6 มกราคม 2547 20:21 น.
โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน
เนิ่นกาละเวียนคณะก็กราย
ณ หทัยให้วังเวง
ปองสดับพิณะบรรเลง
คติเพลงบรำบรา
ขานขับสดายุสรรพเสียง
ตละเพียงให้ฝันหา
กี่กาล ฤา ทศพรรษา
ดุนเฝ้าจะยลยิน
ฤา เชษฐ์บ่โปรด นยะกมล
มน หม่นสิ้นเพลงพิณ
ลมไล้สรรพ์ภางค์ดุริยยิน
ประดับฉันท์ ประดังฉันท์
งามศัพท์ก็ล้วนตละวิจิตร
สุประดิษฐ์จะเสกสรรค์
เทพไท้ก็อึงดุจประพันธ์
ดุสิตาลงมาดิน
ปวงข้านิกร นพวิชา
พสุธาจงยลยิน
ยอกรกวีอัครกวินทร์
ธ จะโปรด จะปรานบ้าง
สอนสิ่งวิชาคัมภิรภิปราย
จะระบายระบัดสร้าง
ร้อยกลฉันท์วิทยอ้าง
คุรุมีบ่เกรงใคร
6 มกราคม 2547 17:09 น.
โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน
ก่อนเก่าเราเคยรักประจักษ์มั่น
ในคืนวันหวานชื่นระรื่นจิต
ยามห่างไกลให้หวลชวนพินิจ
ครวญสนิทลิลิตพร่ำรำพันไป
หอมเอยหอมดอมดอกโกมลสิ้น
ดุจประทินกลิ่นลอยพลอยสดใส
ถนุถนอมกล่อมเกลี้ยงถึงเพียงใด
ก็รู้รักประจักษ์ไว้ในใจตน
กาลก็เนิ่นเกินผ่านประมาณนับ
ก็แปรปรับเปลี่ยนแปลงแห่งนุสนธ์
รักก็เลือนแรมร้างระคางมน
ให้เจ็บจนเจ็บจำระกำทรวง
เคยอ่อนน้อมยอมให้ไม่มีแล้ว
เคยเอื้อเฟื้อเชื้อแถวก็กลับหวง
เผยจริตติดฝังครุ่นกรุ่นทั้งปวง
เผยความลวงล่วงเร้นเช่นมีมา
เอาชนะคะคานระรานเรื่อย
ชอบบ่นเหนื่อยใกล้ไกลไม่ใฝ่หา
ช่างเหน็บแนบแต้มติดจิตเจรจา
เหลืออุรา ฤา ว่าคนจะทนทาน
ไม่นานแน่แพ้ภัยคงให้หลัง
ทุกข์ประดังโถมถามหาศาล
ต้องตัดใจตัดรักราข้ารำคาญ
หวังเพียงผ่านพ้นทุกข์สุขสักครา
30 ธันวาคม 2546 11:58 น.
โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน
บางคำหากพร่ำเพ้อ พรรณนา
นุชบ่เห็นคุณค่า ส่วนน้อย
ผิว์จะเพียงลมวาจา เปรยผ่าน
เพ็ญโพยม ฤา โลมคล้อย อยากกลั้ว ธุลี
ผจงจิตเรียงร้อย วาจา
ไหนจะซึ้งตรึงอุรา เจ้าได้
ครวญคร่ำรำพันพา โอยโอด
แม้นจิตปฏิพัทธ์ใกล้ ก็ร้าง แรมเลือน
ชะรอยแม่นี้แล้ ภายใน
สวาทร้างห่างไป อื่นสิ้น
เคยพิศนวลป่วนหทัย ใจโศก
ปานจะดับจะแดดิ้น เพียงเจ้า ปรายมอง
28 พฤศจิกายน 2546 19:33 น.
โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน
สล้างรายสายทิวเป็นริ้วลอก
ผันเรรวนยวนยอกกลอกกลับสาย
กาลหมุนผันวันหมุนเวียนคนเปลี่ยนใจ
นับอะไรเมื่อกายต่ำธรรมดา
ชลประเทศนิเวศน์หลั่งพรั่งอุทก
เป็นสายตกเตือนหทัยไว้เถิดหนา
สูงสวรรค์ชั้นใดยังไคลคลา
นองน้ำตา ณ รุ่งขึ้นก็ชื่นใจ
(ต่อกลอนท่านสดายุ 27พ.ย.46)
23 พฤศจิกายน 2546 17:08 น.
โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน
แจ้งจางสางแสงแผลงผาด
หวามหวาดขลาดเขลาเงาหัว
ใจมืดจืดจางต่างกลัว
มืดมัวชั่วมีบีฑา
วายวุ่นกรุ่นกลิ่นถิ่นนี้
ใฝ่มีสุขสันต์ฝันหา
ในนอกหลอกลิ้นจรรยา
มองหาหนทางกลางใจ
หนาวหนาวลมไล้ไม้อ่อน
กลับย้อนคืนเปลี่ยนเวียนใหม่
ทุกข์ทนจนหนาวร้าวใน
กาลใหม่หมุนเวียนเปลี่ยนมา
เกิดตายกายเจ็บเหน็บจิต
ใยคิดยึดยั้งสังขาร์
แก่งแย่งเยื้อยุดฉุดมา
วิญญาเอาได้ไม่มี
ผีเสื้อลอยล่องร้องเพลง
ครื้นเครงเพลงฉันหรรษา
ไม่นานฉันสิ้นวิญญา
มอบกายไร้ค่าลงดิน
ไม่สนทองพูนกูนกอง
ลำพองหยิ่งเย่อในสิน
แม้นใกล้วายต์ดับกลับบิน
บรรเลงเพลงถิ่นพนา
ลาแล้วฉันลาไปก่อน
กลับย้อนวัฏฏะสังสาร์
หนาวหน้าฉันจะกลับมา
โบยบินถิ่นป่าเหมือนเดิม.....................