23 ตุลาคม 2552 16:25 น.
โอเลี้ยง
บทนี้ถ้ามี่เขียนผิดฉันทลักษณ์ไป โปรดแนะนำได้นะคะ มี่เพิ่งดูกฎบังคับเมื่อคืน แล้วลองเขียนวันนี้เลยค่ะ...ขอบคุณล่วงหน้า ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
........................คำโกหกนั้น
ยามรับใช่พรั่น...อาจสรรค์ความหลง
เพราะสุขที่รับ...ปรับจิตเคยตรง
หลงเข้าในวง...สู่ดงบ่วงมาร
.............................โกหกมีบ่อย
พาใจเปียกปรอย...กี่ร้อยก็หาญ
ยิ่งหลอก รักมาก..เรื่องจากลืมนาน
ใจกล้าเชี่ยวชาญ...ลืมกาลลืมวัน
................................โกหกใช่ชั่ว
แม้นเกลียดแลกลัว...ฤามัวเกรงหวั่น
แล้วพ้นได้พลัน...มิปันแบ่งหยัน
มาแต้มสีสรร..แดกดันสู่ใจ
........................โกหกคือมนต์
ที่ร้ายแยบยล...พาดลหวามไหว
แลผูกลามไป...ถึงไข้หม่นไหม้
แต่ใช่ร่ำไห้...ก็คลายมนตรา
............................โกหกคู่โลก
ย่ำย้อนยอนโยก...สู่โชคชะตา
บางคนเพียรคว้า...หวังคร่าปัญหา
เพราะโศกเหนื่อยล้า...จึ่งดาฉับพลัน
.......................โกหกพกเมา
ลืมร้อนลืมเร่า..หายเศร้าราวหั่น
จึ่งพบบางคน...อยากค้นมายัน
ให้เรื่องโศกศัลย์...ลดหลั่นจางเลือน
.........................นิยามโกหก
เศร้ารกตลก...มาปรกมาเปื้อน
แต่อย่าแชเชือน...เบนเบือนกลเกลื่อน
เมื่อสุขพบเพื่อน...จนเลือนโทษรอน
..........................บางคนโกหก
ด้วยลิ้นกระดก...หาอกซึ้งซ้อน
จึงใคร่หาญสอน...ละครมากตอน
ของหลอนเริง,ร้อน...มาผ่อนหวามหวิว...
22 ตุลาคม 2552 16:55 น.
โอเลี้ยง
รอยถวิลไหลผ่านดั่งม่านหมอง
ใคร่รานรองมิสร่างห่างห่วงหา
ไหวสะอื้นกังวลเกินลวงลา
ทุกท่วงท่าราวเฝ้าใคร มามอง
ในม่านเงาอาทรที่ย้ำอยู่
คอยร่ำรู้ถึงหวามยามตาต้อง
แรงคะนึงตึงตอกบอกปร่าปอง
ยากลาลองไล่เงาใครจากใจจริง
ริ้วรอยแห่งกาลเวลาที่เคลื่อนคล้อย
ช่างเกลื่อนกร่อยปล่อยเปลี่ยวมาใส่สิง
แพ้อารมณ์ขมขื่นเกินไถ่ทิ้ง
ใจไพล่พิงอิงแอบกอดดายเดียว
หมายซ่อนความอ่อนไหวจากใจเจ็บ
หนักนัยเหน็บเก็บขื่นเกินร่ายเหลียว
คราบรอนซ่อนเตือนตรมยากป่ายเปรียว
สุดหลายเลี้ยวยังมิพ้นเศร้าทุกข์ทาน
ยิ่งระลึกยิ่งทุกข์คราโกรธกริ้ว
ใจโลดลิ่วใส่เพลิงพลิกทุกฐาน
ไม่ฟังความยังลามเพียรผูกพาล
เจ็บซุกซ่านจึงบานเกินบรรเลง
อยู่กับเศร้ารอนเร่าบนว่างว้า
หวังย่างอย่าปวดปร่ารวนหลั่นเร่ง
หลอมชีวาให้ชินบทกลั่นเกรง
สู้พรั่นเพลงเย้าแยงแกล้งต่อตาม
ปล. สีเข้มคือตำแหน่งบังคับสัมผัสเสียง กลบทนี้บังคับสัมผัสเสียงทีละ ๒ คำท้ายวรรค และต้องสัมผัสระหว่างบทด้วย
21 ตุลาคม 2552 15:56 น.
