14 ตุลาคม 2549 19:24 น.

บันทึกอีกหน้าหนึ่งของชีวิต

โพลารีส

ความผิดหวัง ทั้งจากคนที่เคยรัก และความรู้สึกรักระหว่างคนสองคน
จะเป็นเพียงบันทึกอีกหน้าหนึ่งของชีวิตเท่านั้น ...
แต่สิ่งสำคัญ คือ เมื่อความรักจบลง ใช่จะต้องเกิด ความชิงชัง เสมอไป
จงรักษาความรู้สึกที่ดีนั้นไว้ แม้มันจะเหลือเพียงน้อยนิดก็ตาม
เพราะกว่าคนเราจะเกิดความรู้สึกรักใครสักคนได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย
และมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆกับใครก็ได้ที่เราพบเจอตามท้องถนน ..
หากคุณได้รับความรู้สึกพิเศษนี้จากใครสักคน 
จงภูมิใจเถอะว่า อย่างน้อย คุณคือคนพิเศษที่สุด สำหรับคนๆหนึ่งบนโลกใบนี้

สำหรับฉัน หากแม้จะไม่มีเธอต่อไปจากวันนี้
ฉันจะไม่ร้องไห้ และจะไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกแล้ว
แม้จะรู้สึกผิดหวัง และเสียใจกับคำพูดของเธอแค่ไหนก็ตาม
เพราะมันจะเป็นแรงใจให้ฉันลุกขึ้นยืนอย่างเข้มแข็ง ด้วยขาคู่นี้ของฉันอีกครั้ง
ฉันในวันนี้ ก็ยังคงเป็นฉัน ที่เธอเคยรู้จักเมื่อหนึ่งปีก่อน
และจะยังเป็นฉัน ที่เธอไม่เคยเข้าใจอย่างนี้เสมอไป ..

... ขอบคุณ ที่เคยรักกัน ...



นี่คือความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้น เราอ่านแล้วชอบมากๆเลยค่ะ				
26 มีนาคม 2549 18:53 น.

รักเก่าๆของเรา 2 คน

โพลารีส

คำว่าเพื่อนอาจจะเป็นใครคนใดคนหนึ่งในความทรงจำของคุณ และจะบอกให้คุณรู้ว่า อะไรคือความจริงและความเป็นมิตรแท้ ซึ่งสามารถจะไว้ใจและให้ความรักซึ่งกันและกัน ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปก็ตาม 

    คัง จุน ซาง ( เบ ยอง จูน ) ลูกชายของนักเปียโนชื่อดัง เป็นหนุ่มรูปหล่อ ที่ซ่อนเร้นความโศกเศร้าเอาไว้ตั้งแต่เกิด เมื่อตอนที่คัง จุน ซาง ยังเป็นเด็กมัธยมเขาได้มาเข้าที่โรงเรียนมัธยม ชื่อ ชันเชิน เขาย้ายมาเรียนที่นี่เพื่อที่จะตามหาพ่อที่แท้จริงของเขา ทำให้ได้พบกับซังฮุก และ ยูจิน ( เช จิ วู ) เธอเป็นสาวน้อยที่ร่าเริง และ ใสบริสุทธิ์ เธอสดใสตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกสับสนระหว่าง ความรัก กับ ความเกลียดชังที่มีต่อ ซังฮุก และ คิมจินวูเขาได้หลงรักยูจิน แต่ก็ต้องเสียใจมากเมื่อเขาคิดว่าพ่อของ ยูจิน คือพ่อของเขา เมื่อสิ้นหวังต่อชะตาชีวิตในครั้งนั้นเขา จึงตัด สินใจที่จะจาก ชันเชิน แต่โชคร้ายถูกรถชนขณะที่เขาจะจากไป 
    ลี มิน ยอง (เบ ยอง จูน)ที่ดูเหมือนกับ คัง จุน ซัง มาก ได้ปรากฎตัวต่อหน้า ยูจิน หลังจาก จุนซัง ตายไป 10 ปี มินยอง ซึ่งคล้ายกับ จุนซัง มาก เธอรู้สึกสับสนตัวเองกับคนรักเก่า จุนซัง ที่ไม่มีวันลืมเลือนไปจากหัวใจของเธอ มิน ยอง ได้พบกับ ยูจิน ในฐานะผู้ร่วมงาน สายเลือด เกาหลี-อเมริกัน เขาเป็นหนุ่มสายเลือด เกาหลี-อเมริกัน ที่มีพรสวรรค์ มีนิสัยน่ารัก สุภาพ และ มี เสน่ห์ ทำให้ผู้หญิงต่างหลงใหล ในขณะที่เขาทำงานร่วมกับ ยูจิน ได้พบว่าเธอเป็นหญิงที่มีเสน่ห์ และ สามารถดึงดูดความสนใจเขาได้ทีละน้อยๆ				
24 มีนาคม 2549 20:01 น.

