16 กรกฎาคม 2547 11:17 น.
ใจพเนจร
ที่เมืองหนึ่งของประเทศกรีก เคยมีรูปปั้นแกะสลักตั้งอยู่ใจกลางเมือง ปัจจุบันนี้ รูปปั้นนี้ไม่เหลือแม้แต่ซาก แต่แผ่นที่จารึกที่บรรยายเกี่ยวกับรูปปั้นยังคงเหลืออยู่
คำบรรยายเขียนไว้ในรูปแบบการสนทนาระหว่างรูปปั้นกับคนที่เดินผ่านไปมา
รูปปั้นเอ๋ย ท่านชื่ออะไร
ฉันชื่อโอกาส
ใครเป็นคนแกะสลักท่านขึ้นมา
ช่างแกะสลักชื่อ ลีซีปัส
ทำไมท่านจึงยืนเขย่งเท้า?
เพื่อบ่งบอกว่าฉันอยู่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม
แล้วทำไมที่เท้าของท่านจึงมีปีก
เพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แต่ทำไมผมด้านหน้าของท่านจึงยาวอย่างนี้
ก็เพื่อให้คนที่พบฉัน จะได้จับฉวยไว้ได้ง่าย
แล้วทำไมหัวด้านหลังของท่านจึงล้าน ไม่มีผมแม้แต่เส้นเดียว
ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อฉันผ่านไปแล้ว ก็ยากที่จะจับฉันได้ใหม่
จริงด้วย ทางด้านหน้าของ โอกาส มีผมยาวแต่ด้านหลังล้านเกลี้ยง
เพราะเมื่อปล่อยให้ โอกาส ผ่านไปแล้ว ก็ยากที่จะจับยึดมันกลับมาได้อีก
โอกาส จึงเร้าเตือนเราทุกคนว่า
16 กรกฎาคม 2547 11:03 น.
ใจพเนจร
.......................... ความรักที่แท้จริงนั้นก็เปรียบเหมือนจิ๊กซอ...........................
ชิ้นส่วนทั้งหมดจะสามารถค้นพบตัวเอง
..................ก็ต่อเมื่อแต่ละชิ้นสามารถหาชิ้นที ใช่ สำหรับตัวมันเอง................
15 กรกฎาคม 2547 17:09 น.
ใจพเนจร
แม้นโดนด่าว่ากล่าวว่าไอ้ควาย
โอ้สหายเพื่อนรักอย่าไปสน
ทำจิตใจให้กว้างอย่ากังวล
เกิดเป็นคนต้องรู้จักให้อภัย
ถึงโดนด่าอย่างไรอย่าด่าตอบ
ให้รอบคอบตั้งจิตคิดมั่นไว้
แม้สุดทนไม่อาจจะห้ามใจ
เพื่อนก็ใช้เขาบนหัวขวิดมันเลย
15 กรกฎาคม 2547 15:45 น.
ใจพเนจร
Sad Ending!! อันนี้เป็นตอนจบ ของผู้แต่ง ที่คิดไว้ตั้งแต่แรกเลย
วันหนึ่ง ฉากในโรงพยาบาล โนบิตะตื่นขึ้นมา และเจอพ่อกับแม่และเพื่อนๆ ครบทุกคนยืนอยู่รอบเตียง แล้วโนบิตะก็ถามถึงโดเรมอน ทุกคนกลับปฎิเสธว่า ไม่รู้จักและบอกโนบิตะว่าโนบิตะหลับมานานเป็นปีแล้ว เนื่องจากไม่สบาย และโนบิตะก็นึกย้อนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโดเรม่อน ทั้งการผจญภัยต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงความฝันเท่านั้นโดเรมอน เซวาสึ โดเรมี ล้วนเป็น ความฝันของเขาทั้งสิ้นโนบิตะเป็นเด็กที่ไม่แข็งแรง และไม่มีเพื่อนรักที่ จะอยู่ด้วย เขาต้องนอนโรงพยาบาล ตลอดเวลาและเขาก็หลับไป ฉากต่อมา เริ่มที่พ่อแม่ และเพื่อนๆของโนบิตะร้องไห้กันอยู่ในงานศพของ โนบิตะ..เขาจากไปก่อนวัยอันควร..