28 มกราคม 2551 20:18 น.
ใบคา
ในวันที่อากาศแจ่มใส เรานั่งดื่มน้ำอำพันกันตั้งแต่เข็มสั้นและยาวของนาฬิกาชี้ตรงเลขสิบสองพอดี เราไม่ได้สังสรรค์กันด้วยความหลงใหลในบรรยากาศของการร่ำสุราอย่างที่พญามังกรแห่งบรรณพิภพของจีนกล่าวไว้ แต่ที่เราตั้งวงเร็วกว่าใครเพื่อนนั้น เพราะหลงใหลได้ปลื้มกับรสชาติความบันเทิงจากผลสนองของน้ำในขวดสีน้ำตาลนั่นเอง
หลังเมาได้ที่ ต่างนัดแนะกันไปร้านคาราโอเกะ ร้องเพลงให้เสียงแหบแห้งไปข้างหนึ่ง แต่ต้องคอยอีก 3 ชม. กว่าร้านจะเปิดทำการ นั่นก็หมายความว่าเรามีเวลาเพิ่มดีกรีความเมาอีกนิดหน่อย
จำเพาะเจาะจงต้องร้านนี้เท่านั้น สาเหตุไม่ใช่อื่นใด เป็นเพราะว่าน้องๆ คิดค่านั่งคุยไม่แพง 80 บาทต่อชั่วโมง ทำให้ต่อมกิเลสทำงานได้ไม่ยากเย็น จากเสียงลือเสียงเล่าอ้างของเพื่อนรุ่นน้องที่เคยประสบมาบอกว่าราคานี้สุดคุ้มถึงขั้น คม-ชัด-ลึก เลยทีเดียว
บรรยากาศหน้าร้านเหมือนกับร้านคาราโอเกะโทรมๆ ริมถนนทั่วไป มีน้องนางสวยบ้างไม่สวยบ้างมานั่งคอยเรียกแขก ภายในก็ยิ่งทำให้เข้าใจว่าเหตุใดราคาย่อมเยาสบายกระเป๋าถึงเพียงนั้น เรายืนมองซ้ายแลขวาท่ามกลางสายตาของพนักงานนับสิบคู่
ไม่อาย
เพราะหน้าชาด้วยฤทธิ์สุราหมดแล้ว
เอาห้องวีครับ วิชัยเพื่อนผมเอ่ยปากกับบริกรหลังจากสังเกตการณ์แล้ว เออ! เดี๋ยวก่อน ค่าห้องเท่าไหร่
ชั่วโมงละร้อยครับ ให้น้องๆ ไปนั่งเป็นเพื่อนไหมครับ
เอาน้องคนนั้นให้มานั่งคุยกับเพื่อนพี่ด้วย วิชัยชี้นิ้วไปหยุดตรงหน้าสาวน้อยร่างเล็กในชุดสีแดง ซอยผมสั้นกรอกน้ำตาลปิดบังใบหน้า ขาวเนียนของเธอ
ผมถึงกับอึ้งในการรุกของเพื่อนเกลอ แต่ก็ถูกใจตัวสาวน้อยจึงเงียบไว้ ไม่กล้าขัดกลัววิชัยจะเปลี่ยนคนให้
แล้วพี่ล่ะครับ
เลือกมาให้หน่อย เอาสวยๆ นะ
เดี๋ยวผมเรียกน้องๆ ไปให้พี่เลือกในห้องดีกว่า
ร้านคาราโอเกะเป็นตึก 5 ชั้น แต่กลับมีห้อง V.I.P เพียงห้องเดียว แถมในห้องยังมีเบาะนอนเล็กๆ พร้อมหมอนอีก 1 คู่ วางไว้เผื่อใครเมานั่งร้องเพลงต่อไม่ไหวหรือไรกัน? ผมถามตัวเอง
น้องชุดแดงมาแล้วกับขวดสปายรสส้ม 1 ขวด นั่งข้างผม
ภาพมิวสิควิดีโอเพลง ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ ก็เริ่มทำงาน แต่เรายังไม่พร้อมที่จะร้องเพลง
วิชัยยังไม่มีคนนั่งข้าง
บริกรหนุ่มคนเดิม เดินขึ้นมาพร้อมสาวๆ อีกเป็นขบวน แต่เพื่อนผมใจร้อนเลือกสาวร่างอวบที่ก้าวขึ้นมาคนแรกทันที เธอไว้ผมสั้น นุ่งกระโปรงยีสต์สั้นนิดเดียว เธอชื่อ จอย
ส่วนชุดแดงข้างผมนั้นนามเธอคือ พลอย
มีอะไรขาดเหลือบอกได้นะครับ แล้วเขาก็เดินหายไป ไม่ขึ้นมาอีกเลย
