ถ้าถามว่าตอนนี้รักเธอไหม ตอบว่าใช่แต่อาจไม่เท่าวันก่อนนั้น เธอใช่ไหมที่ครั้งหนึ่งเคยทิ้งกัน แล้วจะมาทวงถามความรักจากฉันเพื่ออะไร ไม่มีอีกแล้วคนที่ยอมทุ่มเททุกอย่าง หมดแล้วคนที่เสียใจกับการที่เอทิ้งขว้างอย่างหวั่นไหว วันนี้จะมาเรียกร้องจากฉันมันสายไป รักเธอน่ะใช่แต่ไม่มากเช่นวันวาน พรุ่งนี้จะยังเหมือนเดิมหรือเปล่าตอบไม่ได้ เธอเองใช่ไหมที่ทำลายความรุ้สึกดีๆนั้น ความรักยังคงเดิมแต่ที่ไม่อาจเพิ่มคือความผูกพัน อาจจะน้อยลงจากวันวานเพราะฉัน..เจ็บแล้วจำ
***สามโคกนามเอ่ยอ้าง เดิมที เป็นชื่อปทุมธานี แต่งตั้ง สุนทรภู่จอมกวี บอกบ่ง แปรเปลี่ยนประทานครั้ง ปิ่นเกล้าเหนือหัว ***ปทุมธานีแห่งนี้ เมืองบัว รินส่งเกสรตัว ชื่นข้อย มวลภมรหมื่นแสนมัว เมากลิ่น บินเคลื่อนมาไกลคล้อย แข่งเคล้าเสาวคนธ์ ***อุบลบัวเบ่งแย้ม กลีบบาน ขาวเด่นดอกดวงมาลย์ กลิ่นเกลี้ยง งามชมดั่งนงคราญ ผุดผ่อง เหมือนโผล่จากชลเลี้ยง หล่มต้นสายสวย ***ปทุมธานีแต่นี้ แลรวย มากหมู่มาอำนวย จ่ายจ้าง ตายายแม่เอออวย พรส่ง ลูกนา เดินสู่โรงงานค้าง อยู่ห้องหอปทุม ***ธรรมศาสตร์รังสิตสร้าง ชุมนุม เป็นเยี่ยมมหาลัยขุม หน่อเนื้อ บัณฑิตดั่งบัวตุม บานคลี่ ออกสู่สังคมเอื้อ สุขให้ชาวไทย ***ชาวปทุมห่มแล้ว ศีลใส ทานจ่ายกิเลสไกล ร่างสอ้าน ปัญญาส่องวิไล เห็นแจ่ม เพียรบ่คงเกียจคร้าน เชี่ยวแท้ธรรมกาย *****สุนทรภู่แต่งไว้ในนิราศภูเขาทองว่า ***ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว โอ้พระคุณสูญลับไม่กลับหลัง แต่ชื่อตั้งยังอยู่เขารู้ทั่ว แต่เรานี้ท
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html (บทเพลงฉันรักเธอเสมอ ) เหมันต์ในดวงใจ...ลำน้ำน่าน เมื่อลมหนาวพัดร้าวมากล่อมไกว ดอกไม้ไหวเหมันต์นิรันดร์หวาน มวลสุมาลย์ใต้หล้าฟ้าประทาน ต่างเบ่งบานประดับต้นแห่งนนทรี บานลำพังโรยลำพังกับธรรมชาติ กลีบสะอาดปลิดปรอยในร้อยสี สลัดไว้แต่บุหงาชั่วตาปี ดั่งรักนี้สถิตย์ใจใว้ทุกคราว ลึกซึ้ง... สุดคะนึงคะเนเหลือเมื่อลมหนาว ครวญกวีขลุ่ยเตือนใต้เรือนดาว ให้ลบร้าวลบเลือนเถิดดวงใจ.... คิดถึง....... ดอกบัวบึงสายธารแสนหวานไหว กาลเวลาโรยร่วงจากบ่วงใบ ถักสายใยอีกคราวหนาวมาเยือน มั่นคง.... อัสดงตรงฝั่งฟ้าเวลาเหมือน มวลดอกไม้สายธารและลานเดือน หวังเป็นเพื่อนจิตวิญญาณจนกาลคลาย.... หมายมั่น... ลั่นสัญญารัดตรึงซึ้งจุดหมาย ทะเลหมอกเมฆห้อมหลอมละลาย หลีกลมร้ายมาเมตตาและปราณี... อ่อนโยน... ดั่งขุนเขาทะโมนอย่าหลีกหนี ร่วมจรรโลงคุณงามและความดี ตราบชีพนี้ลาลับกับเหมันต์........ ................... เป็นเช้าที่ไสว เหลือเกิน ดวง.. เดินดายเดียวมายังเส้นทางสายชนบทที่แสนงาม แล้ว.. ในท่ามดงตาลแลท้องทุ่งนาพาให้ ดวงเพลินยืนจ้องดูบัวแล้งน้ำ..ที่ณ..บัดนี้กำลังแห้งคาบึง ให้หัวใจด
