13 ธันวาคม 2550 10:19 น.
ใบคา
หมายเหตุ ผมแอบขโมยบทความมาจากนิตยสาร ไฮคลาส มาครับ จะว่าขโมยก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะมันเป็นบทความของผมเอง ถ้าชอบกันจะแอบเอามาลงให้อีกครับ
จดหมายฉบับนี้เดินทางจากสุดแดนด้ามขวานไทย เพื่อหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของนิตยสารไฮคลาส เล่าบรรยากาศ และการดำเนินชีวิตให้รับทราบ ถึงแม้จะไม่ได้ข้ามน้ำ ข้ามทะเลมาอย่างยากลำบาก (เพราะมากับระบบขนส่งที่ทันสมัยของไปรษณีย์เขา) แต่ได้ข้ามคราบน้ำตา และสันติภาพ สันติภาพสีขาวที่ร่วงโรยจากฟากฟ้าพร้อมลายเซ็นและคำปลอบโยน อ่านแล้วก็ซาบซึ้งน้ำใจคนไทย แต่จะดีมากหากมันสร้างภูมิต้านทานโรคไข้โป้ง และโรคขาดลมหายใจกะทันหันได้
ผมกลั่นกรองเรื่องราวที่ตาเห็น หูได้ยิน เป็นอักษรยัดเยียดลงแผ่นกระดาษสีขาว แล้วขอร้องให้บุรุษไปรษณีย์ส่งมาให้ ด้วยซอง และแสตมป์ 3 บาทหนึ่งดวง เพราะเกรงว่าระยะทางสุดรางรถไฟ สุไหงโก-ลก ถึงกรุงเทพฯ กินระยะทางถึง 1,600 กม. เสียงที่ผ่านเคเบิล สัญญาณโทรศัพท์ จะหล่นหายกลางทาง เหมือนรายการทีวี และหนังสือพิมพ์ เมื่อถึงจุดหมายก็เหลือแต่จำนวนศพที่ถูกฆ่า และการล่าคนร้าย
ผมแต่งแต้มฉากหลังของจดหมายฉบับนี้ ด้วยบรรยากาศของ เท็กซัสยุคคาวบอยครองเมือง ผสมอิรักยุคปัจจุบัน เพียงคุณขับรถแล่นผ่านเข้าเขตพื้นที่ 3 จังหวัดคุณจะพบป้อมทหารเล็กๆ กั้นด้วยลวดหนาม โผล่ปลายกระบอก HK พอสังเกตเห็น และสายตาที่เพ่งมองอย่างไม่ลดละภายใต้หมวกเหล็กสีเขียวลายพราง ทหาร 2- 3 นายจะเข้ามาทักทาย ไม่มากไปกว่าถามว่า จะไปไหน มาจากไหน หากคุณน่าสงสัยก็จะเพิ่มการตรวจค้นเข้าไปด้วยเล็กน้อย แต่ถ้าคุณโชคดีก็จะเจอระเบิดแสวงเครื่องในย่านตลาดกำลังทำหน้าที่ตัวเองตามกำหนด หรือการดวนปืนของเหล่าผู้กล้าที่ขัดกันทางผลประโยชน์ ให้บรรยากาศไม่ต่างกับจอทีวีที่เสนอข่าวความร้อนระอุในอิรักจนแยกไม่ออก
ผมเห็นมันยิงกันกลางวันแสกๆ หน้าบ้านเลย ผู้ช่วยช่าง อบต. ซึ่งรับหน้าที่ขับรถให้เจ้าอาวาสบังเอิญแล่นไปปะพอดีเล่าอย่างภูมิใจ
แล้วคุณทำไงล่ะ? คนใดคนหนึ่งถามขึ้น
หรือคุณจะจอดรถลงไปช่วย? เขาตอบ
ปูพื้นฉากแรกไปแล้ว ผมวาดฉากที่สองแฝงลงไปทันที ลองนึกภาพหนังคาวบอย นักเลงนั่งสาดเหล้ารสแรงลงลำคอ แล้วเกิดเขม่นกันขึ้นมา ต่อไปก็คือการดวนปืนกันท่ามกลางฝูงชนและจบด้วยความตายของใครคนใดคนหนึ่ง ต่อภาคสองด้วยการล้างแค้นของทายาท ภาค 3 4 5 6 การล้างแค้นของหลาน โหลน เหลน ในสภาพเมืองที่เต็มไปด้วยอันตราย ยากนักที่จะไว้วางใจใครสักคนอาวุธปืนนับเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้ใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง ถึงแม้ว่าศพที่พบตามหน้าหนังสือพิมพ์เป็นผู้ที่มีปืนเป็นเครื่องมือป้องกันตัวเกือบทั้งสิ้น ฉากดวนปืนนอกจอเกิดขึ้นบ่อยๆ ทั้งในและนอกวงเหล้า และโยนความรับผิดชอบนี้ให้ผู้ก่อการร้าย จบคดี
