2 มีนาคม 2551 13:04 น.

อีนางเอก ตอนที่ 1

โนรีคำราม

"แค่นี้โอเคนะ พอได้ไอเดีย" 
"เย้" เสียงเฮดังของนักศึกษาแพทย์สาวบ่งบอกความดีใจเมื่อได้เวลาสำหรับอาหารเช้าของเธอ ไม่เกรงอกเกรงใจผู้เป็นอาจารย์ตรงหน้า
"ผมว่าตามตารางสอนคงได้ไม่หมด เดี๋ยวสิบเอ็ดโมงหลัง echo เสร็จ โทรรหาผม คงต้องสอนเพิ่ม" อาจารย์หนุ่มแพทย์หนุ่มไปแรงออกคำสั่งนักศึกษาแพทย์อย่างกระตือรือร้นจะประเคนความรู้ให้ เป็นเรื่องที่หาได้ยาก
"ค่ะ" เป็นคำตอบของนักศึกษาแพทย์อีกคนที่ตั้งตนเป็นหัวหน้ากลุ่ม รับผิดชชอบการรนัดอาจารย์แพทย์ ณ วินาทีนั้น  เธอคนนี้ชื่อวีรดา
"เอ้อ...แล้วพรุ่งนี้กับวันพฤหัสผมจะสอนเพิ่ม เอาเป็น 11 โมงหรือบ่าย 3 ดี"
"โอ๊ย! 11 โมงสิคะ ตอนบ่ายจะได้เลิกเร็ว" คำตอบลักษณะนี้เป็นของคนเดียวกับที่ 'เย้!' ลั่นไอซียูเด็กเมื่อตะกี๊นี้แน่ๆ
"แต่ผมว่าสอน 11 โมงด้วย บ่าย 3 ด้วยดีกว่า" 
"ห๋า! อาจานปล่อยมุกแน่ๆ! ขำแล้วค่ะ....นี่มัน elective นะคะ"
"เรานี่ขี้เกียจแฮะ เนตรวดี" อาจารย์แผนกกุมารเวชฯมักจะใจดี จึงตำหนิเดกแค่เบาๆ
"โธ่ก็อาจานคะ นี่มัน elective เห็นเพื่อนคนอื่นเลิกก่อนแล้วน้อยเนื้อต่ำใจ"
ถัดจากคำแก้ตัวแบบ 'น่าเห็นใจซะจริง' ของเธอก็เป็นเสียงเฮครืนของนักศึกษาแพทย์อีกสามสี่คนที่นั่งล้อมโต๊ะเรียนวิชาเลือกตัวเดียวกับเธอ
"เอ้า...แล้วใครรับผิดชอบเป็นคนโทรมานัดผม" เมื่อระรอกแห่งเสียงเฮฮาผ่านมาจนถึงจังหวะที่เป็นท้องคลื่น อาจารย์หนุ่มก็รีบถามเอาความ
"หนูเองค่ะ" 
"โอเค วีรดา 11 โมงถ้า echo เสร็จ โทรหาผมนะ แล้วไปเจอกันที่ห้องชั้น 11 เลย"
"อ้าว แล้วถ้า echo ไม่เสร็จล่ะคะ นักศึกษาแพทย์เนตรวดีมักเตรียมทางหนีทีไล่ไว้พร้อมเสมๆ
"ถ้าไม่เสร็จก็เรียนทีเดียวบ่ายสามเลย"

-------------------------------------------------------------------------

เด็กหญิงตัวน้อยผมหยิกในชุดกระโปรงบานกับโบว์สีชมพูหวานซึ่งถูกหญิงวัยต้นสามสิบจูงเข้ามาเมื่อครู่ ตอนนี้นอนทำตาปริบๆอยู่บนเตียงที่มีนักศึกษาแพทย์ห้าคนล้อมอยู่ มีแม่นั่งลูบกระหม่อมเป็นพักๆ กันวงแตก
"จ๋าจ้ะๆ" อาจารย์สุธาทิพย์ กุมรแพทย์ทางด้านโรคหัวใจเด็กมักทำความคุ้นเคยกับคนไข้แบบนี้ประจำ

ภาพหัวใจเต้นตุบๆปรากฎขึ้นบนจอหลังจากหัวของเครื่อง echo ถูกวางลงกลางอกของเด็กน้อยวัยสามขวบซึ่งมาเพื่อตรวจเชคทางเชื่อมระหว่าเส้นเลือดแดงใหญ่กับเส้นเลือดจากหัวใจห้องล่างขวา ซึ่งควรจะปิดลงตามธรรมชาติเมื่อคลอดพ้นครรภ์มารดา แต่บางคนก็ยังไม่ปิด ทำให้เป็นโรค 'Patent ductus arteriosus' (PDA)
"นี่ left ventricle นี่ left atrium เห็นมั้ย"
"เห็นค่ะ เลือดวิ่งจาก left atrium ไป left ventricle"

นักศึกษาเพทย์ทั้งห้าคนต่างแสดงความสนอกสนใจในรูปแบบต่างกัน

รังสิมาพยักหน้ารับรู้และเข้าอกเข้าใจเป็นยระยะ

มิ่งขวัญยืนนิ่งทำตาว่างเปล่าใส่อาจารย์ไม่เว้นระยะ 

สาวหน้าคม วีรดา ตั้งอกตั้งใจตอบคำถามที่อาจารย์ไม่ได้ถามทุกช่องว่างของประโยคซึ่งอาจารย์ต้องการพักหายใจ ไม่เว้นสักเฮือกเดียว
"left ventricle กับ right ventricle โต"
"อื้อใช่  เด็กๆ เห็นไหมมีเลือดไหลจาก aorta ไป pulmonary artery มันก็เลย load "
"คนนี้ PDA ยังไม่ปิ" เธอมีความรู้ดีซะจริงๆ นี่ขนาดยังไม่ได้ถามนะยังตอบได้ขนาดนี้ แล้วถ้าถามล่ะ จะตอบได้ขนาดไหน

เอาล่ะ แล้วคุณรู้มั้ยว่ายัยเนตรวดีทำอะไร ขณะที่ทุกคนต่างจ้องที่จอเครื่อง echo อย่างคนจะเรียนหนังสือ เธอกลับแลบลิ้นปลิ้นตาแล้วหลอกเด็กด้วย 'ลังโคม เลอ รูจ แอบโซลู เดอซีร์ เอสพีเอฟ 12'  ลิปสติกของเธอนั่นเอง

สีแดงเลือดนกและความแวววาวของฝาลิปสติกเรียกความสนใจเด็กผู้หญิงได้ดีจนเธอเอื้อมมือมาคว้าพลางถือไว้แล้วพินิจพิจารณาสิ่งสวยงามตรงหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้
เด็กหญิงเขย่าแท่งลิปสติกไปมาพลางใช้อีกมือดึงเล่นอยู่กับมันสักระยะ แล้วรอยยิ้มก็กว้างขึ้นเมื่อสีชมพูแว๊บติดเลอะมือเธอ
"สวยไหมคะ มีกากเพชรด้วนน๊า"
เนตรวลีชื่นชมเด็กผู้หญิงซึ่งกำลังพอใชสีสวยพริ้งของลิปสติกที่เธอเปิดฝาเล่นได้ด้วยตนเอง

"ว้าย!! กินไม่ได้ลูก! ไม่ได้มีไว้กิน" 

โชคดีที่มือช่างฉวยโอกาสของเธอนั้นฉวยแขนเด็กน้อยไว้ทันก่อนเอาลิปสติกเข้าปาก โอ๊ย ไม่ใช่ถูกๆนะ กว่าเธอจะตะล่อมเอาของน้ามาได้

ลิปสติกถูกหยิบออกจากมือเด็กหญิงแล้วปิดฝาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อกาวน์ทันทีที่เธอนึกได้

"วี๊ดดดดด!!!!!!"

เสียงประท้วงของเด็กหญิงซึ่งถูกพรากจากของเล่นแสนสวยทิ่มทะลุหูชั้นในของนักศึกษาแพทย์อีกสี่คนและอาจารย์สุธาทิพย์ ขณะที่ร่างเล็กดิ้นเร่าๆอยู่บนเตียง

และทุกสายตาก็จ้องมาที่เนตรวดีในทันที อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

"น้องเขาจะกินลิปสติก"
คำอธํบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยสรุปของเธอใครบ้างจะไม่เอือมระอา

"เอ้าเอาผ้ามาเช็ดเจลให้เด็ก"
(หมายเหตุ: ต้องทาเจลที่อกเด็กห่อนวางหัวเครื่องเอคโคลงที่อกเด็กนะจ๊ะ)
อาจารย์สุดารัตน์พูเพียงแค่นั้นแล้วเดินออกไปสั่งยา

"ไอ้เนตรแกโรคจิตรึไง ชอบแกล้งให้เด็กร้อง" นักศึกษาแพทย์มิ่งขวัญด่าอย่างเกลียดเสียงแสบแก้วหู

"จะบ้าเหรอ ฉันหลอกเด็กให้เฉยอยู่ได้ตั้งนานตอนอาจานสอน" 

"เออ...สิบเอ็ดโมงแล้ว โทรหาอาจารย์ธรรมนูญแล้วนะ" วีรดา หัวหน้ากลุ่มผู้รู้หน้าที่เจ้ากี้เจ้าการจะโทรหาอาจารย์หนุ่มตามที่ตกลงกันไว้

"คนไข้หมดแล้วเหรอ" มิ่งขวัญถามอย่างสงสัย 
 "11โมงแล้ว หมดแล้วมั๊ง" สาวหน้าคมมองไปยังแม่ๆและเด็กๆที่หน้าห้องแล้วประเมินจากสายตา

"บ้ารึไง เขาบอกว่าถ้าดูเอคโคเสร็จค่อยโทรตาม ทำไมเราจะต้องรีบเอคโคเสร็จด้วยวะ" คงไม่ต้องบอกว่านี่เป็นคำท้วงของใคร 

"เนตร  เราว่าอาจานเค้ตั้งใจสอนนะ เราว่า...ตอนที่เนตรพูดเหมือนไม่อยากเรียน...เราว่า...เขา.....นิดนึงอ่ะ   ....คือ...ก็นิดนึง" ถึงคิวรังสิมาออกความเห็นฟังดูแล้วก็ถูกของเธอ ใครๆที่เห็นอย่างเธอก็ต้องคิดอย่างเธอนั่นแหละ 

"แต่ว่าเขาไม่รู้หรอก เขาจะรู้ได้ไงว่าเอคโคเสร็จตแนไหน"

นิ้วเรียวยาวของสาวผู้เป็นหัวหน้าละจากการลูบแก้มเด็กชายหน้าขาวแก้มยุ้ยเหมือนลูกเกาหลีขณะเดินผ่านหน้าเธอไป แล้วล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือทำท่าจะกด แต่หันมาตำหนีเพื่อสุดขี้เกียจก่อนว่า

"นั่นน่ะสิ เราว่าอาจารย์เขาไม่พอใจ เราไม่เข้าใจว่าแกก็บอกว่าอยากเป็นหมอเด็ก แต่แกก็ไม่เห็นสนใจเรียน แล้วแกก็ชอบเล่นกับเด็กแบบแปลกๆ ชอบแกล้งให้เด็กร้อง เราว่าอาจานสุธาทิพย์เขาอารมณ์เสีย อาจารย์ธรรมนูญก็ไม่ค่อยพอใจแก ถ้าแกกลับมาสมัครเรียนเด็กที่นี่เป็นเราเราก็ไม่รับหรอก"

