24 กุมภาพันธ์ 2548 17:10 น.
ใยไหม
๏ แสงตะวันเฉิดแพร้ว...........งามสรรพ์
กว่าหมื่นกว่าร้อยพัน...............เปรียบได้
เพียงพิศยิ่งเฉิดฉันท์.์.............สลักจิต แม่เฮย
สรรพสิ่งบนโลกไซร้................หยั่งพร้อมดำเนินตาม ๚
๏ วิถีคนสัตว์ล้วน.................พึ่งพา
เพียงส่องแสงลงมา...............เยี่ยมพื้น
สรรพสิ่งต่างเริ่มพา................พร้อมเพื่อ
สุขสมบูรณ์กลับฟื้น...............สู่ครั้งก่อนกาล ๚
๏ เมล็ดพืชเริ่มผลิแล้ว...........บัวบาน
ด้วยอรุณได้ฉาดฉาน.............สู่เจ้า
หมู่ภมรเร่งดอมจาน*..............ดารดาษ แม่เฮย
ด้วยสุขที่คอยเฝ้า................. .จ่นครั้งมาสนอง ๚
๏ หลายชีวิตต่างพร้อม.............ยินดี
คุณค่าอันมากมี........................กล่าวอ้าง
ดังเช่นเฉกในฤดี....................แห้งผาก นาพ่อ
ฉ่ำด้วยหยดน้ำค้าง..................พร่างแพร้วอีกหน๚๛
22 กุมภาพันธ์ 2548 21:02 น.
ใยไหม
เหนื่อยเหลือใจฉันทำไมเป็นอย่างนี้
เหงาแสนเหงาเหลือเกินที่จะสดใส
คงไม่มีใครมาหาค่าหัวใจ
ถึงเหงาไปก็คงได้แต่เดียวดาย
สุดระกำช้ำหนอต่อใจฉัน
ถึงจะเหงาเฝ้ารำพันก็ไม่หาย
คงต้องอยู่ตัวคนเดียวปล่าวเปลี่ยวดาย
ใจคล้ายคล้ายโดนรบเร้าด้วยเหงาเยือน
.......
20 กุมภาพันธ์ 2548 16:27 น.
ใยไหม
๏ แห่ผ้าขึ้นพระธาตุ..........เมืองนครฯ
ศิลป-วัฒนธรรมสอน.........สั่งไว้
สั่งลูกสั่งหลานจร................จดว่า
จักกลับมาแห่ไซร้..............ทราบถ้วนทั่วกัน ๚
๏ วัฒนธรรมมากล้วน......ชื่นชม
เป็นที่ชนนิยม...................ยิ่งล้ำ
คุณค่ายิ่งสั่งสม..................มาแต่ บุราณเฮย
หากเปรียบได้ดั่งค้ำ...........ค่าไว้คู่เมือง ๚
๏ บรรพบรุษมอบให้...........สิ่งงาม
เพื่อฝากลูกหลานตาม.........ติดต้อง
กระทำอย่างมอบนาม..........เหนือค่า
อณุรักษ์คุณค่าคล้อง............คู่ฟ้ามลายสูญ ๚๛
17 กุมภาพันธ์ 2548 17:16 น.
