22 พฤศจิกายน 2552 15:02 น.
โอเลี้ยง
นอนราวจิตก่ายห้วง ...วางหวัง
หนาวร่อนพาภวังค์. ..ว่างว้าง
ในฝันคิดไปยัง ...คลอพบ
นานใฝ่กับทางกว้าง. ..ขบพ้อหวังขอ
รอสอยนัยยากร้อย ...ของใจ
รอยส่อยังรำไร ...ข่ายจ้อง
อาจนำทบเพียงไหว ...มองสู่ ใช่พบ
อำนาจของเทพฯต้อง...หมู่ส้องดลฝัน
กรรณรอพรเสกร้อย ...หวังสาง
กรอหลั่นเติมพลัง ...หว่างสร้าง
จันทร์ไหวจิตพลันฝัง ...รอยสั่น
ใจหวั่นกลัวเลือนร้าง ...หลั่นสร้อยหลุดสม
พรหมรักษ์โปรดป้องปัก...กุมคลอ
ผลักล่มอุปสรรคทอ ..ก่อคุ้ม
ผันวางแต่สมรอ ....ดังภักดิ์
พรางหวั่นพากองกลุ้ม ...ดักพลั้งบินหาย
ปลายหวังชนะไร้ ...หมางวน
ปางว่ายหนีสับสน ...หม่นว้าง
สมคิดลุพานผล ...หวังสิ่ง ใจรอ
สิทธิ์ข่มยามเมียงคว้าง ...วิ่งสร้างพลัดหลุม
กุมฉายกับเพ้อใฝ่. ...สอยชิง
กรายชุ่มอาบอวลอิง ...สิ่งช้อย
พอรันสุขพรมพิง ...ตรองติด
พันหล่อความละห้อย ....ติดต้องฝันหวาน
18 พฤศจิกายน 2552 17:55 น.
โอเลี้ยง
ปัจจุบันเรื่องรักสวยรักงาม รักสุขภาพหาใช่เป็นเรื่องของผู้หญิงเท่านั้น
ผู้ชายก็เริ่มสนใจมากขึ้น ดังข่าวนี้ หย่าเมียเพราะเค้ก
นายเชง หยู๋ สามีวัย 31 จากประเทศจีน ทนเมียรัก นางเถียน เหม๋ ภรรยาวัย 27 ปี
ที่ขยันและหลงใหลขนมเค้กมาก ชนิดต้องทำทุกเย็น และที่นางชอบยิ่งขึ้นคือให้สามีชมทุกวัน
ว่ารักหวานอร่อยเท่าเค้ก (ที่นางเชื่อว่าตนเก่งและอร่อยที่สุดหาใครเทียบเท่าด้วย) แรกๆนาย เชง หยู๋
ยอมรับก็ชอบและแอบภูมิใจในความเก่งของเมีย
แต่เมื่อนายเชง หยู๋ เมื่อกินเค้กไปจนหุ่นชักคล้ายหมู เพื่อนๆพากันล้อบ่อยขึ้น ด้วยเป็นคนที่เคยหน้าตาและรูปร่างพอพาไปบาร์ เอ้ยวัดได้
ต้องมาเก็บตัวอยู่กับบ้านชิมเค้กเมียทุกเย็น อาการ โรคจิตก็เริ่มแทรก จากที่เคยเป็นคนสนุกอารมณ์ดี ระยะหลังทุกครั้งที่เจอหน้าเมีย ก็เกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัว แถมเกิดจิตหลอน ยามเมียมาคลอเคลีย เขาว่ากลิ่นเค้กก็ระเหยออกมา ชวนคิดอาเจียน
สุดท้ายจำต้องระเบิดใส่เมียว่า
ถ้าเลือกเค้ก ฉันเลิกกับเธอ
โอเลี้ยงฟังดีเจ เล่าในวันหนึ่ง แรกๆแค่รู้สึกขำ แต่มาเห็นข่าวหน้าแรกของไทยรัฐ
จึงเริ่มคิด...แค่ขำฤา? เลยลองแต่งให้ข้อคิดด้วย อิทิสังฉันท์ ๒๐
ที่เพิ่งอ่านกฎการสร้างไปตอนบ่ายวันนี้ และนี่เป็นบทแรก ที่เขียนหลังอ่านกฎ
ผิดพลาดตรงไหน ผู้รู้โปรดแนะบ้างนะคะ
ขอขอบคุณ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
โอ้อเนจอนาถระดมระทม
ปะเมียสนุกริทำขนม...ขยันวน
ผัวสิกินสะอึกสะอื้นกมล
ฤทัยผะผ่าวระเศร้าปะปน...ระทุกข์รอ
จึงประกาศสลัดละวางผละคลอ
จะจากชนิดละสิ้นชะลอ...วจีเมีย
ด้วยตระหนักสะสมฉุอ้วนเพาะเพลีย
และสิ้นสะโอดสะองละเหี่ย...ละโหยกาย
ข่าวเสนอปรุโปร่งสะท้อน ณ ปลาย
ระดมพะเน้าพะนอ บ่ คลาย...บ่ ใช่ดี
รัก ณ หวานเสมือนชนะวิถี
ประดุจประดับระเริงทวี...ละลิ่วพราง
แต่สะดุดจุอิ่มระอากะกาง
ประท้วงทะลวงทะลุผุผาง...ประจานใจ
จงระลึกริตรองตระหนกวะไหว
บ่ ใช่ละม้ายระเริงลุไกล...สิเริ่มกลัว
หวาน บ่ ใช่ประสงค์ประดับเกาะตัว
สนองเสนอมิเลิกมุมัว...ตลอดกาล
ขอบคุณภาพจากไทยรัฐ
ปล. ช่วงนี้โอเลี้ยงเขียนกลอนกลบทที่ขึ้นด้วยคณะฉันท์ไม่ได้
ทั้ง กลบทมาลินีโสภิต วสันตดิลกวาที บวรโตฏก วิกลิดสทสา อิทาธิกร ด้วยไม่รู้ผังการแยกออก ระหว่างฉันท์ที่บอก จะต้องใช้กี่คำอักษรของฉันท์มาวางหน้าวรรคกลบท ท่านใดทราบโปรดแนะด้วยนะคะ (คือโอเลี้ยง ยังหาไม่เจอเลย ไม่ทราบใครเคยเขียนบ้างน่ะค่ะ)
17 พฤศจิกายน 2552 14:51 น.
