10 พฤษภาคม 2550 10:25 น.

เมื่อบรรยากาศสร้างเสียงเพลง

ใบคา

บรรยากาศและเสียงเพลงเมื่อกาละและเทศะเหมาะเจาะ ก็เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนไปโดยปริยาย แม้ห้วงเวลานั้นไม่มีแม้กระทั่งเสียงเพลงมาบรรเลงเคลียเคล้าให้ได้ยิน แต่ทว่ามันพร้อมจะโลดแล่นเสมอในจินตภาพถ้าหากว่าบรรยากาศนั้นเอื้ออำนวย เหมือนดั่งผม แสงจันทร์ และบทเพลง โลกก็หยุดหมุนลงทันที

	ในท้ายบรรทุกของรถกระบะบนถนนมิตรภาพ ฝูงชนเบียดแน่นในพาหนะของตน บนถนนลาดยางคลาคลั่งไปด้วยรถหลากหลายรุ่น และสีสัน ผมเป็นหนึ่งในขบวนการความสับสนวุ่นวายนั้น เพราะหนทางเดียวที่ประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุดในการเดินทางเข้า กทม. หลังกลับต่างจังหวัดเยี่ยมเยียนญาติ พี่ น้อง ก็คืออาศัยรถเพื่อนบ้านเข้าเมืองนั่นเอง แม้จะลำบากกายนิดหนึ่ง แต่ก็ยังถือว่าดีอยู่

	จริงๆ แล้วแม่ พ่อ ไม่ได้อยู่ที่นั่นหรอก เพียงแค่ไปเยี่ยมญาติ เปลี่ยนบรรยากาศ และวัฒนธรรมต่างถิ่นบ้างก็เท่านั้น ซึ่งก็ได้รับเป็นอย่างดี ความแปลก (แต่ไม่ใหม่ เพราะชาวบ้านแถบนั้นเขาทำมาเป็นร้อยๆ ปี จะมาว่าใหม่ก็กระไรอยู่) ที่ได้เห็น สร้างแรงบันดานใจหลายหลาก มันสร้างความสบายใจให้มากทีเดียว ที่สำคัญผมได้รู้จักกับสาวงาม และสร้างสัมพันธ์อันดีเอาไว้แล้วด้วย แต่น่าเสียดายที่เวลาน้อยและไม่รู้ว่าจากกันหนนี้เมื่อไหร่ผมจะได้หวนกลับมาอีกครา การสานสัมพันธ์ของเราก็คงต้องอาศัยเครื่องมือสื่อสารเท่านั้น รักแท้อาจจะแพ้ใกล้ชิดไปในที่สุด แม้รู้ถึงเพียงนั้นก็สุดจะหาทางแก้ไขเพราะจนด้วยว่าขาดทั้งเงินรอน และเวลา เนื่องจากยังยึดอาชีพนักเรียนอยู่นั่นเอง 

เวลานั้น ในท้ายกระบะ เหมือนใบหน้าเธอลอยเด่นบนท้องนภา ดวงจันทร์ข้างขึ้นเกือบเต็มดวงที่ไร้เมฆบดบังช่างคล้ายดวงหน้าเธอมายิ้มส่ง แก้มขาวผ่องของเธอผุดขึ้นในมโนภาพของผมไม่รู้เลือน เสียงเครื่องยนต์ที่ขู่กระชากถนนลาดยางเปรียบดั่งเสียงเครื่องดนตรีขับบรรเลงเพลง แสงจันทร์ เข้าโสตประสาทอย่างแผ่วเบา แสงจันทร์กระจ่าง ส่องนำทางสัญจร คิดถึงนางฟ้าอรชร ป่านนี้น้องนอนหลับแล้วหรือยัง แสงจันทร์นวลไย ข้าฯจ่อมจมอยู่ในภวังค์... และแล้วผมก็จ่อมจมอยู่ในภวังค์ ความหลังที่มีแต่เธอคนนั้น โอ้ความรักในวัยสดใส ช่างสุกสกาวอะไรเช่นนี้ แม้เวลาจะน้อยนิดก็ตาม เหตุใดมันฝังรากลึกได้ถึงเพียงนี้นี่

ผมนั่งท้ายรถ ไม่มีแม้วิทยุหรือเครื่องเล่น MP3 ช่วยขับไล่ความเหงา ผมมีเพียงบรรยากาศยามมืดค่ำ เสียงท่อไอเสีย แสงจันทร์ และห้วงภวังค์ที่ก่อตัวหนาขึ้นๆ ตามระยะทางที่ห่าง เพลงที่เคยฟัง เมื่อพบบรรยากาศที่ตรงประเด็น มันก็บรรเลงขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ผมไม่เคยคิดจะร้องเพลงในเวลาเช่นนี้ เวลาที่ทุกคนจ้องจะเข้าเมืองหลวงหลังเยี่ยมบ้านในวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ คงไม่มีใครสุนทรียะถึงขนาดอยากขับขานตำนานเพลงใดๆ แต่กรณีผม มันเกิดมาเอง

เพลง แสงจันทร์ เล่นวนอยู่อย่างนั้น ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง ภาพบนแสงนวลจันทร์เปลี่ยนจากใบหน้าเธอ เป็นเราสองนั่งคลอเคล้าลมหนาวชมหนังกลางแปลงในคืนวันนั้น ผมและเธอหยอกเย้าบนกระเช้าลอยฟ้า ที่ใครๆ ต่างขนานนามว่า ชิงช้าสวรรค์ เธอยังนั่งไม่ครบรอบดีก็ร้องขอให้คนคุมเครื่องเล่นปล่อยลง แล้วปั้นหน้าทะเล้นใส่ผม ก่อนจะวิ่งเยาะๆ ไปนั่งชมวงดนตรีลูกทุ่งในคืนถัดมา มันเป็นความสุขที่ได้ระลึกถึง เป็นความเศร้าที่ต้องพรากจากลา

ผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยลืมเอาไว้ในกระเป๋าสัมภาระที่วางทับซ้อนกันจนยากจะเอามาดอมดม แต่กลิ่นเธอก็คล้ายวนเวียนรอบๆ จมูกไม่รู้คลาย รถเคลื่อนไปไกลเท่าไหร่แล้วไม่รู้แต่ผมยังคงอยู่กับเธอในคืนฉลองปีใหม่ของหมู่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน

ทุกครั้งที่คิดถึงเธอ ผมมักเปิดเพลง แสงจันทร์ เบาๆ นอนหงายหลับตาปริ่มเพียงเท่านี้เธอก็มาอยู่ข้างๆ แต่คราวใดที่หลุดออกจากกาลเวลานั้น ก็อดคิดไม่ได้ว่าป่านนี้จะมีใครเคียงกายเธอชมหนังกลางแปลงอยู่ไหมหนอ เฮ้อ!				
Lovers  0 คน เลิฟใบคา
Lovings  ใบคา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟใบคา
Lovings  ใบคา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟใบคา
Lovings  ใบคา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงใบคา