24 มิถุนายน 2551 14:24 น.
โอเลี้ยง
นานาโลกแบ่งเป็นสองพรรคฝ่าย
ขาวดำหมายสื่อความปัดสับสน
ทุกสิ่งผ่านตามาจิตพาคิดค้น
ก่อนเผยผลในกมลด้วยปากเรา
ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตคือผู้กล้า
ล่าทุกคำส่งมาให้ลือเล่า
อยู่หมื่นไมล์ใช่ไกลเกินใจเร้า
ข่าวคราวเศร้าหรือชื่นจึงทันกัน
ผ่านตามาสู่อารมณ์ตอบสนอง
จิตทั้งผองผลิตคิดซ่านทั่วฝัน
ถ้าสิ่งใดสู่อารมณ์พลันหวานพัน
จิตจ่อมจมเร่งรั้นดันหยุดไว้
พร้อมตอบโต้สรรค์ความใส่คำหวาน
อยากถักสานหวิววาบทาบไปใกล้
อยากส่งความแทรกนัยใส่หวานไป
อยากผูกจิตถวายใจเชื่อมไมตรี
ครั้นพบความลามลวงทวงจิตขุ่น
ความละมุนหมุนผันเร่งหลบหนี
อารมณ์ขมคาขัดรัดฤดี
พาจิตพลีสาดวจีระคายทับ
หาได้หยุดคิดสักนิดถึงจิตขม
เกิดจากอมริษยานอนประดับ
หรือเกิดจากจิตจริงมีดีจับ
ไม่คิดรู้ดูปรับดัดถ้อยคำ
สาดส่งคำย่ำเหยียบเทียบเย้ยเยาะ
เหมือนเจาะจงลงโทษแกล้งแทรกขำ
หาได้คิดถึงจิตตนยามเยือนย้ำ
กระทำความตอกตำใช่ปรานี
คนหาโง่กว่าตนทั่วทั้งโลก
ควรชะโงกดูเงาตนก่อนเสียดสี
การจะแนะวิจารณ์ถากวลี
ลองย้อนดูตนนี้แต่งได้ฤา
ถากเขาได้แต่งทันทีสิคนเก่ง
แต่งมาเบ่งอวดสายตาพร้อมสารสื่อ
ชนจะชมยลด้วยชื่นใช่ลุกฮือ
อย่าเพียงอ้างส่งชื่อคนเก่งอวด
โลกสอนไว้ก่อนถางใครตนต้องรู้
ต้องแก้คู่เป็นครูก่อนสอนสวด
ใช่แค่ติตั้งตัวตนเก่งแค่ตรวจ
เขียนประกวดประชันหาทำเป็น..
>
23 มิถุนายน 2551 19:50 น.
โอเลี้ยง
เธอเป็นคนเด่นเลิศสะท้านหล้า
เก่งวิชากาพย์กลอนหาใครเหมือน
แม้แต่เทพหรือสัตว์ป่ายังรีบเบือน
ใจสะเทือนให้สงสารยามเจอะเจอ
เธอคนเก่งไม่หวังรู้คำตอบ
รู้แค่ชอบถากถางสอนเสนอ
อวดวิชาเป็นหนึ่งจนเผลอเพ้อ
ตื่นหรือหลับทับละเมอว่ายวนเวียน
โฆษณาแบบใหม่อย่าสงสัย
ต้องทำแกล้งแทรกนัยพร้อมปรับเปลี่ยน
ชีวิตคนสมัยนี้ดังจุดเทียน
ไม่บ้าเพี้ยนยากนักจะทันดัง
ชีวิตเธออาจเผาเร็วเกินปลูกคิด
พาสะกิดจิตเอียงสู่อีกฝั่ง
ตั้งตัวเป็นหมอวิชามีพลัง
เที่ยวสอนสั่งเย้ยย่ำเหยียบเทียบเปรียบคน
และแล้วก็สมหวังมีคนเชื่อ
ดังหนูถูกยาเบื่อตายหล่นกล่น
เธอได้ดังทันเวลาสมเพียรค้น
เพราะเลือกคนมาชิมยาได้ถูกแนว
สิ่งใดฤาที่เธอใฝ่เพ้อฝัน
ฤารางวัลคนด่าดีกว่าแก้ว
ฤาโลกผลักโอกาสเธอลับแล้ว
จึงฉายแววนางมารร้ายเพื่อดังทัน
22 มิถุนายน 2551 15:02 น.