รักเธอคนเดียว

โพลารีส

แนนๆ ใกล้วาเลนไทน์แล้วนะ....    จอย เพื่อนร่วมงานของแนนหันมาคุย ขณะแนนกำลังง่วนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะตัวเอง          อืม...วาเลนไทน์อีกแล้วสินะ    แนนเงยหน้าขึ้นสบตาจอยพลางยิ้มพูดเบาๆ           วาเลนไทน์...14 กุมภาพันธ์ วันที่กุหลาบทั่วโลกบานพร้อมกัน วันที่ความรักงอกงามได้เร็วกว่าทุกวัน และเป็นวันที่กามเทพแผงศร ให้หลายๆ คู่ได้สมหวัง แต่คงไม่ใช่แนน...เธอคนนี้แน่นอน 

         ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ความแออัดและตึกสูงในเมืองหลวง...มีหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆ กำลังก่อตัวขึ้น ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความรัก ความรักของเขาและเธอ          เธอๆ มาเล่นก่อกองทรายด้วยกันมั้ย เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ หน้าตามอมแมมกำลังนั่งเล่นบนกองทรายสูงท่วมหัว           เธอชื่ออะไร เราชื่อเอ เด็กผู้ชายแนะนำตัวเองก่อน พลางกระโดดลงมาจากกองทราย           ฉันชื่อแนน เด็กผู้หญิงแนะนำตัวเองบ้างพลางค่อยๆ นั่งลง ทั้งคู่ค่อยๆ ก่อกองทราย เด็กผู้หญิงวิ่งไปเอาน้ำมารดให้ทรายเปียกชุ่ม เด็กผู้ชายค่อยๆ เอาเศษไม้เกลี่ยให้ดินทรายที่เปียกค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง จนได้เค้าโครงของปราสาททรายที่ต้องการ           เอ เดี๋ยวแนนประดับปราสาททรายเองนะ เด็กผู้หญิงวิ่งมาพร้อมกับก้อนหินสีสวยในกำมือ วางลงข้างๆ ปราสาททรายที่กำลังจะอวดโฉมออกมาเป็นรูปเป็นร่าง           แนนๆ ตรงนี้เป็นห้องของแนนนะ ห้องของเจ้าหญิงงัย ส่วนตรงนี้เป็นห้องของเอ......อันนี้เป็นห้องประชุมนะ เอพูดพลางชี้ไปเรื่อยๆ บนปราสาททราย.....กองทรายแห่งความฝัน           เอๆ ต้องทำสวนดอกไม้ตรงนี้ด้วย เจ้าหญิงต้องมีสวนดอกไม้นะ แนนพูดแย้งขึ้นพลางชี้ไปตรงด้านหน้าปราสาททราย           แนนอยากได้สวนอะไร....อยากได้ดอกไม้อะไร เอพูด เงยหน้าขึ้นมองหน้าแนนอย่างใจจดใจจ่อ           เอาดอกอะไรดี...เอ ช่วยแนนคิดหน่อยสิ แนนมองหน้าเอด้วยแววตาใสซื่อ เด็กตัวเล็กๆ  สองคนกำลังสวมบทเจ้าหญิงและเจ้าชายกันอยู่           อืม...เจ้าหญิงต้องเหมาะกับดอกกุหลาบนะ เอพูดพลางทำท่าคิด           ตกลงๆ สวนดอกกุหลาบนะ เราจะทำสวนดอกกุหลาบที่ลานหน้าปราสาทของเรา แนนพูดพลางยิ้ม ค่อยๆ เกลี่ยทรายให้เรียบเพื่อทำเป็นลาน....ทั้งคู่สร้างปราสาททรายแห่งความฝันของพวกเขาอยู่นาน....นานจนกระทั่ง...           เอ ไปได้แล้ว พ่อเสร็จงานแล้วลูก เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรเดินมาสะกิดลูกชายตัวเองเบาๆ           พ่อๆ ให้เอเล่นกันแนนอีกแป๊บนะ ลูกชายออดอ้อนพ่อของตัวเอง           หน่า ไปได้แล้ว เดี๋ยววันหลังมาเล่นใหม่ก็ได้นี่ พ่อของเขานั่งยองลง อธิบายให้ลูกชายฟังพลางลูบหัวเบาๆ           ตกลงครับ เดี๋ยวให้เอบอกแนนก่อนนะ เด็กผู้ชายตัวมอมแมมพูดพลางวิ่งกลับหลังไปหาเพื่อนของเขา           แนน เดี๋ยวพรุ่งนี้เอมาหานะ พรุ่งนี้เอจะเอาดอกกุหลาบมา มาทำสวนกุหลาบให้แนนนะ เอพูดพลางชี้นิ้วลงตรงลานหน้าปราสาททราย           ตกลงๆ พรุ่งนี้เจอกันนะ แนนยิ้มพูดพลางพยักหน้า เด็กสองคนเล่นกันช่างดูน่ารักเสียนี่กระไร           ทุกวัน เอและแนนจะมานั่งก่อปราสาททรายด้วยกัน ก่อสร้างความหวังบนมิตรภาพและความรัก ระหว่างลูกชายเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรและลูกสาวนายช่างใหญ่          แนนๆ เมื่อวานแม่เราสอนให้เราเขียนหนังสือด้วยแหละ เด็กผู้ชายเสื้อผ้ามอมแมมคลุกฝุ่นและทรายเปียกเงยหน้าขึ้นมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่วิ่งเข้ามา           ไหนๆ แม่ของเอสอนเขียนคำว่าอะไร แนนถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น           แม่เอสอนเขียนหลายคำ แต่เอจำได้คำเดียว เอพูดพลางทำเสียงเศร้าๆ เอคงอยากจำทุกคำมาเขียนให้แนนดู           เอจำคำไหนได้ เขียนให้แนนดูหน่อยสิ แนนพูด เอค่อยๆ ก้มลงข้างๆ กองทราย หยิบเศษไม้เล็กๆ ปักลงบนผืนทรายที่เพิ่งผ่านฝนเมื่อคืนแล้วตวัดเป็นจังหวะเพียงชั่วครู่ ปรากฏเป็นตัวอักขระลายเส้นบิดพลิ้ว คำว่า รัก ปรากฏบนผืนทรายราบเรียบที่เกาะตัวเหนียวด้วยหยดน้ำ เด็กตัวเล็กๆ สองคนยืนมองด้วยความตื่นเต้น           อ่านว่าอะไร เอ แนนพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นและแปลกใจ           อ่านว่า รัก เอพูดกระซิบข้างหูแนนเบาๆ           เหรอ อ่านว่ารักเหรอ....สอนแนนเขียนหน่อยสิ นะๆๆๆ แนนพูดพลางเกาะแขนออดอ้อนเอ           มานี่ๆ เอจะสอน เอพูดพลางหยิบเศษไม้เล็กๆให้แนนจับไว้ มือเอและมือแนนจับประสานกัน ตวัดบนกองทรายให้เกิดเป็นอักขระบิดพริ้ว           นี่ไง แนนเขียนได้แล้ว ดีใจจังเลย แนนพูดพลางหันหลังกลับไปกอดเอด้วยความดีใจ           มันแปลว่าอะไรเหรอ เอ แนนยังคงสงสัยไม่หายในความหมายของมัน           เอก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่บอกว่ามันมีความหมายมากนะ มากจนอธิบายไม่ได้ ใช่สิ...ความหมายมันคงมากมายเกินกว่าเด็กห้าขวบจะรู้ หรือแม้แต่คนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ไม่อาจรู้ว่าคำว่ารักคืออะไร....           สักวัน เราจะรู้ความหมายมัน แม่เอบอก เอพูดพลางหันไปมองแนน เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยืนข้างๆ ตน           อืม สักวันนะ แนนพูดพลางหันมายิ้มให้กับเอ ใช่ สักวันแนนและเอคงรู้ความหมายของมัน...... 