โอเลี้ยง
ราตรีทวีตรึก.................เฝ้านึกทะลวงหนาว
แววพรั่นทะงันพราว.....ยากปลงทะนงแปร
ขมเข็ญทะเล้นขอบ......รอยชอบทยอยแฉ
เงารานทะยานแล.........จิตหนักทะลักนัย
เพราะหวังระวังวุ่น..........คนคุ้นระคนคล้อย
ในปมระบมปรอย...........ยากจับระงับใจ
สุขลบระบบรู้..................ขื่นกรูระเนไกล
ถูกปรับระดับไป.............ให้อมระทมอวล
เจ็บรกตระหนกร้าว.........ยอกยาวตะบอยย้ำ
ขมเคร่งตระเบ็งคำ...........กับช้ำตระหน่ำชวน
ไยวับตระบัดหวัง.............ถูกสั่งตระครุบซวน
กรำกร่อนตะลอนกวน.....กอดหวั่นตะกรันไหว
เจ็บหลบประกบหลอน.....ตรมต้อนประจานตอด
โศกเสี้ยวประเดี๋ยวสอด..ทุกข์ชังประนังไช
สร้อยส่ายประปรายสุม...หวังจุ่มประดับใจ
เหงาคดประชดไข............ให้เห็นประเด็นหวง
คล้อยคลุกสนุกเคลิ้ม.....รักเริ่มสนั่นไหล
หอมวับสดับไว.................รักไหลไสวแล
ชื่นจิตสนิทจับ...............ลืมกลับสลายแก้
รักป่วนสงวนแปร...........เหมาเหม่อเสนอเมา
เหมือนเคร่งเขม็งขาย.....หวังก่ายขนานกลุ้ม
รักหลั่นขยันรุม................จิตพักขยักเผา
เหมือนเห็นเขม้นหา........ใจกล้าเขยิบเกา
คล้ายเบือนเขยื้อนเบา....จำป่ายขยายปัน
ปองป่ายระบายปลื้ม.......ยากลืมระกำหลอน
หลงหล่อระย่อรอน.........อยากพบระบบพลัน
รอยอายละลายอุ่น.........เหมือนฝุ่นระเนฝัน
เพียรสาวระนาวสรรค์......คิดจมระงมจำ
รักไหวไสวหวาม.............ทุกยามสมัครเยี่ยม
ขอติดสะกิดเตรียม..........ขับคล่องสนองคลำ
บ่อรักสลักรื่น...................ทุกคืนสนุกขำ
กลิ่นกรังสะพรั่งกรำ.........คิดทรุดสะดุดสรวง
กลบทนี้ครูคมทวนตั้งชื่อว่า อัษฎางค์ดุริยา เป็นกาพย์ประยุกต์ที่บางท่านเรียกว่า ฉันท์ (แต่คุณคมทวนตั้งบทนี้ว่ากาพย์) ๑บทประกอบด้วย ๔ บาทที่ทุกบาทจะมีวรรคหน้าวรรคหลัง รวมทั้งบาทมี ๑๐ คำโดยมีกฎว่าทุกวรรคของแต่ละบาทต้องใช้คำสหุ ๒ พยางค์ และแต่ละวรรคต้องใช้คำสัมผัสเสียงพยัญชนะ เชื่อมคำลหุด้วย โดยทุกวรรคคำที่๒จะเป็นผู้กำหนดคำลหุ ดังนั้นก่อนใช้คำลหุ ต้องคิดคำพร้องด้วย กลบทนี้ต่างกับกลบทสะบัดสะบิ้ง ตรงที่กลบทสะบัดสะบิ้งเราสามารถเลี่ยงใช้คำลหุลอยได้ ผิดกับกลบทนี้ต้องใช้แต่คำลหุแท้ อีกหนึ่งปัญหาของนักเรียนส่วนมากสงสัยกันคือ บาทหนึ่งวรรคหลัง
ปล. สิ่งหนึ่งที่นักเรียนงงกันเวลาเขียนคือ บาท๑วรรคหลังคุณคมทวน "ตั้งใจ"ละไว้ไม่ให้ลหุสัมผัสกับคำที่สองตามกฎบังคับ โปรดทราบเถิด ท่านเขียนแบบไว้
ในสไตน์นั้นจริงๆ อาจเพราะต้องการให้เด่นสะดุดตา แต่ทุกท่านจะเขียนมันสัมผัสกัน ก็หาได้ผิดกฎนะคะ (อันนี้มี่ว่าเอง อิอิ) มาดูบทครูคนเก่งเขียนไว้ อาจดุหน่อยนะ อิอิ แต่เราก็สามารถแปลงมันเป็นบทหวานได้นะคะ มี่อยากดูคุณกุ้งหนามแดงเขียนกลบทนี้จัง
อหังการ์มหากาพย์ ( โดยคมทวน คันธนู)
๏ เสียงชมประสมเชียร์..........ผัวเมีย-ประสาหมา
ใครต้านประสานตา...............เห่าเสียงประเปรี้ยงแซง
หางสั่นประชันสวน................ทั่วถ้วนประสงค์แทง
ฟืดฟาดประกาศแฝง.............โชว์เขี้ยว,ประเดี๋ยวคุ้ม๚ะ
๏ เมียผัวสลัวภาพ..................ลูกหาบสลอนหิ้ว
เนืองนองสนองนิ้ว.................-ชี้ใช้ไสวชุม
'ครับท่าน'สนานทั่ว..............หอนรัวเสมือนรุม
ถ่มเศษเสลดสุม.....................สัตว์ป่าสวาปาม๚ะ
๏ ผัวเมียเฉลี่ยมอม................เมา, ล้อมฉลองลาย
โลภซ้อนฉะอ้อนสาย..............ตาสาดฉกาจทราม
เห่อเหิมเฉลิมเหี้ยม.................เงินเทียมฉนวนทาม
ซ้ำสั่งฉมังสาม......................-หาวแลบแฉลบไหล๚ะ
๏ เสียงชมผงมชัวร์................เมียผัวผงาดแผ่
เสียงเทินเผอิญแท้.................สำนึกผนึกใน
ชัดลึกผนึกเหลิง....................สำเริงผจันท์ไร
ขอจงผจงไข.........................คำขานผจานเขียน๚ะ๛
21 ตุลาคม 2552 00:43 น.
โอเลี้ยง
มี่ไม่ได้เล่นนานเกี่ยวกับกลบท อิอิ คุณกวีน้อยมายั่วให้อยากเขียนอีกแล้ว รู้สึกไม่ได้มานาน คุณกวีน้อยเล่าว่ามีพี่ๆหลายคนเก่งมากขึ้นเลยนะคะ ยินดีด้วยค่ะ
วิเวกวาดขาดสนุก...ละรุกละเร้า
อยู่กับเฉาเศร้าละเหี่ย...เฉลี่ยไฉน
ณ มุมไหม้ใจเจ็บถี่...ร่ำรี้ร่ำไร
เหมือนหัวใจใส่เหงา...ระเฝ้าระฟัง
ครั้งบทเพลงเร่งรอนหลั่น...ผะสรรค์ผะเสริม
ใจก็เพิ่มเยิ้มยอกย้อย...ปะร้อยปะหลั่ง
ท่ามกระแสแผลเดียวดาย...ระร่ายระรั้ง
เหงาโอหังฝังฝากล้วง...ทะลวงทลาย
คล้ายเงียบงันทันเทียบชิด...ผะพิศผะเผา
จนสุดเกลาเล่าหลอกเร้น...กระเส็นกระส่าย
ไม่มีบทกฏแก้แกะ...ระแคะระคาย
มีแต่กรายสายเจ็บบด...ระทดระทวย
ด้วยห้วงไหวไหลระโบย...ระโหยระหา
เหมือนอุราคร่าผละ...สละสลวย
แสงจันทร์รางอ้างว้างคุม...ระรุ่มระรวย
คร่ำเพรียกป่วยม้วยจองเร่า...ปะเหงาปะเงียบ
เยียบเย็นจิตติดตรมตาก...ถลากไถล
ใจไปไกลใส่ใฝ่เหงา...คละเย้าคละเหยียบ
ไข้ว้าเหว่เร่เห่กล่อม...ระล้อมระเลียบ
ให้ช้ำเฉียบเปรียบเหงาติด..ระอิดระอา