ใบหน้าผ่อนคลายของสาวขี้เกียจเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำในทันใด และอารมณ์ที่ไม่ต้องเดาก็พาเท้าทั้งสองของเธอก้าวออกจากห้องนั้นมา และเธอก็มานั่งอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะพักโดยมีเพื่อนสองตนเดินตามมา

"แกไม่ต้องไปสนใจ" ขอบคุณที่มิ่งขวัญมันเกลียดวีรดา ไม่งั้นไม่รู้เหมือนว่าว่าจะมีคนเข้าข้างเธอรึเปล่า

"เนตรเราไม่ได้อยากว่าแกนะ เราแค่เกรงใจอาจานเค้า ....เห็นอาจานเค้าอยากสอน" รังสิมาเดินมาง้ออย่างกลัวเพื่อนโกรธ

ขณะที่ผลการง้อของเธอคือ

"จะบ้ากันรึไง แกไม่มีสิทธิ์มาประเมินฉันเลยด้วยซ้ำว่าฉันเหมาะรึไม่เหมาะจะเป็นหมอเด็ก   ฉันเล่นกับเด็กเพราะฉันเอ็นดู และฉันก็มีวิธิของฉัน ไม่ได้สำคุญว่าบ้านใครเขาจะเล่นกันแบบนี้รึเปล่า  อย่างน้อย..."

"เนตร...เรา"

"ฉันมีวิธีหลอก และวิธีเล่นของฉัน ทั้งๆที่บางคนมันไม่มองหน้าเด็กด้วยซ้ำเวลาเล่นกับเด็ก แต่ทำท่านางฟ้าไปงั้นเพื่อให้ตัวเองดูสวยชิหายๆๆๆ"

"ใจเย็ยๆ แกไม่ต้องไปสนใจอีนังวีรดามัน" มิ่งขวัญเข้าใจเธอ ไม่ใช่เพราะรักเธอหรอก แต่เพราะเขาเกลียดคนๆเดียวกัน

"ฉันเลือก elective เป็นเด็กหมดทุกตัวเพราะฉันอยู่ที่วอร์ดนี้แล้วมีความสุขที่สุด ฉันจะขยันหรือจะขี้เกียจมันไม่เกี่ยวกับเธอ ยังดีกว่าเลือกวิชาเลือกเพื่อมายั่วอาจาน"

"บอกแล้วว่าอย่าสนใจคนแบบนั้น" มิ่งขวัญพยายามปลอบเพื่อน เพราะมันไม่หยุดพูดซะที

"แล้วการที่ฉันบอกอาจานว่าอยากเลิกเร็วมันก็เป็นวิธีสร้างบรรยากาศการเรียนของฉัน มันไม่ประจบประแจงออเซาะเหมือนเธอก็เลยอาจจะดูไม่ดี เพราะฉันชอบที่จะเป็นเด็กให้อาจานเคี่ยวเข็ญมากกว่าเป็นคนสวยที่อาจานหนุ่มติดใจ"

เมื่อเธอพูดจบสีเขียวคล้ำบนใบหน้าก็หายวับไปราวกับถูกพ่นออกมาระรอกใหญ่  หางตาของเธอมองเห็นแต่รังสิมา เพื่อนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ซึ่งน้ำตาซึมคิว่าตัวเองถูกด่า กับอีนางเอกคนสวยที่ทำตัวไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องทีค่เกิดขึ้น หูก็ฟังเสียงสมทบจากมิ่งขวัญว่า 

"มันทำเป็นไม่รู้เรื่อง แกอย่าไปใส่ใจ"

"ใครมันอยากเป็นนางเอกก็ปล่อยให้มันเป็นไป .........รังสิมา! ฉันไม่ได้ด่าแกนะ ฉันด่าเพื่อนแกอีกคน" 

เธอทำหน้างง!