โอเลี้ยง
กลบทนาคราชแผลงฤทธิ์
แอบมีใครในใจไม่ใช่แย่
แม้ช้ำย่ำพร่ำแพ้พบแค่เศร้า
เผาขับสุขรุกหม่นทนรนเร้า
เถ้าร้อนลวกบวกเหงาซุกเย้าเคียง
เสียงยั่วคุ้นตุนเจ็บเหน็บเก็บกร่อน
รอนใกล้กรายคล้ายอ้อนอย่าอ่อนเสียง
เยี่ยงอาบโศกโยกหวังยังรั้งเรียง
เยี่ยงร้อนรุกทุกข์เคียงใช่เกี่ยงไกล
ใช่กลัวกลืนขื่นขมจะถมทับ
จับท้อแท้แก้ปรับหวังนับได้
ไว้นอนดูรูแผลเคยแคร์ใคร
ไข้เคียงข้างอย่างไรก็ไม่กลัว
กลบทนาคเกี่ยวกระหวัด
เมื่อมีรักช้ำเจ็บต้องได้พบ
พบได้บ่อยเศร้ากลบสุมเต็มหัว
หัวเต็มไปด้วยแผลช้ำหมองมัว
มัวหมองหม่นระรัวใช่เลิกรัก
รักเลิกยากหวังมากเฝ้าฝังฝาก
ฝากฝังไว้มากมายแม้ถูกผลัก
ผลักถูกแผลเก่าก่อนเหมือนศรปัก
ปักศรซ่อนอุปสรรคให้ลิ้มลอง
ลองลิ้มร้าวหลายคราวใช่หนีรัก
รักหนีห่างไกลนักจะกลัดหนอง
หนองกลัดกร่อนเท่าไรยังหวังปอง
ปองหวังใครลองเหลียวแลคนคอย
คอยคนใฝ่ไม่เคยอยากหยุดนิ่ง
นิ่งหยุดรอกลัวอิงจิตละห้อย
ละห้อยไห้อ้างว้างเศร้าตาปรอย
ปรอยตาแดงแฝงร้อยแต่ทุกข์คว้าง
คว้างทุกข์มากหากรักเกินไกลฝัน
ฝันไกลสมไม่พรั่นเท่าจิตว่าง
ว่างจิตห่างคิดถึงคงอ้างว้าง
อ้างว้างอย่างหมกไหม้ไร้ชีพยัง..
20 มิถุนายน 2551 18:03 น.
โอเลี้ยง
แสงสีทองเรืองรองอร่ามฟ้า
เช้าวันใหม่เจิดจ้าไร้เมฆฝน
ต้นไม้เขียวสะบัดใบปลิวปะปน
ทั่วทุกหนล้นเสียงของนกกา
ลมหวีดหวิวพลิ้วผ่านหน้าภูเขา
หาดทรายเหงาร้างว่างคนไปหา
ทะเลเรียบผิวน้ำลื่นชื่นอุรา
ภาพงามตาพาจิตระรื่นไกล
ธรรมชาติลิขิตภาพสวยสม
ชวนชื่นชมนานนานอย่างหลงใหล
อยากรักษาดูแลดำรงไว้
ให้ใกล้ไกลมีต้นไม้ได้พบเจอ
ให้ความงามพรรณไม้ซ่านไปทั่ว
ให้รอบตัวหมดควันพิษชิดเสนอ
มีแค่ไอหอมหวนอวลจนเพ้อ
เป็นเช่นฝันได้เสมอคงจะดี
อยากสร้างฝันมีเมืองหมดภัยพิษ
ทั่วทุกทิศชุ่มชื้นแซมไม้สี
มองทางใดมีแต่ภาพชื่นชีวี
ทุกราตรีได้หลับนอนด้วยสุขใจ
แต่ภาพจริงเห็นแล้วซุกสะอื้น
จิตขมขื่นฝืนฝันได้นานไหม
ธรรมชาติงดงามน้อยลงไป
เพราะมือใครเราท่านฤาไม่รู้..
18 มิถุนายน 2551 22:13 น.
โอเลี้ยง
นอกหน้าต่างมีฝนกำลังไหล
ในหัวใจมีไข้กำลังสุม
บนใบหน้าน้ำตากำลังรุม
รอยกลัดกลุ้มกระจายโรยเบาบาง
อยากลบรักหักใจไร้เงื่อนไข
โยนความโง่หายไปในที่ว่าง
สร้างความฝันเจิดจ้ามาปูทาง
แล้วแปลงลานเคว้งคว้างให้สวยงาม
ตั้งนาฬิกาเอาไว้เวลาใหม่
ผูกแพรใสวนรอบสวนเป็นเขตห้าม
ตำตะวันโปรยโรยทางให้ส่องตาม
ทุกเขตข้ามให้ไร้เธอคนพาช้ำ
เพราะหัวใจอ่อนแอแพ้ทุกข์เศร้า
อุราเร้าร้อนเจ็บเหน็บครวญคร่ำ
สุขวันวานกลายเป็นควันลอยลิบล้ำ
เหลือเพียงเถ้าขัดคาตำไล้กลางทรวง
เพราะปลดเหงาเกลาอ้างว้างไม่อาจหลุด
ใจชำรุดทรุดโทรมใกล้กรอบร่วง
จึงสร้างฝันหวังปลดเศร้าหลอนลวง
หวังแค่ช่วงบางเวลาหลงลืมเธอ
ยอมรับว่ารักเธอไม่รู้สิ้น
แม้ถวิลของฉันผูกพันเก้อ
ใจดวงดื้อยังพร้อมพลีบำเรอ
ส่งเสนอคนใจร้ายที่เมินเรา
ดวงดาวเดือนหล่นกล่นลามทั่วฟ้า
น่าอิจฉาท้องนภาไม่หงอยเหงา
แค่มองฝนมองดาวยวนยั่วเย้า
ฉันก็เศร้านั่งคร่ำครวญท่ามคะนึง
ซุกตรมตึงดึงไม่หมดหดหู่เผา
ราตรีเทาสีแสนเก่ายากหยุดทึ่ง
ยามมองฟ้าจึงเห็นช้ำออเอ็ดอึง
ให้ต้องตรอมไร้ซาบซึ้งกับดวงดาว