29 มิถุนายน 2548 16:19 น.
โอ คาลิฟโซ
มนุษย์นี้นี่ หนาน่า สมเพช
สิ้นสุดเขต แดนดิน สิ้นสุดฟ้า
ช่างปลิ้นปลอก หลอกกัน มันระอา
หลอกสิ้นว่า ข้าเอง นั้นเป็นใคร....
แม้นตัวเอง เกรงว่า ข้ายังหลอก
แสนช้ำชอก รู้หลอก..บอกใครไหว
อันน้ำคำ จำปด สบถไป
หาจากใจ ไหนเลย มิเคยมี...
15 มิถุนายน 2548 16:17 น.
โอ คาลิฟโซ
....ดั่งเรือน้อยลอยลำกลางนธี
วารีใสเวิ้งว้างแลว่างเปล่า
สุดสายตาเห็นเพียงฟ้าสีทึมเทา
จะมุ่งเอาหนไหนปลายเส้นทาง
....มุ่งไล่ล่าหาฝันอันเลือนลาง
มุ่งสรรสร้างบางสิ่งอันล้ำค่า
สิ่งภายนอกมากมายที่ใฝ่คว้า
ดับสูญตามกาลเวลา..หายั่งยืน
....จุดสุดท้ายกายว่างแม้ยังฝืน
จุดที่ยืนกลับเคว้งคว้างกลางเวหล
ต้องหันหน้าวิ่งหาฝ่าผจล
ต้องขุดค้นบางสิ่งกันเรื่อยไป
....เมื่อไหร่หนอจักพอสิ่งที่ได้
จักพอใจในสิ่งที่มีอยู่
ไม่อยากดิ้นอยากมุ่งจะต่อสู่
มันแสนเหนื่อยสุดกู่..จะสู่ทน.
14 มิถุนายน 2548 11:57 น.
โอ คาลิฟโซ
ปุถุชนผู้มีใจคับแคบ
ชอบว่าคนโน้นคนนี้โง่เมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ
ฉันเกิดมายี่สิบกว่าปี..ยังไม่เคยเห็นผู้ใด
ที่ล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง.....
11 มิถุนายน 2548 14:41 น.
โอ คาลิฟโซ
ริมผาสูงกลางป่าลึกและเทือกสูง
มันลึกเสียจนไร้ซึ่งทางสันจรไปมา
ณ.ที่นั้นปกคลุมไปด้วยหมอกและไอหนาว
และสายธารใสไหลเย็น
สกุณาเสียงแจ่ว ๆ บางเบา ใกล้แล้วห่างไกล
ที่นั้นช่างสงบ พืชไม้ช่างเขียวขจี
ฉันคว้าจันทรามาไว้ในวงแขน..มั่นช่างนุ่มเนียนละมุน
และเย็นยะเยือก
ถึงครานี้....จะมีใครไหนสุขเท่าฉันอีก
6 มิถุนายน 2548 15:21 น.
โอ คาลิฟโซ
สะเก็ดความฝันลองฝุ้งแล้วจางหาย สะเก็ดดาวเจิดจรัสเป็นประกายแล้วดับสูญ จะตามหาร่องรอยแห่งใดยังอาดูร มันสาบสูญหล่นหายปห่งหนใด