โอเลี้ยง
โอเลี้ยงเห็นว่า ฉันท์นี้เหมาะกับการบรรยาย
ความเจ็บปวดของคนที่พ่ายรัก เลยลองหัด
แต่งดู ถ้าผิดพลาดทางฉันท์ลักษณ์ ขออภัย
ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เพราะเป็นการเขียนครั้งแรก และ
บทแรก หลังอ่านคำสั่งของกฎนี้ค่ะ
ไหวไหวผะผ่าวเผา...ขณะเศร้าสะอื้นหา
เดียวดาย ณ เวลา...ปะทะเหงาตะลอนเคียง
ห้วงใจระดมขม...รติล้มมลายเสียง
ผิดหวังประนังเมียง...ระอุเร่าประหารฝัน
หาใช่ประทานทาง...ตละสร่างประจญพลัน
เขาห่างเสมือนจันทร์...ผละขนาดประดุจเลือน
ในหวังอณูหวง...บ่ ปะช่วงประดับเตือน
เขาจึงมิคิดเยือน...สิอดีตละล่องลอย
ในรักประจักษ์แผล...ลุกระแสประสบปรอย
รักยากประวิงคอย...หฤทัยระเร้าหนาว
คนใช่ผละจากหวัง...ระอุชังสิเหมือนสาว
รอยโศกระรัวราว...ปะระรานมิเลิกลา
ผิดคนประดังสรรค์...เพราะสวรรค์ละลืมหา
จึงพ่ายสะดุดคา...ณ ทะเลสะเทือนใจ
16 พฤศจิกายน 2552 13:50 น.
โอเลี้ยง
พะวักพะวน จนจิต สนิทสนม
ระดับระดม พรมพับ กระฉับกระเฉง
ระบบระบาย สายซุก กระตุกกระเตง
บรรลุบรรเลง เพลงภักดิ์ ประจักษ์ประจาน
สม่ำเสมอ เก้อกัก ประดักประเดิด
ระบุระเบิด เปิดปลุก สนุกสนาน
กระโตกกระตาก ฉากชี้ ตะลีตะลาน
ประสบประสาน ขานคิด ตะบิดตะบอย
ชะงักชะแง้ แฉฉ่ำ ระส่ำระสาย
กระวนกระวาย ฉายฉุกละหุกละห้อย
ละม้ายละเมอ เจอจิต ประดิษฐ์ประดอย
ทแยงทยอย ซอยสิทธิ์ ประชิดประชัน
คะยั้นคะยอ รอรัก สมัครสมาน
ประเมินประมาณ ปานปัด สะบัดสะบั้น
กระจุ๋งกระจิ๋ง พิงผลัด ประพัทธ์ประพันธ์
กระนี้กระนั้น ปันปลื้ม สะลืมสะลือ
14 พฤศจิกายน 2552 14:27 น.
โอเลี้ยง
วิจิตรจันทร์เลื่อนแล้ว...ขอบลาน
ขานรอบพรูเพียงกาล...หนักเศร้า
เนาซักโอบโศกนาน...กรอเจ็บ
เก็บจ่อกับบทเง้า...ก่อนล้มรอนสวม
รวมสอนกุมจิตไห้...คะนึง
คลึง ณ เงาดายดึง...ย่างเค้น
เย็นครางล่วงรำพึง...เก็บหน่วง
กลวงเหน็บหมดแนวเว้น...จากเปื้อนเหลาถาง
รางเทากลางอุ่นแย้ม...คุมกรอ
คลอกลุ่มในเพลินออ...สุขร้อย
ซอยรุกเพ่งหมองตอ...ขันมอบ
ขอบมั่นกลับพบพร้อย...ยากคล้อยสุดสม
ซมทรุดฉุดหว่างเคลิ้ม...กักเดิน
เกินดักผลักดำเนิน...สู่ช้อย
สอยชูแต่เผชิญ...กายหวั่น
กันว่ายไปสอยย้อย...กับปลื้มใยหวัง
ยังไหวในโศกไร้...เงาจันทร์
งันเจ่าระทมครัน...เยื่อไข้
ไยเครือประสงค์สรรค์...พบขื่น
ผืนขบระดมไห้...พอกเพ้อหลากสาย
หลายสากพาจิตเศร้า...จับขม
จมคับชะงักชม...หลั่นสร้อย
รอยสรรค์เด่นเพียงพรม...เหงาขบ
งบเขลาจึงมัดคล้อย...แต่ร้อยขมสุม