และเรื่องราวทุกอย่าง ก็จบลง ที่โนบิตะฝันถึงโดเรมอนและอนาคตนั้นเป็นเพราะเขารู้ดีว่า เขาจะต้อง ตายในอีกไม่นานเขาจึงอยากที่ จะมีอนาคตมีเพื่อนรัก มีการผจญภัยสนุกสนาน แต่ฝันของเขาก็ไม่มีวันเป็นจริง... ตลอดไป......เศร้าใช่ไหมล่ะ คะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะนี่เป็นเพียง เรื่องที่แต่งขึ้นยังไม่ ตกลงว่าจะออกพิมพ์หรือทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน แต่อย่างใด คงไม่มีใครอยากให้จบแบบนี้สินะคะดังนั้นยังอีกนานที่เรื่องราวความสนุกจะปรากฏอยู่ต่อไป ยังมีตอนสนุกอีกเยอะเลยค่ะ
Happy Ending!! อันนี้เป็นตอนจบแบบซึ้งๆ มีความสุข
บ่ายวันหนึ่ง ซึ่งก็เป็นวันธรรมดาเหมือนวันอื่นทั่วไป โนบิตะกลับมาจากโรงเรียน และวิ่งขึ้นชั้น 2 ไปที่ห้องของเขา โดเรมอนกำลังนอนอยู่ในห้อง ...ซึ่งก็เป็นเหมือนปกติทุก ๆ วัน
เฮ้!! โดเรมอนตื่นเถอะแล้วไปเล่นด้วยกัน โนบิตะชวน
แต่โดเรมอนก็ยังไม่ตื่น โนบิตะคิดว่า โดเรมอนคงจะเหนื่อย ปล่อยให้นอนต่อไปดีกว่า ดังนั้นเขาจึงวิ่งออกไปเล่นข้างนอนกับชิซูกะและเพื่อนคนอื่นๆ
2-3 ชั่วโมงต่อมา เมื่อโนบิตะกลับถึงบ้าน
เขาพบว่าโดเรมอนยังนอนอยู่นิ่งที่เดิม โนบิตะเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไป
ปกติโดเรมอนไม่นอนนานอย่างนี้นี่นา
เขาพยายามจะปลุกโดเรมอน แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ โนบิตะเริ่มรู้สึกกลัวและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปลุกโดเรมอน แต่ไม่ว่าโนบิตะจะพยายามแค่ไหน ก็ทำให้โดเรมอนตื่นขึ้นมาไม่ได้
ถึงตอนนี้โนบิตะรู้ชัดเจนแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ โดเรมอนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน..
โนบิตะเริ่มร้องไห้ แต่แม้จะร้องไห้หรือตะโกนเรียกอย่างไร.. เจ้าหุ่นยนต์แมวตัวอ้วนก็ไม่เคลื่อนไหว
แล้วโนบิตะก็เกิดความคิดขึ! ้นมา!! เขากระโดดลงไปในลิ้นชักโต๊ะ.. ใช่แล้ว! ไทม์แมชชีนนั่นเอง โนบิตะใช้ ไทม์แมชชีนไปในอนาคต ไปหา โดเรมี น้องสาวของโดเรมอน โนบิตะไปขอความช่วยเหลือจากโดเรมี และพาเธอกลับมากับเขา กลับมาในปี 1998
หลังจากนั่ง ไทม์แมชชีน กลับมายัง ปี 1998 โดเรมีก็เริ่มตรวจระบบต่างๆ เพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับพี่ชายของเธอ หลังจากนั้นไม่นาน โดเรมีก็บอกว่า..
แบตเตอรี่ของโดเรมอนหมด
โนบิตะได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ และบอกกับโดเรมีว่า แบตเตอรี่หรือ?? โดเรมอนไม่ได้เสียหายอย่างอื่นใช่ไหม งั้นจะรีรออะไรอยู่ล่ะ รีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ให้เขา และทำให้โดเรมอนตื่นกลับมาเหมือนเดิมทีสิ
แต่ ..โดเรมีส่ายหน้าและพูดขึ้นว่า โนบิตะซัง ฉันควรทำอย่างนั้นเหรอ??
