23 สิงหาคม 2545 04:09 น.
โมไนย
นักดนตรีตาบอด
ขอตลอดหนึ่งบาทหนึ่งบาท
หย่อนกันมิให้ขาด
ให้หนึ่งบาทแก่นักดนตรี
ซุ่มเสียงไพเราะ
ดังเสนาะไปเสียทุกที่
แม้นเจ็บช้ำระกำชีวี
แต่นักดนตรียังมีเสียงเพลง
23 สิงหาคม 2545 04:00 น.
โมไนย
เลียบมองจ้องถนนรนแคม
เด็กมอมแมมน่าตาช่างน่ารัก
แต่สองมือถือพวงมาลัยหนัก
จักขายให้ได้ใช้จ่ายเงิน
รถหยุดตรงไฟแดงดูแสงไฟ
หนูน้อยฉวยพวงมาลัยไม่มีเขิน
รถจอดตรงสี่แยกรีบแทรกเดิน
เพื่อแลกเงินกับค่าพวงมาลัย
22 สิงหาคม 2545 15:30 น.
โมไนย
เมียงมองลอดรั้วลูกกรงเหล็ก
เห็นเด็กนั่งมองฟ้าดูหน้าขัน
บนฟ้ามีอะไรไยมองมัน
บนฟ้าบนนั้นมีอะไร
เมฆขาวลอยสุมเป็นกลุ่มก้อน
ยังละอ่อนยิ่งนักเจ้าวัยใส
คิดว่าบนนั้นมีอะไร
มีนางฟ้าหรือไรไยมองมัน
หันหลังกลับไปในบ้าน
ปูเสื่อเบาะอานนอนทานฝัน
นางฟ้าของเจ้าเขาอยู่นั่น
ในฝันในนั้นนิรันดร
22 สิงหาคม 2545 15:24 น.
โมไนย
ลมพัดฉิวปลิวสบัดลัดเรียวหญ้า
สกุณาโผผกผินบินเฉวียน
เหนือพฤกษาและทุ่งหญ้าที่ราบเตียน
ทำให้ฉันได้เรียนรู้สู่อารมณ์
กระชากตัวออกมาจากป่าเมือง
แล้วลืมเรื่องวุ่นวายที่ใจขม
พอกันทีกับวิถีชีวีสังคม
พาอารมณ์สู่ทุ่งใหญ่ให้ใจเย็น
ช่างอิ่มเอมอารมณ์สมดังหมาย
มันช่างคลายให้ใจสุขผ่อนทุกข์เข็ญ
หยาดน้ำฟ้าสะดิดหญ้าพากระเซ็น
ฉันนได้เห็นที่มาซึ่งอารมณ์
22 สิงหาคม 2545 15:13 น.
โมไนย
เคยเป็นดาวพร่างพราวราวระยับ
คอประดับด้วยสร้อยทองนิ้วคล้องแหวน
เธอกรีดกรายร่ายระบำดังรำแพน
เธอโลดแล่นบนถนนคนกลางคืน
เธอพลีกายขายร่างค่าจ้างแพง
เธอไม่แหนงต่อกามคาวที่หาวหืน
เธอมีฝันและฝันนั้นคือจุดยืน
ว่าสักวันเธอจะฟื้นจากคืนคาว
เหลียวมองสรรพางค์กายที่รายรอบ
เธอนึกขอบคุณยามเมื่อกามฉาว
จากทรวดทรงเคยสะอิ้งพริ้งพราว
ถึงคราวได้ปลดประจำการ