         โอ๊ย...เจ็บ เด็กผู้หญิงผมเปียพูดขึ้นพลางจับผมเปียของตัวเองด้วยสีหน้าเซ็งๆ เธอโดนเพื่อนแกล้งดึงเปียผมของเธอประจำ           ใครดึงผมเปียแนน เด็กผู้ชายนั่งข้างๆ เธอหันขวับกลับไปมองแทบจะพร้อมกันกับเจ้าของผมเปีย เห็นเด็กผู้ชายวัยเดียวกันสามคนนั่งอยู่ข้างหลังหัวเราะกันคิกคักพลางชี้นิ้วมาที่แนน           ทำไมๆ ข้าดึงเอง จะทำไม หนึ่งในเด็กสามคนพูดพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง           แกล้งผู้หญิง หน้าตัวเมีย เอยืนขึ้นชี้หน้าด่า           แล้วจะทำไม เด็กทั้งสามกรูกันมายืนหน้าเอ ถีบโต๊ะเรียนกระจัดกระจายคนละทิศคนละทาง           ไม่เอาเอ อย่าไปยุ่งกับพวกนั้น แนนพูดพลางเกาะแขนเอไว้แน่น เอเอามือจับแขนแนนออกจากตัวทันที...           ปั้ง...หนึ่งหมัดปล่อยออกไป คล้ายเป็นการประกาศสงครามของคนสองกลุ่ม ทั้งสามคนกรูเข้ามารุมเอคล้ายหมาป่ากำลังรุมขยุ้มเหยื่อ โต๊ะเรียนที่กระจัดกระจาย ข้าวของทั้งของเอและแนนตกกระจายเกลื่อนกลาดคนละทิศคนละทาง           หยุด!! เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง...มีอำนาจมากพอจะทำให้ทั้งสี่คนหยุดการตะลุมบอนกัน           พวกเธอทำอะไรกัน อันธพาลกันใหญ่แล้วนะ ครูประจำชั้นเข้ามาห้ามทัพหมาป่าขยุ้มเหยื่อ แม้จะห้ามทัพได้ แต่ก็ได้ปรากฏเลือดไหลซิบๆ ที่คิ้วและโหนกแก้มของเอ           เอ เจ็บมั้ย แนนวิ่งเข้ามาทันทีที่ครูประจำชั้นเดินออกไป           ไม่เจ็บหรอก เอพูดพลางก้มหน้าหลบสายตาแนน           ไม่เจ็บอะไร เลือดไหลใหญ่แล้ว ไปห้องพยาบาลนะ แนนจะทำแผลให้ แนนพูดพลางดึงตัวเอออกจากห้องเรียนไป เลือดไหลเป็นทางลงมาจากคิ้วและโหนกแก้มเปรอะเปื้อนเสื้อนักเรียนสีขาวของเอ           โอ๊ย...เจ็บ อย่าจับสิ เอพูดโพล่งขึ้นขณะที่แนนกำลังกดดูความลึกของบาดแผล...แต่แนนกลับยิ้มออก           โอ๊ย แสบ เอโอดครวญด้วยความเจ็บปวดทันทีเมื่อแนนค่อยๆ กดสำลีชุบแอลกอฮอล์ลงบนแผลของเอ           แสบก็ทนสิ อยากหาเรื่องเค้านี่นา แนนพูดพลางยิ้ม ค่อยๆ เช็ดแผลบนใบหน้าของเอช้าๆ อย่างระมัดระวัง           ทุกครั้งที่มีคนแกล้งแนน เอจะยืดอกปกป้องแนนเสมอ แม้จะต้องเจ็บตัวหรือตกอยู่ในภาวะเป็นรองก็ตามที.... 