บนถนนท่ามกลางป่าทึบ และสวนยางพารา ไม่ว่าข้าราชการ ซี 8 หรือตาสีตาสา มีสิทธิตายเท่าเทียมกัน จนต้องมีการอบรมวิธีการขับรถอย่างไรให้ปลอดภัยต่อตะกั่ว หนึ่งอย่าให้ใครตามทัน สองควรไปสองคนขึ้นไป สามหากมีคนขับรถประกบกรณีขับจักรยานยนต์ให้ล้มรถทันทีเพื่อหนีวิถีกระสุน และเชิงประกาศว่าข้ามีอาวุธพร้อมสู้นะ อย่านะ! สุดท้ายอย่ารับโทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก เพราะหากรับ รถที่ขับก็จะชะลอ และไม่ทันระวัง ตะกั่วร้อนๆ ก็จะเข้ามาทักทายได้
คนไทยไม่ว่าอยู่ที่ไหนความครื้นเครงไม่เคยจางหายถึงแม้ว่าก๊งวงเหล้าหน้าบ้านจะถูกยมทูต อาการ์ นำตัวไปอยู่ปรโลกหลายต่อหลายวง ก็ไม่อาจทิ้งนิสัยเช่นนี้ได้ จากวงหน้าบ้านก็เลื่อนเป็นหลังบ้าน หรือในบ้าน บรรยากาศไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ปลอดภัยต่อแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ดึกๆ อย่างนี้ยังจะเที่ยวอีกไม่เคยกลัวเลยนะเอ็ง เสียงแม่เอ็ดลูกชายที่กำลังสตาร์ทรถออกจากบ้านไปแหล่งบันเทิงในตัวเมือง
โธ่! แม่ช่วงนี้แหล่ะ ปลอดภัย มันไม่เห็นหน้าไม่รู้ว่าใครเป็นใครมันไม่ยิงให้เปลืองลูกหรอก
ถึงเหตุการณ์จะเลวร้ายเพียงใดความสนุกก็ต้องอยู่คู่คนไทยเสมอ สถานบันเทิง คาราโอเกะ ไม่เคยขาดลูกค้า เพียงแค่ลดไปบ้างเท่านั้น แต่นั่นก็ยังพอเลี้ยงดูปากท้อง สาวๆ หน้าร้าน และเจ้าของ กับลูกเมียได้เป็นอย่างดี คนเมาย่านบ้านผมไม่เคยถูกยิงตาย และไม่เคยกลัวถูกผู้ร้ายฆ่า เขากลัวอย่างเดียวคือทหาร และตำรวจค้น
ขี้เมาตัวดำยืนเอนหน้าตำรวจที่ตั้งป้อมพร้อมรับฟังคำสั่งให้ร้องเพลงชาติไทย เพราะหน้าตาดันละม้ายคล้ายคลึงชาวพม่า
นี่ตี 1 ไม่ใช่เวลาร้องเพลงชาติ ผมไม่ร้อง! เขายืดอกตอบอย่างเข้มแข็งในความมึน
ตำรวจปล่อยเพราะมั่นใจว่าไม่ใช่ต่างด้าว
ผมเคยบวชท่ามกลางสิ่งแวดล้อมไม่สู้ดี แต่ยังดันทุรังแห่นาคเป็นระยะทางไกลกว่า 1 กิโลเมตร ทั้งนี้เพราะทานแรงต้องการของญาติผู้เมา และขารำวงไม่ไหว โดยไม่ต้องเอ่ยปากขอ หรือทำเรื่องยื่น รถตำรวจนำหน้า และคุมหลัง มาถึงพร้อมกัน ท่ามกลางความมึนงงของผมเอง นึกว่าจะมาตรวจอะไร ที่ไหนได้มานำขบวน โก้ไหมละครับ! คนธรรมดาอย่างผมจะมีสักกี่ครั้งที่มีรถตำรวจนำขบวน หากสนใจความโก้เก๋ อย่างนี้เชิญได้ ที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ครับ
ท่ามกลางบรรยากาศบ้านป่าเคยมีหริ่ง เรไร ร้องกล่อมนอน กลับกลายเป็นเสียงระเบิด และเกรี้ยวกราดของกระสุนปืน หลายคนถามคิดจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นบ้างไหม ผมตอบอย่างสำนึกรักบ้านเกิดว่า ไม่! ที่นี่บ้านผม ผมไม่ย้าย
จริงสิ ยางพารากิโลกรัมละ 80 บาท จะย้ายทำไม เขาย้อน
ผมพยักหน้ารับ ขี้เกียจตอบ ความจริงต่อให้ยางพารากิโลกรัมละ 250 บาทก็ไม่อาจทำให้รวยขึ้นมาได้ ถ้าไม่มีสวนยางฯ ถึง 100 ไร่ขึ้นไป เพราะอะไรนั่นหรือ เพราะว่าที่นี่ฝนตกมากกว่าแดดออกนะสิครับ แต่นั่นก็ยังดีมันทำให้มีแรงทรัพย์ต่อวันมากขึ้น มีอาหารดีๆ บำรุงตัวไว้ระวังยมทูตต่อไปอีกหนึ่งวัน
.......................................................