------------------------------------------------------------

และวันต่อมา ข่าวการทะเลาะกันของเนตรวดีกับรังสิมาก็แพร่สะพัดไปทั่วชั้นปี โดยที่เนตรวดีเป็นฝ่ายงี่เง่าและแย่สุดแย่ 

คุณว่ามั้ย บางทีเธออาจแย่จริงๆ

แต่จะบอกให้ว่าคุณไม่มีสิธิ์ประเมิน เพราะคุณน่ะแน่ใจแล้วเหรอว่าคุณสมบัติที่ไม่แย่น่ะเป็นยังไง แล้วแค่ฉากเดียวน่ะ คุณรู้แล้วเหรอว่าเนตรวดีเป็นคนยังไง				
2 มีนาคม 2551 12:56 น.

อายด์เชโดว์สีม่วง ตอนที่1

โนรีคำราม

ละอองน้ำจากสปริงเกอร์นับสิบอันทำลอนผมสวยๆของฉันฟูฟ่องได้มากทีเดียว ฉันไม่ได้ไม่รักธรรมชาตินะ แต่ในเรือนกล้วยไม้ที่มีดอกแวนดาสีม่วงกำมะหยี่จับตา ฉันควรมีประกายอายด์ชาโดว์สีม่วงระยับที่เปลือกตาและเส้นผมที่ถูกจัดเป็นลอนเหมือนเจ้าหญิงงามในสวนดอกไม้แบบที่ในเทพนิยายเขาร่างไว้ นอกเสียจากว่าบรรดานักเขียนพวกนั้นมันสับปลับ ชอบปลูกฝังให้เด็กผู้หญิงเพ้อฝัน และเด็กคนนั้นก็โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เพ้อเจ้อ 

ใช่ค่ะ! ฉันเป็นผู้ใหญ่ที่เพ้อเจ้อ 

เพราะตัวอักษรของคนบางคนมันมีเสน่ห์กว่าลีลาด้านใดๆของเขาทั้งหมด 

ใช่อีกเช่นกัน! ตัวอักษรของฉันก็มีเสน่ห์กว่าลีลาด้านใดๆทั้งหมดที่ฉันเกิดมาพอจะมี

"โนรี ศุปราคะ" คือนามปากกาของฉัน นักอ่านมักชอบแนว erotic-comedy ที่ฉันเขียน แต่บางที่ถ้าครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมาก็อาจจะหันไปเขียนวรรณกรรมเยาวชนบ้างก็มี แต่ดูเหมือนว่าฉันไม่ค่อยรุ่งกับแนวนี้เท่าไร ทั้งๆที่ฉันเองก็รักเด็กพอๆกับนางสาวไทยนั่นแหละ และฉันก็เป็นคุณป้าใจดีที่หลานๆรักด้วยนะ 

เอาเป็นว่าวันนี้เราได้รู้จักกันแล้ว ใส่ปุ๋ยกล้วยไม้เสร็จคุณจะตามฉันไปซุปเปอร์รึเปล่ามันก็เรื่องของคุณ 


เสื้อลายดอกเล็กละเอียดสีแดงเสือดนกซึ่งถูกจับจีบที่ชายแขนทั้งสองข้าง เมื่อใส่กับกางเกงขายาวสีน้ำตาลก็ดูเป็นแบบที่คุณนึกภาพได้นั่นแหละ ฉันเดินเข็นรถเข็นไปตามทางเดินระหว่างชั้นวางสินค้าโดยอาศัยอยู่ในเสื้อผ้าชุดที่ว่านี้ ข้าวของที่ไม่ลดราคาอย่าหวังจะได้มานอนอยู่ในรถเข็นของฉัน ยกเว้นพวกตระกูลของกินทั้งหลายที่กำลังถือวิสาสะอย่างไม่มีมารยาทเอาซะเลย ขึ้นหน้านักเชียว! 

จริงๆนะ เมื่อหกเจ็ดปีก่อนฉันเอวยี่สิบสามและสะโพกสามสิบสี่เท่านั้นเอง เพราะพวกเป็ดไก่ตัวเมียอย่างพวกเธอนี่แหละที่อิจฉาว่าฉันได้เกิดมาเป็นคน แถมยังรูปร่างดี ไร้ไขมัน  พวกคุณระวังละกัน เจ้าพวกนี้มีคุณไสย ชอบเสกตัวเองเข้าท้องคนแก้แค้นที่กินโคตรเง่าศักราชมัน กว่าจะรู้ตัวอีกที่ก็แก่อ้วน และในที่สุดก็เน่าเปื่อยจากความเหงา เพราะว่าขึ้นคานอยู่คนเดียว ดูฉันเป็นตัวอย่างก็ได้

ไม่ตลกนะ การที่ฉันเขียนนิยาย erotic-comedy แต่ไม่เคยทำสิ่งที่เขียน นั่นหมายความว่าฉันมีจินตนาการที่น่าทึ่งและเสน่ห์ปลายปากกาที่เป็นพรสวรรค์ชั้นครูเชียวนะ ...ไม่ได้แปลว่ฉันสับปลับหรอกย่ะ!

เมื่อก่อนนี้ฉันว่าฉันก็เคยสวยอยู่เหมือนกัน ฉันมีเสื้อผ้าสวยๆเต็มตู้ เดี๋ยวฉันกับไปทำกับข้าวให้ลูกน้องสาวเสร็จแล้วฉันจะพาไปดูของสะสมของฉัน อ๋อ ถ้าคุณไม่รังเกียจจะอยู่ทานข้าวกับหลานๆฉันก็ได้นะ น้องสาวฉันกว่าจะกลับค่ำๆ เด็กๆกลับจากโรงเรียนหิวกันซ่กเลยต้องทำให้กินก่อน 

"สวัดดีค่ะป้านี" เสียงเด็กหญิงสองคนประสานกันแจ๋วแหววดังขึ้นพร้อมกับท่าย่อไหว้ประจำโรงเรียนแบบเดียวกับที่ฉันเคยทำสมัยเด็กบอกให้ฉันรู้ว่าห้าโมงเย็นแล้ว ฉันควรจะไปหรี่ไฟต้มกระดูกหมูซะหน่อย
"ป้านีคะหนูทำดอกมะลิวันแม่สวยมั้ยคะ" ดอกมะลิทำจากกระดาษสาหนึ่งช่อถูจัดเรียงในภาชนะพลาสติกซึ่งเคยเป็นกล่องลูกอมอย่างน่าเอ็นดูแบบเด็กถูกสอนให้ทำถูกหยิบขึ้นมาโชว์ได้ไม่เท่าใบหน้าภาคภูมิใจของเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบใส่เครื่องแบบอนุบาลสีสมพูน่ารักน่าชัง
"สวยสิลูก ออมมีทำเองเหรอคะ" ลูกสาวคนเล็กของน้องสาวฉันชื่อออมมี เด็กผู้หญิงก็อย่างงี้ชอบทำของกระจุ๊กกระจิ๊ก
"หนูได้คะแนนเต็มสิบด้วยค่ะ" 
"เก่งที่สุดเลยจ้ะ"
"หนูจะให้คุณแม่วันแม่มะรืนนี้ คุณแม่จะรักหนูไหมคะ"
"รักสิจ๊ะ หนูเป็นเด็กดีนี่คะ"