         แนนๆ แฮปปี้วาเลนไทน์นะ ชายหนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวภูมิฐานพูดห้วนๆ พลางยืนกุหลาบแดงให้กับมือหญิงสาว           อีตาบ๊อง อย่ามาทำหวานใส่ฉันหน่า แนนพูดกวนๆพลางยิ้ม เอได้แต่ยืนม้วนด้วยความอาย           อ้าว ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ ทำหวานให้เจ้าหญิงของตัวเองสักหน่อยจะเป็นอะไรไป เอพูดพลางยิ้ม ทำไมหนุ่มวัยรุ่นเวลาอายนี่ดูตลกดีแท้ ทั้งมือทั้งแขนแทบจะไม่มีที่เก็บ สงสัยถ้าแทรกแผ่นดินหนีได้คงหนีหายไปแล้ว           หวานกับเค้าก็เป็นเหรอ เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นนะ แนนพูดพลางยื่นมือไปหยิกจมูกเอด้วยความเขิน เอยังคงพยายามสำรวมอาการเขินอยู่           เอรักแนนนะ เอพูดพลางจับมือแนนขึ้นมาเขียนรูปหัวใจไว้ที่ฝ่ามือ ตอนนี้แนนเริ่มหน้าแดงขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าตัวเอง           เหรอ....เขียนคำว่ารักตรงนี้ ดูไม่ซึ้งเลย แนนพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่เลิกแหย่เอ           เดี๋ยวสักวัน เอจะเขียนไว้ตรงหัวใจแนนเลยนะ เอพูดประหม่า มองหน้าแนนพลางเอื้อมมือดึงตัวแนนเข้ามาโอบกอดไว้แน่น....สักวัน เอจะเขียนคำว่ารักไว้ในหัวใจแนนเลย..... 

         ใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น มีโต๊ะหินอ่อนวางเรียงรายเป็นแนว มีนักศึกษาจับกลุ่ม บ้างคุยกัน บ้างอ่านหนังสือ บ้างหยอกล้อกินขนมกัน...           เอ เย็นนี้แนนไปทำวิทยานิพนธ์กับเพื่อนนะ แนนพูดพลางเก็บหนังสือ           ไปทำวิทยานิพนธ์กับใคร เอเงยหน้าขึ้นมองแนนทันที           ไปกับกิ๊ฟกับฝนหนะ นะๆๆๆ แนนพูดพลางเดินไปนั่งข้างๆ เอ เขย่าแขนเหมือนเด็กอ้อนวอนผู้ใหญ่           ให้เอไปส่งมั้ย เอว่างนะ เอพูดพลางยิ้ม ลูบผมแนนเบาๆ           ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฝนเอารถมา แนนพูดพลางซบหน้าลงบนบ่าของเอ           นี่ แล้วกินข้าวเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาล่ะ เข้าใจมั้ย กลับถึงบ้านก็อย่าลืมโทรมาบอกด้วย เอพูดพลางจ้องหน้าแนนด้วยสีหน้าจริงจัง           ค่ะ หัวหน้า สั่งจริงๆ เลย แนนพูดพลางยิ้ม เอามือหยิกจมูกเอด้วยความเขิน          กิ๊ฟๆ แฟนแกเป็นงัยบ้าง ฝนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในรถ ขณะที่ตนอยู่หลังพวงมาลัย           ปวดหัวสุดๆ เจ้าชู้เป็นบ้าเลย กิ๊ฟพูดปัดๆคล้ายกับไม่ค่อยพอใจในแฟนตัวเองนัก           ทำไมไม่เลิกๆ ไปสิ จะได้ไม่กลุ้ม ฝนเสนอความเห็น มองหน้ากิ๊ฟผ่านกระจกมองหลัง           หน่า....ให้โอกาสสักครั้ง กิ๊ฟพูดพลางซบหน้าลงที่กระจกหันหน้ามองออกนอกรถด้วยอาการเอือมระอา           โอกาสสักครั้ง รอบที่ล้าน เสียงหัวเราะดังขึ้นเกือบพร้อมกันทั้งรถ           แล้วแนนล่ะ แหม...เจ้าชายเธอเอาใจเธอดีนะ ฝนพูดขึ้นพลางหันไปมองแนนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ           โอ๊ย รายนั้นไม่รู้กี่ปีแล้ว ยังจับไม่ได้สักทีว่ามีกิ๊กเก็บไว้ที่ไหน แนนพูดยิ้มพลางหันไปมองหน้าฝน           แปลได้สองอย่าง...ถ้าแฟนเธอไม่รักเธอคนเดียว เค้าก็เก่งมากที่หลอกเธอมานานหลายปี เสียงหัวเราะดังขึ้นแทบจะพร้อมกันทั่วรถ          เอี๊ยยดดด..... เสียงเบรกลากล้อดังยาวจากด้านข้างตัวรถ คนทั้งรถหันไปมองแทบจะพร้อมกัน รถบรรทุกฝ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนรถเก๋งของฝนอย่างจัง แรงอัดทำให้กระจกทุกบานแตกละเอียด ห้องโดยสารด้านหน้าฝั่งคนนั่งยุบเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด....ร่างไร้สติของแนนยังคงสงบนิ่งติดอยู่ในรถเก๋งขนาดสองตอน มัจจุราชอาจฉุดวิญญาณเธอออกจากร่างได้ทุกเมื่อ 