ชั่วโมงล่ะ 80 บาท ทำอะไรได้บ้าง ผมไม่ได้ถาม
ผมเลือกที่จะถาม
เบาะสองอันนั้นเอาไว้ทำอะไร
เอาไว้ให้คนเมานอนนะสิ แบบเมาแล้วนั่งต่อไม่ไหวไง พลอยตอบ แต่ผมไม่เชื่ออย่างนั้น โซฟาตัวที่รองรับก้นของเราทั้ง 4 อยู่นี้ ยาวพอที่จะให้คนหมดสภาพยืดกาย
ผมยิ้มรับ
80 บาทต่อชั่วโมงทำอะไรได้บ้างผมไม่ถาม
ผมขับขานบทเพลง นางงามตู้กระจก,โยโกฮาม่า และไถ่เธอคืนมา
พลอย และจอย เลือกเพลงของสาวปาน และร้องอย่างได้อารมณ์
เพื่อนตัวดีของผม เราคอเดียวกัน เพื่อชีวิต
จบเพลง วิชัยหันไปพิสูจน์ความ คม-ชัด-ลึก ของจอยอยู่อย่างตั้งใจ
ผมโอบเอวพลอย เธอซบไหล่ พยายามไม่มองหน้าผมตรงๆ เวลาคุย ซึ่งเธอก็คุยน้อยอยู่แล้ว และผมก็ไม่ค่อยชอบชวนใครคุยด้วย ไม่ใช่อะไร ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรต่างหาก มือได้สนุกกับเรือนร่างเธอก็พอแล้ว ถ้าไม่น่ารักผมคงขาดทุนน่าดู
วิชัยเห็น
อ้าวอย่างนี้ก็ขึ้นชั้นบนเลยสิเกลอ
อ๊อฟ ได้เหรอ ผมถามขึ้นโดยอัตโนมัติ เบาะสีแดงคู่นั้นเข้ามาวนเวียนในหัวทันที
วิชัยยิ้มแบบมีนัย แล้วความลับทุกอย่างก็ถูกเปิดเผย เขารู้อยู่แล้วว่าสถานที่แห่งนี้นอกจากพอใจเรียกน้องๆ มานั่งคุย นั่งร้องเพลง หากพอใจในขั้นที่สูงขึ้นไป หรือในแบบที่วิชัยบัญญัติศัพท์ว่าต้องการ นาบ ก็สามารถเรียกขึ้นไปชั้นบนได้ ความสงสัยที่ว่าเหตุใดห้องวีจึงมีเพียงห้องเดียวทั้งๆ ที่อาคารเป็นตึกถึง 5 ชั้น ชั้นที่เหลือแฝงเร้นด้วยห้อง V.I.P กว่านี่เอง
แล้วมึงล่ะ ผมไม่เชื่อว่าวิชัยจะนั่งตะโกนใส่ไมค์อย่างเดียว
เขาไม่ตอบแต่ยักคิ้วให้แล้วมองไปที่เบาะสีแดงริมห้องคู่นั้น มึงคิดว่ามีไว้นั่งเล่นไพ่ตองหรือไง
ผมยิ้มตอบ
1,300 บาท ค่าตัวน้องพลอย แพงเหลือหลาย เธอจำแนกออกมาให้ผมฟังว่า 300 คือค่าห้อง 200 คือค่าต่างๆ นอกเหนือทั่วไป แต่ผมเข้าใจว่า ภาษี พ่อเล้า 500 คือส่วนของทางร้าน ที่เหลือเธอได้รับ ด้วยเหตุนี้ผมจึงเสีย
ทิป อีก 100 บาท เพื่อเป็นกำลังใจให้เธอ
ใจจริงผมไม่มีความตั้งใจมาหาความสุขทางกามารมณ์เลยแม้แต่น้อย วิสัยผมรักการดื่มมากกว่าเรื่องอย่างนี้ แต่ด้วยทานแรงยุของวิชัยเพื่อนเกลอไม่ไหว บวกกับอำนาจสุรา ผมจึงตกลงขึ้นห้องกับพลอยในราคาข้างต้น
เธอหายไปพร้อมกับเงินหลายนาทีพอดู
เธอมาแล้วแต่ยังคงไม่มองหน้าผมตรงๆ ผมเข้าใจว่าเธอคงอาย ผมโบกมือให้วิชัย เขาส่งยิ้มคืนมา
ห้องวีที่เรานั่งเป็นชั้นลอยต่อจากชั้นล่าง ผมขึ้นชั้นถัดไปเป็นคล้ายๆ ห้องนั่งเล่นแสงสีแดงสลัวๆ มีผ้าเช็ดตัววางอยู่ในตู้ พลอยหยิบมันมาสองผืน และเดินนำผมไปอีก 2 ชั้น แล้วเราทั้งคู่ก็มาเปลือยกายอยู่ในห้องแสงสีแดงเล็กและแคบ แต่ไม่อับ
