7 กรกฎาคม 2550 00:09 น.
โอ้ละหนอ
ฉันเจ็บช้ำ มามาก เกินพอแล้ว
ใจดั่งแก้ว แตกยับเยิน เกินกล่าวขาน
รักร้าว เป็นเรื่องราว ของเมื่อวาน
น้ำตาซ่าน เจ็บนัก จำหักใจ
6 กรกฎาคม 2550 07:55 น.
โอ้ละหนอ
ท่านทำร้ายหัวใจไทยทั้งประเทศ ท่านปฎิเสธตัวตนคนชื่อทักษ์สิญญ์
ท่านบอกว่าท่านทำดีให้แผ่นดิน แล้วไยคนจึงติฉินและนินทา
ท่านบอกว่าท่านทำดีที่สุดแล้ว ยังไม่แคล้วโดนคนมาก่นด่า
ก็ถ้าหากดีจริงจังอย่างท่านว่า ใครจะด่าท่านไปให้ได้ยิน
จะสรรเสริญเยินยกและปกป้อง จะแซ่ซร้องสาธุการท่านทักษ์สิญญ์
จิ้งจกทักคนเขายังจักได้ยิน นี่คนทั้งแผ่นดินนะท่านนะ
เขาไม่ได้ด่าว่ารัฐบาล เขาไม่ได้ว่าท่านนั้นเลยละ
การบริหารท่านจัดการได้จะจะ ที่เขาระรานท่านเพราะการใด
ท่านทักษ์สิญญ์ท่านนั้นเป็นสุภาพบุรุษ ขอท่านหยุดแล้วนิ่งคิดสักนิดได้ไหม
ยอมครั้งนี้ยอมเพื่อแผ่นดินไทย ท่านจะได้มีชัยอย่างงดงาม
ถ้าท่านยอมท่านจะได้หัวใจทั้งประเทศ ทุก ๆเขตเลือกให้ไม่เกรงขาม
แต่ถ้าท่านดึงดื้อไม่ถือตาม ก็คงเป็นโมงยามแห่งน้ำตา(ของท่าน)
(เขียนไว้นานแล้วล่ะ มันสายไปเสียแล้ว ใช่ไหม!)
6 กรกฎาคม 2550 00:10 น.
โอ้ละหนอ
(แปลง(ล้อ) มาจากกวีนิพนธ์ของท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ ชื่อ "อนิจจา")
อนิจจาน่าเสียดาย ฉันทำชีวิตหายครึ่งหนึ่ง
ส่วนที่สูญเสียนั้นลึกซึ้ง มีน้ำผึ้งบุหงาลดามาลย์
ครึ่งหนึ่งหลงเหลืออยู่ในอกนี้ สั่นชีวีเสียสะเทือนสะท้าน
ถึงไม่มีโซ่ตรวนพันธนาการ ก็ทรมานปานทาสจะขาดใจ
อีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่พี่ยา ทรมาน้องนี้นี่ไฉน
ถึงใกล้ก็อย่างห่างไกล ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน
เสียแรงหญิงรักบริสุทธิ์ซื่อ พี่มารื้อเรื้อร้างร่างฝัน
ทิ้งให้เทวษหาจาบัลย์ ที่ไหนนั่นจะหวนคืน
คิดว่าพี่จะถนอมไว้แนบอก กลับหยิบยกน้องไว้ที่อื่น
แสนเจ็บแสนปวดปูนปืน พิษมาเสียบเสียวสะอื้นวิญญาณ
ใจพี่อย่างน้ำค้างกลางดึก ดั่งผลึกเพชรใสไหวสะท้าน
ครู่เดียวก็แตกดับกับดินดาน ไร้แก่นสารจะหวังมิยั่งยืน
อย่าว่าคำบุราณว่าพรากจากนารี ลับลี้สามวันพลันเป็นอื่น
นี่ บุรุษชาติอาชาไนยไหนกลับคืน- คำ ให้หญิงช้ำใจ
แค้นชายชิงชังไปทั้งโลก จะทุกข์โศกเพราะใจชายหรือไฉน
เสียแรงเป็นบุรุษชาติอาชาไนย ทำหญิงร่ำไห้หล่มล้มจมดิน
จักอัปยศแก่วิญญาณ อัประมาณอดสูฤารู้สิ้น
จึ่งตัดใจหลั่งน้ำลงดิน จบสิ้นขาดกันจนวันตาย
5 กรกฎาคม 2550 09:02 น.
โอ้ละหนอ
เมื่อรักหัวใจร้าว
เกินจะกล่าวเอ่ยให้ใครเขาหยัน
เมื่อไม่มีหัวใจไว้ต่อกัน
ก็เหลือเพียงคืนวันอันเศร้าใจ