         แนนๆ เสียงกระซิบเบาๆ ดังข้างหู ทำให้แนนค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมา           อยู่ไหน....โอ๊ย เจ็บ แนนค่อยๆ อ้าปากพูด แต่ไม่ชัดนัก เฝือกขาวถูกแต่งแต้มตามร่างกายของแนนคล้ายกับเป็นเครื่องประดับ           ใจเย็นๆ แนน เธอสลบไปสองเดือน .....สองเดือน สองเดือน แนนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง.... ฝนค่อยๆ อธิบายเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แนนฟัง.....           แล้ว สรุปว่าฉันเจ็บคนเดียวใช่มั้ย แนนพยายามพูด เสียงพูดของแนนแทบจะไม่ได้ยิน           อืม... ฝนพยักหน้าเบาๆ กำมือแนนไว้นิ่งๆ           เอ ล่ะ เออยู่ไหน แนนเพิ่งนึกขึ้นได้ แฟนเธออยู่ไหน           เอมาหาเธอครั้งเดียว วันแรกที่ชน แล้วหายไปเลย ฝนพูดพลางลูบหัวแนนเบาๆ           ไม่เป็นไรนะ ไม่มีเอ เราก็อยู่กันได้ จริงมั้ยเพื่อน ฝนพยายามพูดปลอบใจแนน           อืม... น้ำตาค่อยๆ กลั่นตัวหยดลงมาจากนัยน์ตาของแนน           คำพูดของฝนตอนคุยกันในรถคงจะเป็นความจริง....เขาเก่งมากจริงๆ เก่งมากที่หลอกแนนมาหลายปี เก่งมากที่หลอกว่ามีแนนคนเดียว.....ทำไมผู้ชายทั้งโลกถึงนิสัยเหมือนกันหมดเลย เสียดายเวลาที่อยู่ด้วยกัน เสียดายความรักที่มอบให้.....เสียดาย เสียดาย เสียดาย          คุณแนน ค่อยๆ ก้าวนะครับ ช้าๆ บุรุษพยาบาลพยายามพยุงแนนขึ้นเดิน แนนยังคงไม่หายเจ็บดี ยังคงต้องทำการกายภาพบำบัดอีก           ระวังล้มนะครับ จับผมไว้ดีๆ บุรุษพยาบาลเดินช้าๆ เพื่อให้แนนเกาะแขนเดินตามช้าๆ.....ทำไมบุรุษพยาบาลถึงไม่ใช่เอนะ....ทำไม ทำไม ทำไม           คุณบุรุษพยาบาลคะ นี่ฉันสลบไปนานถึงขั้นต้องกายภาพบำบัดกันเลยเหรอ แนนถามด้วยความสงสัย           โห คุณไม่ได้เดินสามเดือนนี่ มันนานนะครับ บุรุษพยาบาลตอบด้วยความสุภาพ           จะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าจะถามชื่อเล่น คือถ้าเรียกว่าคุณบุรุษพยาบาล เกรงว่ามันจะยาวไป แนนพูดพลางยิ้ม           ผมชื่อ กอล์ฟ ครับ บุรุษพยาบาลตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงเรียบๆ           นับจากวันนั้น แนนและกอล์ฟเริ่มสนิทกัน ทุกเย็นกอล์ฟจะพาแนนออกไปทำกายภาพบำบัด ไม่นานแนนก็สามารถเดินเองได้และออกจากโรงพยาบาลในที่สุด.... 

         คุณแนนคะ น้ำดื่มค่ะ พยาบาลชุดขาวเดินถือแก้วน้ำมาวางข้างๆ เธอ ขณะเธอนั่งรอกอล์ฟที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล เธอได้แต่พยักหน้าและยิ้มให้ด้วยไมตรี           กอล์ฟๆ ไปกินข้าวกัน แนนพูดทันทีที่เห็นกอล์ฟเดินออกมา มีพยาบาลหลายคนยกมือไหว้แนน แนนก็ได้แต่รับไหว้ด้วยสีหน้างงเล็กน้อย           ไปสิครับ กอล์ฟพูดพลางค้อมตัวลงผายมือไปที่ห้องอาหารของทางโรงพยาบาล ดูกอล์ฟค่อนข้างสุภาพและให้เกียรติแนนมาก....มากจนน่าแปลกใจ ท่าทางโรงพยาบาลนี้จะเข้มงวดเรื่องมารยาทกับพยาบาลมาก แนนและกอล์ฟสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ.... จนบางครั้งแนนก็อยากให้กอล์ฟมาแทนที่เอ           บ่อยครั้งที่แนนคิดถึงเอ เอก็ไม่โทรมา           บ่อยครั้งที่แนนอยากคุยกับเอ เอก็ไม่ติดต่อมา           บ่อยครั้งที่แนนนั่งเหงา อยากให้เอนั่งเป็นเพื่อน แต่เอก็ไม่ปรากฏตัว           เอ....เอ....เอ เอหายไปไหน           ไหนล่ะ หัวใจที่เอบอกว่าจะให้แนน           ไหนล่ะ หัวใจที่เอเคยเขียนไว้บนฝ่ามือแนน           มันคงหายไปแล้ว....หายไปพร้อมกับเอ           หายไปพร้อมกับผู้ชายโกหก....ผู้ชายเจ้าชู้           ทำไมผู้ชายเหมือนกันทั้งโลก.....ทำไม ทำไม ทำไม 