แม้ในแสงสลัวสีแดง เมื่อไร้อาภรพลอยก็ยังดูขาวเนียน ใบหน้าที่ไม่ค่อยมองผมตรงๆ เลย เมื่อครั้งอยู่ในห้องคาราโอเกะ ครั้งนี้ก็ได้ยลโฉมเต็มๆ ใบหน้ากลมเล็ก มีฟันกระต่ายนิดๆ เธอพูดอย่างเป็นกันเองไม่เคอะเขิน พลอยถามถึงหน้าอกว่าของเธอใหญ่ไหม ซึ่งมันดูค่อนข้างเล็กซึ่งดูแล้วช่างไม่สัมพันธ์กับอายุ 19 ที่เธออ้างกับผม โดยเฉพาะเครื่องเพศของเธอมันช่างห่างไกลกับเลข 19 หลายปี
ผมเดาว่าเธอน่าจะ 17 ด้วยซ้ำไป ซึ่งนั่นหมายความว่าหาก ณ ปัจจุบันทันด่วนนี้เกิดมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองแวะเวียนมาทักทาย ผมคงแย่ แต่มันคงเป็นแค่ความวิตกจริตเท่านั้น เรื่องอย่างนี้มันเป็นได้ยากยิ่งกว่างมเหรียญบาทในท่อน้ำครำเสียอีก
ก็เต็มมือดีนะ
ก่อนเกมจะเริ่มเราคุยกันพักใหญ่ ส่วนมือนั้นซนไม่หยุดสักที เธอคุยสนุกมากต่างจากในห้องวีแทบเป็นคนล่ะคน อาจจะเป็นเพราะในห้องนั้นเธอต้องการให้ผมเพลิดเพลินกับบทเพลงจึงไม่อยากขัดใจก็เป็นได้ แต่ลึกๆ แล้วผมชอบแบบห้องที่ต้องจ่ายค่าเข้า 1,300 นี้มากกว่า
ผมร่ายรำกลยุทธ์เพลงรักจนหมดกระบวนท่า แล้วแนบร่างบนกายเปลือยเปล่าของเธอ บรรจงหอมแก้มเพื่อดูดซับความงามของเธอ
ดอกไม้ที่ไม่โตอีกต่อไป
ไปนั่งร้องเพลงกันต่อนะพลอย พี่เรียกเธอต่อ ผมขอให้เธอไปนั่งร้องเพลง กันต่อหลังเสร็จกิจ เพราะหน้าที่นั่งดื่มของเธอจะหมดไปทันทีที่ขึ้นห้อง
เกลอผมนั่งแหกปากอยู่หน้าจอพร้อมใบหน้าอิ่มเอมอยู่แล้ว
พลอยกลับเข้ามาพร้อมสปายน์รสส้มเหมือนก่อนหน้า ทั้งชุด ใบหน้า และท่าทีก็เหมือนเดิม อุปนิสัยของเธอในชุดสีแดงกับเปลือยเปล่า ช่างดูแตกต่างกันเหลือเกิน
ผมโอบกอดเธอ ล่วงเกินเธอหนักขึ้น เพราะคิดว่าข้างบนนั้นเราสัมผัสกันมากกว่านี้หลายเท่า
พลอยเฉย เธอเลือกเพลงร้อง หนนี้เธอไม่ปล่อยโอกาสให้ผม วินัย และเพื่อนของเธอได้จับไมค์เหมือนก่อน เหมือนเธอกำลังอยากระบายอะไรบางอย่าง หรือเธอมีอะไรสะเทือนใจหรือเปล่า เพราะครึ่งหลังเธอรับโทรศัพท์บ่อยขึ้น หรือผมทำให้เธอไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย แต่อาชีพนี้ไม่น่ายึดติดกับสิ่งนี้นี่ หรือผมคิดผิดไป เธออาจจะต้องการความรักจากใครสักคนก็ได้ แม้จะเพียงเสี้ยววินาที เมื่อมาคิดดูการสมใจในกามารมณ์ก็นับเป็นความรักในรูปแบบหนึ่งได้เหมือนกัน อาชีพเช่นนี้มันช่างเหงาใจเหลือเกิน