๏ ฐานมาตรชี้ ร้าวฉาน เถื่อนมาตรฐาน ถิ่นไท้ ชำเรากาล กินกร่อน ไส้ลากไส้ ส่งเมือง ๏ ขุดเรื่องร้าย ข้ามลาม ลุกไฟสยาม แย่งยื้อ อำนาจหาม อำนาจ ชาติใช้ซื้อ ชาติชน ๏ ต่างป่นปี้ แปลกปลอม ต่างเบ้าหลอม เหลี่ยมร้าย ต่างไม่ยอม เพราะต่าง ต่างเปื้อนป้าย ต่างเป็น ๏ โจรเซ่นไหว้ กราบโจร ดิ้นในโคลน เข่นดิ้น พระเอนโอน อวดพระ มัวทั้งสิ้น หม่นมัว ๏ เอาชั่วร้าย ชี้นำ ชั่วย่อมถลำ ไล่รื้อ ม
นัยน์ตาเธอดั่งแหล่งน้ำล้ำลึก เปี่ยมด้วยความรู้สึกเคลื่อนเคลือบแสง เคลื่อนฉายแววอารมณ์คลื่นเปลี่ยนแปลง ตามชีวิตปรุงแต่งที่บันดาล เธอผู้เติบขึ้นมาด้วยไอกลิ่น ของแผ่นดินทะเลสาบและฉ่ำหวาน ด้วยลิ้นได้ดื่มจากกระบอกตาล ท่ามตำนานท่านพะโคลูกแก้วงู เธอผู้อบร่ำด้วยรสสุคนธ์ยามเช้า และกลิ่นดอกสาวเหล้าตรลบอยู่ จากพลบจนค่ำดาวเฝ้าดู จวบจนรู้ห้วงรักล่องรัญจวน เมื่อเขาฝ่าฝ้าหมอกแห่งตำนาน ผ่านเข้ามาในชีวิตเธอทุกส่วน จนเอมอบวัยหวานอันก่อนควร ทั้งมวลให้เขานำพาไป
*...เจ้าลูกชายเอ๋ย...ระวังมารยาทตัวเองหน่อย คอยมองหน้ามองหลังไว้เสมอ เจ้าต้องทำตัวเป็นลูกชายที่ดี แล้วเป็นอะไรไปอีกล่ะนั่น มั่นคงเข้าไว้...หยัดยืนสองเท้าให้มั่น ยืนตัวตรง...นั่งให้สง่า อย่าเดินสะดุด...แกว่งไปแกว่งมา เจ้าต้องทำทุกอย่างให้ออกมาดีเยี่ยม เมื่ออยู่ที่โรงเรียน เรียนให้เกรดดีที่สุด ไม่มีคำว่าพลาด ลูกผู้ชายไม่มีวันท้อง่ายๆ .....................................................* ต้องเป็นคนสำคัญให้ได้ในวันหนึ่ง หรือเป็นดาราชื่อก้องฟ้า เป็นอะไรก็ได้ที่มิใช่เป็นตัวเจ้าแท้จริงที่เคยเป็นมา ค้นหาสาวสวยที่จะมาอยู่เคียงข้าง แล้วเฝ้าติดตาม..ปกป้อง..ปรนเปรอทุกสิ่งที่เธอต้องการ เป็นประมุขใหญ่ของบ้าน แต่แท้จริงเป็นทาสที่ทำงานสาหัส จนวันเวลาที่ได้สงบนิ่งในหลุมศพเดินทางมาถึงเร็วกว่าที่เจ้าคาดไว้ แต่รู้ไว้เถิดหนา..ชายหนุ่มเอย..เธอเองก็ควรค่าจะเป็นที่รัก เธอควรค่าจะได้ทุกสิ่งที่เป็นจริงมิใช่เพียงภาพมายา ถึงเวลาจะเยียวยารักษาตัวเองแล้ว ได้เวลาที่เธอจะรู้สึกอะไรแท้จริงด้วยหัวใจตัวเองเสียที...*
...เฝ้ามองหาจันทร์งามอย่างยามก่อน เจ้าหลบซ่อนอยู่ไหนไยไม่เห็น คร่ำครวญหาอุราร้าวเศร้าลำเค็ญ หรือคงเป็นเพราะฉันนั้นเปรียบดิน ...เพียงใคร่ยลโฉมจันทร์ยังฝันสลาย ช่างน่าอายหลงละเมอเพ้อถวิล ศศิเพ็ญเด่นนภาครายลยิน ทั้งห้วงจินต์หม่นเศร้าใต้เงาจันทร์ ...เฝ้าตั้งจิตอธิษฐานขอพานพบ ก่อนดินกลบพบจันทร์งามตามที่ฝัน จะโอบกอดพรอดพร่ำคำรำพัน เคียงคู่กันตราบฟ้าสิ้นผืนดินจร ...จะมีไหมวันนั้นฉันอยากรู้ ที่จะอยู่เคียงกายสายสมร แหงนมองฟ้าทุกคราวใจร้าวรอน ต้องแอบซ่อนสะอื้นอีกคืนแล้ว..