         ใกล้วาเลนไทน์เข้าไปทุกที ปีนี้ไม่เหมือนกับปีก่อนๆ ไม่มีเอคอยให้ดอกกุหลาบแดง ไม่มีอีตาบ๊องทำท่าเขินอายให้ดู           แนนๆ วาเลนไทน์ปีนี้ ว่างหรือเปล่าครับ เสียงกอล์ฟดังตามสายโทรศัพท์           ว่างค่ะ ทำไมคะ แนนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ           พอดีผมมีของจะให้แนนนะครับ เดี๋ยววันวาเลนไทน์บ่ายสามโมงเจอกันที่สยามนะครับ กอล์ฟเสนอความเห็น           ตกลงค่ะ แนนพูดพลางกดวางสาย สีหน้าแววตาเปี่ยมด้วยความหวัง....หวังว่ากอล์ฟคงจะมาแทนที่เอได้เสียที          วันวาเลนไทน์ วันที่กุหลาบแดงบานสะพรั่งพร้อมกันทั่วโลก แม้ในลานที่สยามหรือที่วัยรุ่นเรียกกันสั้นๆ ว่า เซนเตอร์พอยต์ ยังถูกละเลงด้วยดอกกุหลาบสีแดง...นักเรียน นักศึกษาต่างถือกุหลาบแดงในมือเดินกันขวักไขว่ทั่วลาน          ขอโทษค่ะ มาสาย แนนพูดพลางยิ้มก่อนดึงเก้าอี้ออกมานั่ง           ไม่เป็นอะไรครับ กอล์ฟพูดพลางยิ้ม           อืม...ว่าแต่มีอะไรจะให้แนนเหรอ แนนพูดพลางจ้องตากอล์ฟ...หากกอล์ฟมีพิรุธ แนนจะจับได้ทันที           อันนี้ของแนนนะครับ ดอกกุหลาบสีแดงถูกดึงออกมาจากถุงอย่างช้าๆ วางลงบนโต๊ะอย่างนิ่มนวล           หมายความว่ายังไงคะ จะขอหัวใจแนนเหรอ แนนพูดติดตลกพลางยิ้ม เธอคิดว่าเธออ่านเกมส์ออกหมด           ผมคงไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอก กอล์ฟพูดพลางยิ้ม แต่กลับทำให้แนนงง           อ้าว...แล้วกุหลาบสีแดงนี่... ไม่ทันแนนจะพูดจบ กอล์ฟต่อคำพูดของเขาทันที           ผมไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอกครับ เพราะหัวใจของแนนไม่ใช่ของแนน ปั้ง...เหมือนมีแผ่นเหล็กหนาหลายฟุตทุบลงกลางศีรษะ แนนเริ่มงงกับความหมายขึ้นไปทุกที...มันแปลว่าอะไร???           หัวใจของคุณ คือเจ้าของกุหลาบดอกนี้ กอล์ฟพูดต่อ....แนนทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจความหมายแม้แต่นิดเดียว 