เด็ก ต.จ.ว. ของโปงลางสะออน เป็นเพลงแรกที่เธอใช้สื่อถึงความรู้สึก บอกเล่าเรื่องราวการสู้ชีวิตจากเด็กต่างจังหวัดหางานทำในเมืองใหญ่ เพื่อส่งเงินเลี้ยงพ่อแม่ที่อยู่แนวหลัง เธออาจไม่ได้งานที่ไร้คนรังเกียจเหมือนในเพลง แต่ได้งานแบบที่เธอทำอยู่นี้ ผมสังเกตเห็นน้ำคลอเบ้าตาเธอ เสียงเธอเริ่มสั่น แล้วเธอก็ลุกออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่จบเพลง
ผมไม่เข้าใจ
ใครหน้าไหนก็รู้ว่าปัญหาความยากจนของบ้านเราเมืองเราไม่มีตกยุคตกสมัย เมื่อร้อยปีเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ยังคงเป็นอย่างนี้ สำหรับทางออกของสาวน้อยบ้านนาเส้นทางก็ไม่มีกลีบกุหลาบให้เดินเสมอไป เปรียบดั่งพลอยที่ผมเพิ่งใช้เรือนกายเธอหาความสุข ครั้งก่อนอาจเป็นที่หวงห่วงของเธอ เธออาจหวงไว้ให้ใครที่รักเธออย่างมั่นคง และแม่คงห่วงเธออยู่ตลอดเวลา
ขณะนี้หนทางเดียวที่เด็กต่างจังหวัดจะตอบแทนคุณบิดามารดาได้ คือที่นาผืนน้อยซึ่งติดตัวเธอมาเท่านั้น
คิดอย่างนี้ผมก็สะเทือนใจ เริ่มจะหายเมาในทันควัน
เธอกลับมาอีกหน คราวนี้เสียงพลอยเป็นปกติ เธอไม่ร้องเพลงคำนึงถึงบ้านอีก แต่กลับคำนึงถึงคนรักเมโลดีและภาพในจอทีวีของเพลง เจ็บซ้ำซ้ำ, ทนไหวแต่ไม่ทน, หลอกกันไส, คำขอร้องของผู้หญิง และตาดำดำ ต่างทยอยมารับใช้เธออย่างต่อเนื่อง
ผมยิ่งไม่เข้า
อาการเมาที่เริ่มจะหายกลับกำเริบอีก ผมคิดว่าผมควรเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาบ้าง
เพลง ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ มาอีกครั้ง ผมหยุด นั่งมองมิวสิควิดีโอเพลงนี้อย่างตั้งใจเพราะได้ยินเพลงมานานแล้วแต่ไม่เคยเห็นภาพมิวสิคฯ
ผมชอบเพลงที่เนื้อหาโดนใจ และชอบที่จะมองเนื้อหาที่เขาสื่ออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวด้วย เมื่อครั้งแรกที่เพลงนี้ขึ้นมาตอนเข้ามาในห้องใหม่ๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจดู หนนี้จึงหยุดดูหน่อย เพราะในหัวมันช่างว่างเหลือเกิน
ว่างด้วยความไม่เข้าใจ
พลอยหันมามองผมเต็มๆ เหมือนผมของเธอจะยาว ฟันกระต่ายคู่โตเวลาเอ่ยปากเหมือนจะเล็กลง เอ! แต่เหมือนไม่มีเลยต่างหาก
ชักจะไปกันใหญ่แล้ว ผมคงมึนหนัก เพลงจบผมลุกขึ้นทันที เป้าหมายล้างหน้า เพื่อส่างเมา แล้วจะลองชวนคุยเรื่องคับข้องใจของพลอยดูหน่อย เผื่อจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง อย่างน้อยมีคนรับฟังปัญหาคงรู้สึกดีขึ้นบ้าง
ผมออกจากห้อง เพลงที่พลอยเลือกยังไม่หมดคิว และเธอก็ร้องต่อ เพลงอะไรผมไม่ทราบเพราะออกมาพอดี
อ้าวพลอย ผมตกใจเมื่อเห็นพลอยยืนอยู่ข้างแคชเชียร์ข้างล่าง
*********************************************