มองไปรอบ ก้มีลมพัอแผ่วๆ ก้สยดีสะดวก สะบายหลายอย่าง ก็คงต้องคุยกับพื่อนที่อยู่ที่นี่บ้าง เค้าบอกว่า ตึกสูง ไม่กี่ชั้นไม่เกิน23ชึ้น หากสร้างแข็งแรงไม่น่าวิตกเป็นห่วง บ้านอื่นเยงร้อยกว่าชั่นคะ
เสน่ห์สาวเหนือ ...โอ้กรรมใดมาหนุนให้ครุ่นคิด พาดวงจิตใฝ่ฝันกระสันหา หลงรอคอยน้องเจ้าทุกเวลา เจียนเป็นบ้าเสียเพราะรักให้หนักใจ หอมเจ้าเอยแพรดำหล่อนร่ำอบ กลิ่นตรลบทั้งเคหาที่อาศัย ไม่เท่ากลิ่นโศกรักสลักใน ดวงฤทัยพี่ยาในครานี้ ลำดวนเอ๋ยเคยบานประสานกลิ่น ยามยุพินนวลละอองประคองที่ ใยโรยร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี สุคนธีเคยหอมกลับตรอมไป โอ้กรรมใดมาซ้ำให้จำจาก ต้องพลัดพรากจากดวงจิตพิศมัย กาเหว่าครวญแว่วดังวังเวงใจ คนึงใครมิเท่าสาวสารภี สิเหน่หาสาวเหนือต้องเชื่อแล้ว โอ้ดวงแก้วแม่งามนงรามศรี จะอิ่มองค์ก็คงอิ่มโศกโศกี จะอดนี้ก็อดเชยสังเวยกรรม ฯ
หลับไป... และฝันว่า... อยู่บนฟากฟ้าแสนไกล... มีเพื่อนเป็นดวงดาว ปุยเมฆขาวพราวฟ้าใส สายฝนเย็นฉ่ำใจ คือสายใยความผูกพัน ...เมื่อฉันตื่นขึ้นมา และพบว่าเป็นเพียง "ฝัน" เสียดายอยู่เหมือนกัน ที่ความฝันพลันร้างรา ...แล้วก็ได้พบความจริง ทุกๆสิ่งที่พบมา ถึงแม้จะมากมีค่า แต่...ไม่ควรเสียเวลา ...ให้กับความฝันนานเกินไป...
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนแปรผัน ดังชีวิตคนเรานั้นอาจผันผวน ชั่วแล้วดีมีเจ็ดครั้งยังใคร่ครวญ ทุกสิ่งล้วนอนิจจังสังขารใคร อาทิตย์ดับลับทิวไม้ที่ชายป่า จึ่งจันทราแจ่มกระจ่างสว่างใส วันนั้นสุขวันนี้เศร้าคละเคล้าไป หมุนเวียนไปเช่นนี้ตราบนิรันดร์
มนต์พระสวดพร้อมชยันโต ประนมพุทโธ ไชโยคำนับรับพร รักหวานสงกรานต์ทักษอร วิวาห์หน้าร้อน เคียงหมอนสมหวังตั้งใจ ใต้คู่มะขามบังใบ งดงามอำไพ พฤกษ์ไพรรับรู้เป็นพยาน มิ่งมิตรสดชื่นเบิกบาน ร่วมรื่นเต็มงาน ซาบซ่านปิติยินดี สมบูรณ์พูนสุขล้นปรี่ พร้อมพรั่งพิธี สมศรีสมศักดิ์นิรันดร์ จารึกเป็นคู่อัศจรรย์ ประทับรับขวัญ รักกันตราบสิ้นดินฟ้า
ถวายพระพรบวรราชา สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ ดวงใจเจิดกระจะแจ้งแจรงรุจิระใจ ใจไทยถวายไทจุฑา ทรงเปี่ยมบารมิบุญอดุลยกนครา ยิ่งศรีสุรียาธ ยง ยงยศยิ่งปิยราชพระบาทศุภผจง เจิดศักดิ์อนรรฆ์คงนคร ใดปองเป็นอริไท้ไผทบทบวร ร้างร้ายสลายรอนนิรา ขอองค์ตรีมณิรัตน์ ขนัดมรุคณา มูลมองประมาณมาประมวล ขอราชาธิบดี