"ป้านีคะ เรียงความวันแม่หนูได้แค่เจ็ดเองค่ะ" สาวน้อยที่กำลังงอนกับคะแนนไม่พึงปรารถนาคนนี้เป็นลูกสาวคนโตชื่อว่าเจนนี่ ฉันบอกคุณคนเดียวนะ 'คนนี้น่ะคนโปรดฉัน' "หนูเขียนไม่เก่งอย่างงี้หนูจะโตขึ้นเป็นนักเขียนแบบคุณป้าได้ยังไง" 
"ไหนคะ ได้เจ็ดก็เยอะแล้วนี่คะ ให้ป้าดูหน่อยสิ" กระดาษวาดเขียนวาดรูปหัวใจสีชมพูมีแม่ลูกจูงมือกันตรงกลางน่ะคุณๆต้องเคยทำแน่ๆ ข้อความที่เธอเขียนก็ดูแปร่งๆสมวัย ฉันเป็นแม่นะดีใจตายเลยลูกเขียนให้แบบนี้
"หนูแต่งกลอนด้วย คิดว่าจะได้คะแนนดีซะอีก"
"น่ารักดีนี่คะ ไม่เห็นไม่ดีเลย"
"โธ่ป้านีน่ะปลอบใจหนู  ถ้ามันดีทำไมได้แค่เจ็ดล่ะคะ"
"โอ๊ย..ป้าบอกว่าดีก็ดีจริงๆสิคะ ตอนเด็กๆน่ะป้าก็ได้คะแนนแค่นี้ล่ะ"
"แต่หนูเขียนไม่ค่อยออกจริงๆนี่คะ ไม่กี่บรรทัดก็ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรต่อแล้ว กลอนก็ไม่เพราะ ไม่เห็นเหมือนเพื่อนเลยเค้าเขียนได้เต็มหน้ากระดาษ"
"ก็หนูเขียนสั้นๆได้ใจความนี่คะ พระคุณแม่ใครๆก็รู้กันอยู่แล้ว จะไปเขียนให้เวิ่นเว้อทำไม เชื่อป้าสิคะครูภาษาไทยของหนูน่ะไร้รสนิยม หนูน่ะเก่งแล้วค่ะ"
"แล้วอย่างงี้ถ้าหนูเป็นนักเขียนจะมีคนชอบเรื่องของหนูไหมคะ"
"แน่นอนอยู่แล้วสิคะ หลานป้าซะอย่าง เดี๋ยวโตอีกหน่อยป้าจะสอนเคล็ดลับให้"
"สอนตอนนี้เลยไม่ได้เหรอคะ"
"ไม่ได้จ้ะต้องโตก่อน"
"ทำไมล่ะคะ"
"เอาน่า....ตอนนี้ต้องฝึกฝีมือไปก่อนถึงจะเรียนได้ผล ป้าบอกให้เขียนไดอารี หนูเขียนรึเปล่าคะ"
"เขียน...บางวัน"
"นั่นล่ะ ดีแล้ว แต่หนูต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะคะ"
"ค่ะ"

"เอ้า....เด็กๆไปอาบน้ำแล้วจะได้มาทานข้าวข้าวกัน"
"ค่ะ" สองเสียวแจ๋วประสานกันอย่างเชื่อฟัง   
"แล้วเร็วเข้าด้วยนะ จะได้ทำการบ้านให้เสร็จ ไม่งั้นจะอดดูสงครามนางฟ้า"อย่าว่าชมตัวเองเลยนะ ถ้าไม่ใช่ฉันน่ะ เอาเด็กๆไม่อยู่หรอก



ไข่เจียวหมูสับใส่มะเขือเทศร้อนๆถูกเสริ์ฟพร้อมต้มกระดูหมูควันฉุย มีแกงเผ็ดเป็ดย่างช่วยเสริมบารมีซะหน่อยพวกเราป้าหลานก็มีชีวิตอยู่รอดไปได้อีกวันนึง เอาล่ะพอเด็กๆเข้าที่ทำการรบ้านแล้วก็ได้เวลาที่จะพาพวกคุณขึ้นไปดูของสะสมสุดรักของฉันตามที่สัญญาไว้ เดินขึ้นบันไดดีๆล่ะ ระวังมันลั่น				
2 มีนาคม 2551 12:52 น.