ใยไหม
๏ เนิ่นนานใช่แค่น้อย............ล่วงวสันต์
คุณค่ายิ่งอนันต์-.....................จวบพ้น
รอคอยตราบกาลกัลป์..............ทราบซึ่ง ใจเฮย
ใจสู่ใจท่วมท้น........................ทบถ้วนหฤทัย ๚
๏ นานตราบวสันตฤดู..............ผันผ่านกาลสู่
อีกฤดูไม่คิดแปรผัน
รอคอยวันหนึ่งความฝัน.............จะสานร่วมกัน
ความนั้นยึดมั่นในใจ ๚
๏ เพียงพบเจอใช่พลั้ง....................ผิดไฉน
ตาต่อตาประสานใน........................จิตนั้น
เพียงเอื้อนเอ่ยด้วยใจ....................นิดหน่อย
ดั่งบ่วงที่ผูกรั้น................................ยิ่งคล้อยครวญถวิล ๚
๏ เพียงแรกที่ได้พบเจอ........................น้ำคำของเธอ
มันเผลอซึมผ่านซ่านใจ
เข้าใจยิ่งกว่าคำไหน..............................เอื้อนเอ่ยออกไป
ให้จิตสนิทเสน่หา ๚
๏ น้ำคำเพียงเอ่ยเอื้อน...............อุปมา
เพียงมธุรสวาจา..........................สั่นเทิ้ม
ยิ่งฟังยิ่งตรึงตรา.........................ติดอยู่ หทัยเฮย
ถ้อยดั่งทิพย์ให้เคลิ้ม..................สู่ห้วงบ่วงสวรรค์ ๚
๏ น้ำคำมธุรสวาจา........................กล่าวความเป็นมา
ยากหาถ้อยล้ำคำใด
มาแทนรักและห่วงใย....................ที่อยู่ในใจ
มอบให้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ๚
๏ ดั่งอักษรที่รื่นร้อย....................เรียงตาม
หมื่นคำสู่นิยาม...........................หนึ่งนั้น
ซ่านซึ้งยิ่งกว่าความ.....................คำเปรียบ เทียบนอ
หากจักต้องคลายครั้น..................เคลื่อนคล้อยคงสลาย ๚
๏ อักษรที่รื่นร้อย..........................เทียบคุณค่าคอย
เท่าร้อยพันหมื่นจากสวรรค์
หากจักต้องคลายหายกัน.................คุณค่าลงพลัน
ใจนั้นคงจักวายปราณ ๚๛
....จากบทประพันธ์นี้ ผู้ประพันธ์กำลังสื่อถึงถ้อยคำของคนรัก เปรียบได้ดั่งถ้อยคำที่มาจากสรวงสวรรค์ เหมือนดั่งการรอคอยแม้นานเพียงไร หากได้รับซึ่งคำๆหนึ่งจากคนรักแล้วก็คุ้มค่า ***...
....และการพบเจอเพียงครั้งย่อมเกิดความเข้าใจกันยิ่งกว่า การพบเจอเพียงภาพมายา...
***ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคำพูด คำสัญญาเพียง 1 คำ ไม่อาจเทียบได้กับการกระทำที่เป็นดั่งคำพูดและคำสัญญานั้น...
2 กุมภาพันธ์ 2548 11:01 น.
ใยไหม
๏วันแรกพบจึ่งเพ้อ..............ลำพัง
ได้แค่เพียงหนึ่งหวัง...........อยู่พร้อม
ความคิดยิ่งเกิดพลัง..........เคียงคู่
เร็วรี่เร่งร่ายร้อม................เก็บเบี้ยใส่*เนียง๚
๏หวังขอเพียงหนึ่งน้อง...........นวลนาง
มาช่วยเดินร่วมทาง..............ชิดใกล้
รักพี่ไม่เคยจาง....................สยบอยู่
ใต้บาทของแม่ไซร้...............อย่าได้หวั่นเกรง๚
๏เคยนักเลงเก่งแล้ว.................เพียงไร
ต้องสยบอยู่ด้วยใจ................แม่แล้ว
หวังเพียงแม่อย่าไกล.............รักพี่ แน่เฮย
จิตจักอยู่มิแคล้ว...................มั่นแท้แม่นาง๚
๏กำมิวางหากน้อง....................นั้นถวิล รักเฮย
รักจักไม่โผบิน.......................จากเจ้า
จักมั่นแม่ยุพิน.......................เพียงแค่ หมดใจ
รักจักเฝ้าคลึงเคล้า.................ตราบฟ้าดินสลาย๚๛
*เนียง เป็นคำในภาษาถิ่นใต้หมายถึง โอ่งหรือไห...
1 กุมถาพันธ์ 2548