         ตอนคุณประสบอุบัติเหตุเข้ามาที่โรงพยาบาล คุณเสียเลือดมาก...หัวใจคุณเต้นอ่อนจนแทบจะล้มเหลว พวกผมและหมอพยายามเยียวยาจนถึงที่สุด กอล์ฟเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น.....เรื่องที่แนนไม่เคยรู้           มีผู้ชายคนนึง วิ่งเข้ามาบอกว่าเป็นแฟนคุณ เขาบอกให้ช่วยคุณให้ได้ เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า...เขายอมจ่ายไม่อั้น ไม่ว่าทางเราจะขออะไร เขาจะจัดหาให้หมด.....คำพูดของเขาทำให้ผมประทับใจมาก กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่... แนนรู้ทันทีว่ากอล์ฟหมายถึงเอ           ผมยอมแลกทุกอย่างกับชีวิตเธอ - เขายอมแลกทุกอย่างกับชีวิตคุณ กอล์ฟพูดพลางจ้องหน้าแนนนิ่ง แต่แนนยังคงทำสีหน้างงอยู่           เขายอมทุกอย่างจริงๆ ทีแรกหมอบอกว่าทางเราหาเลือดไม่พอให้คุณ เขาวิ่งตามหาเลือดให้คุณไปทั่วทุกโรงพยาบาล แต่กลับไม่พบว่ามีเลือดถุงไหนที่ตรงกับเลือดคุณ กอล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงปกติ สายตามองไร้จุดหมาย           สุดท้ายเราตรวจเลือดของเขา พบว่าตรงกับของคุณพอดี เขาบอกให้ทางเราเอาไป เอาไปให้คุณ....ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเป็นอย่างไร ขอแค่คุณปลอดภัยก็พอ กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่พยายามกลั้นน้ำตา.... แต่นัยน์ตาแนนเริ่มเจิ่งนองไปด้วยน้ำใสๆ           ต่อมา...ตอนพวกผมถ่ายเลือดให้คุณ หัวใจคุณเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ จนหมอต้องเดินออกไปบอกให้เขาทำใจ..... ทำใจว่าเขาจะต้องเสียคุณ กอล์ฟพยายามเล่าต่อไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงปกติ นัยน์ตาแนนเริ่มแดงก่ำ           เขาถามหมอว่า เธอต้องการอะไร..... ใช่ เอถามหมอว่าแนนต้องการอะไร           เธอต้องการ หัวใจครับ หัวใจเธอเต้นไม่ปกติ การสูบฉีดล้มเหลว เราหาเลือดให้เธอช้าไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอต้องการคือ หัวใจ หมอหวังว่าเอคงจะเลิกหวังในตัวแนน...หยุดเล่นเกมกับมัจจุราชเสียที           ตกลง ผมหาให้  เขาตอบสั้นๆ โดยไม่ลังเลเลย ตกลงผมหาให้....เอจะหาหัวใจให้แนน ทั้งๆ ที่รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้...เขาไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อจะทำให้เธอ           คุณรู้มั้ย ว่าคำพูดของเขาทำให้ผมและหมออึ้งกันไปหมด โรงพยาบาลยังหาหัวใจให้คุณไม่ได้ เขาจะมีปัญญาที่ไหนหาหัวใจให้คุณได้ กอล์ฟพูดพลางพยายามหลบสายตาแนน.... ตอนนี้กอล์ฟเริ่มกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว          เขาถามเลขบัญชีของโรงพยาบาลกับหมอ....เขาไม่ได้โอนเงินมาซื้อหัวใจเทียมให้คุณ แต่เขาโอนมาตั้งมูลนิธิการกุศลให้โรงพยาบาล มูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วยด้านหัวใจเทียม นานา คุณดูดีๆ คำว่า แนน และ เอ ถ้าเขียนติดกัน มันคือ นานา นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของเขา  เขาอยากให้ตัวเขาเองเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ได้อยู่กับคนที่เขารัก... เพราะไม่มีหัวใจเทียมสำรอง           เปรี้ยง!....แนนโดนสะกิดต่อมความจำเข้าเต็มเปา...เธอเคยเห็นป้ายมูลนิธิขึ้นหราที่โรงพยาบาล แต่เธอไม่เคยเฉลียวใจสักนิด... มิน่า ทำไมหมอและพยาบาลต้องให้เกียรติและดูแลเธอดีเสียจนน่าแปลกใจ ทั้งๆ ที่เธอไม่มีส่วนได้เสียกับโรงพยาบาลแม้แต่บาทเดียว          ทันทีที่มีการยืนยันว่าเงินเข้าบัญชีทางโรงพยาบาล เขาก็ยิงตัวตายในห้องน้ำโรงพยาบาลครับ ทิ้งโน้ตไว้ว่า มอบหัวใจให้เธอ - เขามอบหัวใจของเขาให้คุณ ทันทีที่กอล์ฟพูดจบ แนนปล่อยโฮออกมาเหมือนไม่มีใครอยู่ข้างๆ โต๊ะรอบข้างหันมามองแนนเป็นตาเดียว.... เอคือเจ้าของหัวใจ หัวใจที่อยู่ในร่างของแนน          เขายอมแลกทุกอย่างกับคุณจริงๆ กอล์ฟพูดพลางวางของทั้งหมดที่เอเคยฝากไว้กับทางโรงพยาบาลคืนให้กับแนน มีทั้งเครื่องเล่นเทป ม้วนเทป จดหมาย.....          ผมคงไม่กล้าขอหัวใจคุณหรอก หัวใจคุณเป็นของเขา หัวใจเขาเป็นของคุณ ใช่ หัวใจเอเป็นของแนน เป็นของแนนจริงๆ ...ตอนนี้หัวใจแนนตายไปเรียบร้อยแล้ว ตายไปพร้อมกับเอ ตายไปพร้อมกับผู้ชายที่ยอมทุกอย่างเพื่อเธอ          กุหลาบดอกนี้ เขาบอกผมก่อนไปเข้าห้องน้ำว่า...วาเลนไทน์ที่จะถึง รบกวนซื้อกุหลาบสีแดงให้คุณสักดอก ขอแค่ดอกเดียวก็พอ...เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขา กอล์ฟพูดพลางเช็ดน้ำตา นั่งนิ่งๆ สักพักก่อนลุกจากโต๊ะไป.... ทิ้งแนนนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง          เอรักแนนนะ เอรักแนนนะ เอรักแนนนะ คำพูดซ้ำๆ ดังมาจากเครื่องเล่นเทป เป็นคำพูดเดียวกันที่พูดกันซ้ำโดยไม่มีการตัดต่อทั้งเทป.....เทป 120 นาทีโดยมีเพลงประกอบเบาๆ  แนนค่อยๆ คลี่จดหมายออกอ่าน....จดหมายที่มีเนื้อความเพียงบรรทัดเดียว 

หัวใจเอ...เขียนคำว่ารักไว้ เขียนให้แนนคนเดียว				
24 มีนาคม 2549 19:39 น.