อะ... อะไรนะ โดเรมี เธอหมายความว่ายังไง??? โดเรมีตอบว่า.. ก็ แบตเตอรี่หลักของ โดเรมอนอยู่ตรงนี้ ใกล้กับกระเป๋าหน้าของเขา และไฟมันหมดแล้ว ซึ่งแต่เดิมโดเรมอนจะมีแบตเตอรี่สำรองอยู่ที่หู แต่ก็อย่างที่รู้ ๆ กันล่ะว่า หูของโดเรมอนถูกหนูแทะกินไปเมื่อหลายปีมาแล้ว ดังนั้น! ตอนนี้โดเรมอนก็เลยไม่มีแบตเตอรี่สำรอง
แล้วมันหมายความว่ายังไ งล่ะ โนบิตะสงสัย
ก็หมายความว่า ถ้าฉันเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้โดเรมอน ความทรงจำทุกอย่างของโดเรมอนก็จะหายไปจากส่วนของหน่วยความจำนะสิ
อะไรนะ??????
แล้วเธฮยังจะให้ฉันเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้อย่างนั้นหรือ
โนบิตะหลับตาแล้วร้องไห้.... แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดร้อง และบอกโดเรมีจังว่า.. โดเรมี ขอบคุณนะที่อุตส่าห์มา ฉันจะดูแลโดเรมอนเอง เธอกลับไปอนาคตเถอะ
โดเรมีจังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อช่วยโนบิตะดี เธอเข้าไปกอดโนบิตะเพื่อปลอบใจ และก็กลับไปอนาคต
หลังจากโดเรมีกลับไป โนบิตะอุ้มโดเรมอนไปนอนในตู้ของโดเรมอนตามเดิม
วัน-เวลาผ่านไป........... ปี ค.ศ.2010 โนบิตะโตขึ้น ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็เปลี่ยนไป เขาทุ่มเทเรียนอย่างหนัก ไม่มีการร้องไห้อีกต่อไป และเขาก็มีชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีโดเรมอน เขาบอกชิซูกะและทุก ๆ คนว่า โดเรมอนได้กลับไปสู่อนาคตของเขาแล้ว และจะไม่สามารถได้พบกับโดเรมอนได้อีกต่อไป
ชิซูกะรู้สึกประทับใจในท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อของโนบิตะ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง พวกเ! ขาตกหลุมรักซึ่งกันและกัน และในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน...
โนบิตะเติบโตเป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาได้สร้างห้องของเขาให้กลายเป็นห้องทดลอง และทุ่มเทศึกษาอย่างหนักในงานของเขาตลอดทั้งวัน เขาได้บอกชิซูกะว่าไม่ให้เข้ามาในห้องทดลองของเขา เพราะมีสิ่งที่เป็นอันตรายอยู่มากมาย
แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับเรียกชิซูกะให้เข้าไปในห้องของเขา ห้องทดลองซึ่งเขาเคยบอกว่าเต็มไปด้วยอันตราย นั่นเป็นครั้งแรกที่ชิซูกะได้เข้าไปในห้องของสามีเธอ
และเมื่อชิซูกะเข้าไป เธอถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก.... เพราะสิ่งที่เธอเห็น- -เพื่อนเก่าของเธอ.. ผู้ที่เธอเคยเล่นด้วยในวันเด็ก โดเรมอน
โดเรมอนไม่ได้เคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าเขากำลังหลับ
ดูนะชิซูกะ ฉันจะเสียบปลั๊กเดี๋ยวนี้แหละ.. โนบิตะเปิดสวิตช์หลักของโดเรมอน โดเรมอน ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว.....
ที่โนบิตะเรียนอย่างหนัก และทุ่มเท ก็เพื่อที่จะได้พบ ได้คุยกับเพื่อนเก่าของ! เขาอีกครั้งหนึ่ง จนถึงขณะนี้.. โนบิตะก็ทำให้โดเรมอนฟื้นข ึ้นมา อีกครั้งหนึ่ง
โนบิตะและชิซูกะ ร้องไห้เบา ๆ ด้วยความยินดี.... ขณะที่โดเรมอนลืมตาขึ้นมา... มองไปรอบ ๆ และในที่สุดก็พูดขึ้นว่า อย่างเสียดังว่า
โนบิตะ นายทำการบ้านเสร็จรึยัง?
เมฆสีขาวบริสุทธิ์ยังคงลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าเหมือนดังวันก่อน วันเวลาที่พวกเขาได้ร่วมใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน....
15 กรกฎาคม 2547 08:08 น.
ใจพเนจร
เส้นบางๆที่คั่นระหว่างความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้คือการตัดสินใจของเรา