21 กรกฎาคม 2552 08:55 น.
โอ้ละหนอ
กลางดึกของคืนวันหนึ่ง ไม่นานมานี้เอง เราไม่สบายความดันขึ้นสูงเนื่องจากเป็นผู้สูงอายุแล้วอ่ะ ไม่มีโรคอะไร เขาก็แจกให้ซะสักโรคนึง เอ๊าเอาไปไม่งั้นจะน้อยหน้าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ประเดี๋ยวหมอจะไม่มีงานทำ หรือไม่งั้นโรงพยาบาลจะปิตัววไปเพราะไม่มีคนไข้มาใช้บริการ เราอยู่กันลำพังสองคนกะลูกชายวัยรุ่น นอนรพ.กันนะ ตื่นเช้าเราเห็นว่าอาการไม่น่าเป็นห่วงแล้วเลยถามเจ้าลูกชายว่าไปรร.ดีไหม ไม่อยากให้ขาดรร.โดยไม่จำเป็น เห็นไหมรักการเรียนทั้งแม่ทั้งลูกนะเนี่ย(หารู้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นที่รร.) ลูกก็ไปรร.โดยไม่สายนิดหน่อยก็เอาใบจากรพ.ไปแจ้งว่ามาดูแลคุณแม่ที่รพ.เมื่อคืนนี้ ไปพบครูประจำชั้นที่ห้องพักครูเพื่อแจ้งเหตุแห่งการมาสายคุณครูคิดอย่างไรไม่ทราบ กล่าวหาเจ้าลูกชายว่า เป็นเพราะเธอใช่ไหมคุณแม่จึงความดันขึ้นสูงเข้า รพ. ลูกชายก็ตอบว่าไม่ใช่ครับ คุณแม่มีโรครปะจำตัวอยู่แล้ว คุณครูท่านก็แหม แทนที่จะถามเป็นห่วงเป็นใยแม่ลูกผู้น่าสงสารคู่นี้ ท่านกลับเยาะเย้ยถากถางลูกอยู่นั้นแหละว่าเป็นเพราะเธอใช่ไหม ๆ ๆ ตอกย้ำซะลูกรับไม่ได้แล้วละ เลยขออนุญาตไปเข้าห้องเรียน เดินออกมาจากห้องพักครู คุณครูไม่ยอมให้กลับห้องเรียกให้กลับเข้าที่ห้องพักครู ลูกกไม่กลับ คุณครูทำยังไง รู้ไหมเอ่ย.......คุณครูผู้หญิงกลางคนนะคะ ขว้างเก้าอี้เหล็กที่พับได้น่ะใส่ลูกชาย โชคยังดี้ลูกชายยกแขนขึ้นรับไว้ ยังมีรอยแผลที่ข้อมือลูกเลย พอถึงชั่วโมงคุณครูท่านก็ไม่เข้าสอนซะเฉย ๆ งั้นแหละ พอพักเที่ยงลูกชายไปขอโทษในฐานะที่เป็นนักเรียนบังอาจไปทำให้คุณครูโกรธ บันดาลโทสะ (อะฮ้า.....เจ้าเด็กน้อย) แล้วก็เรียนถามคุณครูว่าทำไมถึงกล่าวหาว่าผมเป็นต้นเหตุให้แม่ไม่สบายแทนที่ที่จะห่วงใยไต่ถามทุกข์สุขว่าแม่สบายแล้วหรือไม่ ใครเฝ้าคุณแม่อยู่ คุณครูตอบลูกชายว่า คุณครูอยากจะพูดแหย่เธอเล่น โอ้...พระเจ้า มายก๊อด คุณครูพูดเล่นผิดจังหวะไปหน่อยนะคะ (อันนี้คุณแม่คิดเองนะคะ ไม่ใช่เรื่องเล้ย) ลูกชายถามต่อไปว่าทำไมคุณครูขว้างเก้าอี้ใส่ผมล่ะครับ (อันนี้คุณแม่ว่าเข้าข่ายทำร้ายร่างกายนะเนี่ย) คุณครูตอบว่าครูไม่ได้ขว้างใส่เธอสักหน่อย ครูจะทุ่มมันลงกับพื้น เธอดันมายืนอยู่ตรงนั้นพอดี (ซวยไปนะเจ้าลูกชายของแม่) เราเลยคุยกันว่าจะเอายังไงดี แม่ก็อยากปกป้องลูกนะ ลูกใคร ๆ ก็รักเนาะ แม่อยากจะไปรร.