ธ นีรพระประชวน ทรงศรีเกษมสรวลสราญ น้อมใจจากนรเจตน์พิเศษวจนจาร ดลภูมิภูบาลบดินทร์ ทรงครองราชย์ถวัลย์นิรันดร์นิตยทิน ธำรงสุธานินทร์นิรันดร์ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นายชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณ ประพันธ์ถวายพระพร ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงหายจากพระอาการประชวนโดยพลันเทอญ พระพุทธเจ้าข้า
คณิตศาสตร์ก็ไม่เก่ง อย่ามาเร่งเรื่องเรขา ฟิสิกส์ไม่เข้าท่า เจียนจะบ้าภาษาไทย อังกฤษยิ่งแล้วใหญ่ อ่านน่ะได้ฟังไม่ไหว ชีวะ ขอละไว้ อ่านเท่าไรไม่เข้าใจได้สักที เรื่องเล่าเรียนการเขียนอ่าน เรื่องของงานพาลต้องหนี ชีวิต ..ชีวิตนี้ ได้เต็ม 4 ก็คงมีแค่ รักเธอ
ในความจริงยังมีความฝัน ดวงตะวันยังคงส่องแสง ท่ามกลางพายุที่โหมแรง ใจที่แห้งแล้งฤาหยัดยืน ชืวิตไม่มีสิ่งน่าพิสมัย อย่าใส่ใจกับสิ่งขมขื่น ทำวันนี้ให้ใสสดชื่น ทุกค่ำคืนจงฝันในสิ่งงาม ความจริงของชีวิตโหดร้าย ความเป็นความตายยังทวงถาม จงฝันในคืนที่แสนงาม ปล่อยใจไปตามจินตนา ปลดปล่อยตัวเองบ้าง อย่าฝันร้างเดี๋ยวกลายเป็นบ้า ถ้าเธอฝันที่จะจับปากกา จงหยิบขึ้นมาแล้วร่ายเป็นกลอน
๑.เธอยังนั่งชันเข่าบนเก้าอี้ ควันบุหรี่รสกร่อยยังลอยคว้าง ลิปสติกแห้งผากบนปากบาง ฤๅอำพรางอดีตอันซีดเจือ ร่างชายหนุ่มวัยอ่อนยังนอนหลับ ในห้องที่ประดับด้วยไฟเรื่อ จบเพลงกามกระสันบนหนั่นเนื้อ ท่ามกลิ่นเหงื่อกลั้วเกลือกด้วยเมือกกาม ๒.แสงยามสายฉายส่องสู่ห้องหม่น ริมถนนจีวรเหลืองอร่าม สงฆ์ผู้น่าเคารพสงบงาม ท่านก้าวข้ามกองทุกข์แล้วหรือไร ๓.แม่คงตื่นก่อนไก่เตรียมใส่บาตร คงถือถาดใบน้อยไม่ค่อยไหว ลูกเคยช่วยหุงข้าวจุดเตาไฟ เธอจากไปนานจนคนลืมเลือน ลืมเด็กหญิงคอซองชั้น ม.สาม ผู้หนีตามชายหนุ่มในกลุ่มเพื่อน เด็กที่ไม่แยแสคำแม่เตือน เด็กที่เปื้อนเปรอะคราบแห่งราคี เพราะยังเยาว์อ่อนไหวและไร้หลัก มีความรักแรกคล้ายไอบุหรี่ หลงควันขาวว่าคือมุกมณี เพียงนาทีก็สลายลงหายวับ รู้ตัวว่าถลำก็ร่ำไห้ เวลาไม่มีวันจะหวนกลับ เมื่อโลกใบน้อยน้อยเธอย่อยยับ เหลือประทับรอยบาปเป็นภาพจำ . ๔.เธอกระดิกบุหรี่เคาะขี้เถ้า ควันสีเทาก้นหอยกลับลอยต่ำ คลี่เศษแบงค์ค่าเกมแห่งกามกรำ คงพอนำส่งบ้านให้มารดา เป็นสิ่งดีสิ่งเดียวที่ทำได้ ที่ทำให้ชีพนี้พอมีค่า กตัญญูต่อผู้ควรบูชา จากเคยศรัทธาในยาพิษ ๕.ลิปสติกสีแจ่มถูกแต้มใหม่ ล้างคราบใคร่คาวเขร