รอยอดีต

โพลารีส

แด่........
    เธอผู้ที่อยู่ในความทรงจำของฉันตลอกกาล

             มีตำนานเล่าว่า ก่อนนั้นมีพระจันทร์ 2 ดวง คือ พระจันทร์ผู้หญิง  และพระจันทร์ผู้ชาย  พระจันทร์   2 ดวงนี้รักกันมากแต่อยู่มาวันหนึ่งเมือพระจันทร์
ผู้หญิงไปเจอพระอาทิตย์ที่หล่อกว่ามีแสงเจิอจ้ากว่า  ดีกว่าพระจันทร์ผู้ชาย
พระจันทร์ผู้หญิงเกิดหลงรักและทิ้งพระจันทร์ผู้ชายไปอยู่กับพระอาทิตย์
     พระจันทร์ผู้ชายก้อตามหาพระจันทร์ผู้หญิงไปทั่วก้อไม่เจอจนระเบิดตัวเองเป็นเสี้ยวเล็กๆ( คือดวงดาวที่เรามองเห็นกันทุกวันนี้นั่นเอง) วันหนึ่งเมื่อ
พระจันทร์ผู้หญิงคิดได้ว่าถึงพระอาทิตย์จะมีแสงเจิอจ้ากว่า  ดีกว่าพระจันทร์ผู้ชายก้อตามแต่ใช่ว่าจะมอบให้ตัวเองเพียงคนเดียวแต่ยังเผื่อแผ่ไปยังสิ่ง
ต่างๆที่อยู่บนท้องฟ้าอีกด้วย พระจันทร์ผู้หญิงจึงกลับมาหาพระจันทร์ผู้ชาย
แต่หาเท่าไหร่ก้อไม่เจอเพราะว่าพระจันทร์ผู้ชายกลายเป็นเสี้ยวเล็กๆที่ไม่มีตัวตนอีกแล้ว
        จนปัจจุบันนี้เราก้อสังเกตได้ว่าค่ำคืนไหนที่มีดาวมากมายคืนนั้นจะไม่มี
พระจันทร์แต่ถ้าคืนไหนที่มีพระจันทร์ที่เจิดจ้าคืนนั้นจะไม่มีดาว
นั่นคือ เค้าและเธอไม่มีวันเจอกันตลอดกาล				
22 มีนาคม 2549 14:33 น.

นิยาม.....ความรัก.......ผลสุดท้าย.......หัวใจ......

โพลารีส

ความรัก กับการ มีอยู่ 


มีประโยคนึงในหนัง IL MARE ที่น่าสนใจมาก ... เขาบอกทำนองว่า ... ที่เราต้องเจ็บปวดกับความรักน่ะ ไม่ใช่เพราะมันจากไปหรอก ... แต่เพราะมันยังคงอยู่ต่างหาก 
ถ้าวันนี้คนสองคน ต่างหมดรักกันไป คงไม่มีใครต้องเสียใจมากนัก แต่กลับเป็นเพราะรักที่ยังอยู่ในใจคุณนั่นเอง ที่ทำให้คุณปล่อยวางลงไม่ได้ 

ธรรมชาติของรัก มักไม่ให้โทษแก่ใคร เพียงแต่อาจปรุงแต่งให้หัวใจพองฟูจนลืมนึกถึงความจริงที่ว่า มีวันที่รักมา ก็อาจมีวันที่รักไปได้ 

ความรักเป็นสิ่งสวยงาม หลายคนจึงอดหลงใหลได้ปลื้มกับมันไม่ได้ในยามที่มันอยู่ เรามักหลอกตัวเองว่า เพราะเรารักเขามาก เขาคงเห็นความดี ความตั้งใจของเรา และรักเราตอบบ้าง ไม่มากก็น้อย 

และเมื่อเขาตอบรับรักของเรา ความฟูของหัวใจ มักทำให้เราก้าวล่วงไปถึงการรู้สึกยึดมั่น ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรา เป็นเหมือนทรัพย์สินส่วนตัวทางใจอย่างหนึ่ง ที่จะต้องอยู่กับเราทุกครั้งที่เราต้องการ นานเท่าที่เราปรารถนา 

ความรู้สึกอันนี้แหละ คือจุดเริ่มของความเจ็บปวดทั้งมวล เพราะมันฝืนกฏธรรมชาติ ไม่ได้บอกว่า ... รักต้องลงเอยด้วยความเศร้าเสมอไป เพียงแต่ถ้าเขาจะอยู่ เขาจะไป จะรักคุณมากขึ้น คงเดิม หรือหดน้อยถอยลง ก็จะเป็นเพราะคนสองคน ไม่ใช่ความต้องการของเราฝ่ายเดียว หรือเขาฝ่ายเดียว 

ชีวิตเป็นเรื่องซับซ้อนเข้าใจยาก ... แต่ในความซับซ้อนนั้น มันก็เรียบง่ายอย่างที่เรานึกไม่ถึง เพราะไม่ว่าสิ่งไหน เรื่องอะไรสารพัดสารพัน ทุกอย่างล้วนแต่อยู่ในกฏเดียวกัน มันจะ เกิดขึ้น ... ตั้งอยู่ ... แปรสภาพ แล้วก็จบลง 

รักที่สมหวังอยู่กันจนแก่เฒ่า ก็หนีไม่พ้นกฏข้อนี้ เพราะวันนึง ไม่เราก็เขาก็ต้องตายจากกัน สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า ... วันนี้เขาอยู่หรือจากไป 

สำคัญที่ว่า ... ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน ขอให้มีความทรงจำที่ดี ... ก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ถึงวันนี้จะยังร้องไห้ ก็คงไม่กระไร เพราะชีวิตก็เป็นแบบนี้ มีวันที่เลวร้าย มีวันที่สวยงาม มีวันที่ว่างเปล่า สุขก็อยู่กับเราไม่นาน ทุกข์ก็อยู่กับเราไม่นาน สุขเคยแวะผ่านมาแล้วก็ไป ทุกข์ก็เป็นเฉกเช่นกัน ร้องไห้แล้วก็อย่าร้องเปล่า ๆ มองให้เข้าใจสัจธรรมของชีวิตไปด้วย 


ได้แต่ขอพรให้เข้าใจชีวิตมากขึ้น เติบโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น แต่อย่าแข็งกร้าว ขอให้อ่อนโยน แต่เข้มแข็ง และขอให้วันใหม่ในชีวิตมาถึงในอรุณรุ่งของวันพรุ่งนี้ วันที่เราจะไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโพลารีส
Lovings  โพลารีส เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโพลารีส
Lovings  โพลารีส เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโพลารีส
Lovings  โพลารีส เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงโพลารีส