ยนไปไฉน เป็นชนิดผิดจริงไป.......ใจป้ายเปลี่ยนฤๅเพี้ยนจริง๚ะ ๏ กระจกกระจ่างแจ้ง........จงตรอง ใจตรึกตามจริงมอง............แม่นแท้ เหมือนที่กระจกสนอง.........เนตรประจักษ์ นั้นประจากภาพจริงแก้.......แก
"จะหาคนเข้าใจให้ยากยิ่ง จะหาคนรักจริงยิ่งยากใหญ่ จะหาใครสักคนที่จริงใจ มาเข้าใจเรื่องรักหนักใจจริง" เรียน..คุณพี่ศิราณีที่นับถือ นั่นก็คือหัวข้อรอปรึกษา เพราะตอนนี้หนูสับสนจนปัญญา มีปัญหาหัวใจเรื่องชายชาญ หนึ่งเรารักมานานยังหวานหยด เขามียศไม่เด่นเป็นทหาร อยู่ชายแดนเช้าค่ำประจำการ แต่ทางบ้านไม่ชอบลอบคบกัน ยังติดต่อจดหมายหลายฉบับ ยังประทับใจหนูเป็นคู่ขวัญ ทำเพื่อชาติจึงไม่อาจตัดสัมพันธ์ จะลงทัณฑ์สนองคุณวุ่นวายใจ สองเขาเป็นช่างยนต์คนของพ่อ รักเริ่มก่อเมื่อรถตายที่สายไหม เป็นธุระให้เปล่าลากเอาไป ซ่อมแซมให้น่าขับขยับลุย มาดคล่องแคล่วว่องไวน่าใช้สอย เสียอยู่หน่อยหน้าตาน่าทำปุ๋ย แต่มีดีอยู่บ้างเขาช่างคุย ไม่ต้องเดินทอดหุ่ยยามรถพัง คนที่สามรูปหล่อพอไปวัด แต่เห็นชัดเปรียบไม้ที่ใกล้ฝั่ง เป็นพ่อม่ายลูกติดไม่ปิดบัง เขายังหวังให้หนูคอยดูแล ชอบชวนพ่อของหนูเล่นหมากรุก งานสนุกชอบนักนั่งถักแห ไม่ขี้เล่นหยอกล้อและตอแย เรียบง่ายแท้ชีวิตถ้าคิดปลง พี่คิดว่าคนไหนหนูควรเลือก โปรดตัดเชือกเถิดหนาอย่าไสส่ง ตัดสินใจตามความว่าตามตรง ควรมั่นคงกับใคร..จากใฝ่ดี ..
ในวันนี้ระหว่างเรานั้น เป็นได้เพียงแค่คนรู้จักกัน...เฉยเฉย ต่างคนต่างทำท่าทีใม่ใส่ใจละเลย ทั้งทั้งที่ต่างคนต่างเคย...เอื้อนเอ่ยว่ารักกัน สำหรับฉันทีท่าตรงกันข้ามกับความรู้สึก จริงๆ แล้วในส่วนลึกเธอยังคงสำคัญไม่เปลี่ยนผัน ไม่ว่าจะผ่านนานกี่คืนวัน คนเดียวที่มีความหมายมากมาย...นั้นยังเป็นเธอ แต่สำหรับเธอแล้วฉันไม่รู้ สายตาที่มองอยู่...อาจจะเพราะแค่ยามเผลอ บังเอิญมองสบ..ไม่ได้ตั้งใจจะเจอะเจอ พอดีฉันมองเธอเธอมองผ่านไม่..ตั้งใจ อยากให้ทุกอย่างมันคืนกลับ ก็ยอมรับว่ายังรอคอยเธออยู่ไหวๆ แม้รู้ดีวันนี้ทำได้...แค่เพียงมองเพราะสายไป เธอเองก็มีใครคนใหม่..จะมาแคร์อะไรกับแค่คนเคยรัก...ที่ยังรักเธอ
ร้อยดวงใจ...รวมความฝัน...วันดอกปีป ดังประทีป...สุกสว่าง...กลางเวหน รวมน้ำใจ...รวมพลัง..เพื่อปวงชน ทุกกมล...ร่วมรวมใจ...ใฝ่ทำดี จะก้าวไป...พร้อมกัน...วันข้างหน้า เพื่อประชา...เพื่อชุมชน...เพื่อหน้าที่ แม้เหนื่อยบ้าง...ท้อบ้าง...ในบางที ทุกคนมี...ความหวัง...ที่ตั้งใจ ยี่สิบเอ็ด...ตุลา...ฟ้าบรรเจิด ก่อกำเนิด...วันสานฝัน...วันฟ้าใส รวมพี่น้อง...รวมรัก...รวมน้ำใจ รวมเอาไว้...ในวันที่....นี้ตลอดกาล มอบแด่....พี่น้องชาวสีขาวทุกท่านค่ะ