พูดคุยกะคุณครูให้รู้เรื่องให้เข้าใจ แต่จากการประเมินสถานการณ์ที่ลูกชายเล่าให้ฟัง แม้จะเป็นการฟังความข้างเดียวก็ตามทีเถิด แต่ลูกชายเรา เราเลี้ยงมากับมือ และได้รับคำชมเชยมาตลอดว่าเลี้ยงลูกได้ดีเยี่ยม และเราก็ภาคภูมิใจทั้งในตัวเราที่เลี้ยงลูกได้ดีและภาคภูมิใจที่ลูกชายเป็นคนดีทมาก เราเลยอธิบายให้ลูกฟังเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตมากมายอะไร แม่เลี้ยงลูกมา ในครอบครัวเรา เราไม่เคยแสดงกิริยาอาการเช่นนี้ใส่กัน ไม่เลยลุแก่โทสะ หรือไร้เหตุผลถึงกับจะต้องแสดงกิริรยาอาการขว้างปาเข้าของใส่กัน การพูดจาก็ไม่เคยเยาะเย้ยถากถางหรือคิดเอาเองฝ่ายเดียวแล้วไปพูดให้ผู้อื่นไม่สบายใจ ในเมื่อวุฒิภาวะของคนเป็นครูมีอยู่เท่านั้น ลูกต้องรู้จักให้อภัยเขานะ เพราะเขาก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ยิ่งเขาเป็นครู เราจะไปตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาทำนั้นนั้นผิดเขาคงทำใจรับได้ยาก แม่ว่าปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปเฉย ๆ ดีกว่านะลูก บางครั้งการต่อว่าด้วยการไม่ต่อว่า การไม่เอาพิมเสนไปแลกเกลือ น่าจะใช้ได้ผลดีกว่า สำหรับผู้ที่พอจะมีความคิดดี ๆ อยู่ในสมองบ้าง เราคุยให้ลูกฟังว่าเห็นไหมลูกโลกภายนอกนอกเหนือจากที่แม่จะสอนลูกได้หมดนั่นน่ะ มีอะไรบ้างที่ลูกจะต้องเรียนรู้ด้วยประสบการณ์จริง ๆ เอง และแก้ไขสถานการร์นั้น ๆ ด้วยความมีสติ อย่าขาดสติ อย่าใช้อารมณ์ ให้หนักแน่น ถ้าลูกใจเย็น หนักแน่น ค่อย ๆ คิด ไม่ว่าจะเป็นเกมกีฬา หรือเกมชีวิต โอกาสที่ลูกจะชนะนั้นมีเกือบเต็มร้อย ที่เหลืออยู่ที่ฝีมือด้วย หมั่นลับฝีมือและสมองไว้นะเจ้าลูกชาย ยังมีอะไรอีกมากมายในโลกกว้างที่ลูกจะต้องเจอะเจอ เรายังพูดกันเล่น ๆ เลยว่า หากเก้าอี้ตัวนั้น มันเป็นมีดหรือปืน หรืออาวธอย่างอื่น ที่ทำร้ายกันได้ ไม่แน่ว่าลูกชายข้าพเจ้าอาจจะเหลือแต่ชื่อแล้วก็ได้ เราค่อนข้างเสียใจที่ลูกมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ แต่เราไม่ได้พูดให้เสียกำลังใจหรือหมดความนับถือคุณครูเขานะ แต่เราแค่เสียใจว่า สถาบันและคุณครูที่เราเลือกให้มาประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ลูกทำให้เราค่อนข้างผิดหวังมาก...........อนาคตของชาติจะเป็นเช่นไร หากมีบุคคลากรเป็นเช่นนี้อีก อีก อีก......และหากผู้ปกครองไมคิดเหมือนเช่นที่เราคิด.ความย่งยากนานัปการระหว่างผู้ปกครอง เด็ก รร. ครูจะมีอีกมากมายไหมเนี่ย ............ไม่เป็นไรอีกไม่นานลูกก็จะเรียนจบมัธยมปลายแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจเผชิญโลกกว้างกันต่อไป สวัสดี..คุณครู..........