ปทุมาภรณ์

โนรีคำราม

ฉันนั่งคิดนอนคิดอยู่ร่วมสองสัปดาห์แล้วว่า ฉัน..สวยพอให้เขาหันมาสนใจมั้ย ฉันดีพอจะเป็นผู้ถูกเลือกมั้ย และ ฉันดีพอสำหรับชายผู้เลิศเลอคนนี้มั้ย  ไม่น่าเชื่อว่ามันออกมาจากสมองของฉัน เพราะปกติแล้วฉันเป็นผู้เลือก ฉํนไม่เคยแยแสสักนิดถ้าใครจะไม่สนใจฉันด้วยเหตุผลขี้หมูราขี้หมาแห้งพวกนี้ เพราะคนที่ไม่เห็นค่าของฉันก็คือคนที่ไม่คู่ควรกับฉันนั่นแหละ 
   ฉันทั้งสวยทั้งหยิ่งใครๆก็รู้ ผู้ชายหน้าตาดีมีฐานะมากมายมองตามปลายนิ้วมือฉันตาปริบๆ ทั้งๆที่มันเป็นแมลงวันกับต้นไมยราพข้างกองขยะ ก็พยักหน้าหงึกๆเออออกับฉันได้ ถ้าฉันบอกว่าเป็นเถาการเวกกับราชินีผึ้ง
   ฉันรู้จักเขาในงานเปิดตัวเครื่องเพชรของบริษัทปทุมแก้วจิวเวอรี่  เพชรปทุมาภรณ์ โดดเด่นในงานและเปล่งประกายต้องใจฉัน แต่ก็ไม่เท่าเขา...คุณธรรณพล กีรติสกุล ไม่เปล่งประกายเจิดจ้า แต่จับแน่นอยู่ที่แก่นของหัวใจ จนทำให้ฉันสามารถบอกกับตัวเองได้ว่า ฉันจะเอาคนนี้ เฮ้ย! มากกว่านั้นสิ ฉันรักคนนี้แล้วล่ะ ฉันจะทำให้เขามารักฉันให้ได้ จะทำทุกวิถีทาง คอยดูนะ !
   ตอนนี้ฉันสืบรู้มาแล้วว่า...พระเอกในใจฉัน เป็นใคร จะให้สาธารยายไหมล่ะว่านแกเหนือจากธุรกิจเครื่องเพชรที่สุดจะเริ่ดหรูแล้วเขาทำอะไร
   ชายเลอเลิศของฉันเป็นประธานชมรมสะพานบุญ งานของเขาคือการช่วยเหลือผู้ป่วยระยะสุดท้าย จัดหาอุปกรณ์ดูแลผู้ป่วย และบริจาคอะไรก็ตามที่พวกด้อยโอกาสต้องการ เห็นมั้ยเป็นคนดีมากเลยนะ และนี่! ฝีมือระดับฉันน่ะ คิดว่าได้ข้อมูลมาแค่นี้เหร กระจอกไป ฉันมีตารางเวลาและปฏิทินดำเนินงานของชมรมตลอดทั้งปีนี้เลย ฉันจำได้หมดแล้ว 
   วันเสาร์นี้จะมีการส่งมอบเครื่องใช้ในการดูแลผู้ป่วยที่xxx พ่อพระเอกของฉันน่ะเฉียบแหลมถึงขนาดเล็งเห็นว่า มีญาติๆที่เขาเคยดูแลบุพการีของเขา แต่บังเอิญเสียไปแล้ว ก็ไม่รู้จะเอาของพวกนั้นไปไว้ไหน เลยบอกเขาว่ามีบางคนเขาไม่มีตังค์ซื้อ แล้วเขาก็อยากได้ ดูสิญาติตาดำๆของเขากำลังป่วยเหมือนที่พ่อแม่คุณเคยเป็น....พวกนั้นน้ำตำหลพรากกก มาบริจาคกันใหญ่ และเพื่อความซาบซึ้งงตามสไตล์ จึงจัดให้เขาส่งมอบกันเองจำนวนเก้าสิบคู่ ถวายเป็นพระราชกุศล โอ้โห! ยิ่งใหญ่ แน่นอนฉันไม่มีทางพลาดงานนี้ 
   ฉันเหยียบฝ่าเท้าซ้ายที่รองด้วยส้นแหลมเฟี้ยวของพราดารุ่นปีล่าสุดลงบนพื้นหินแกรนิต ณ ปากประตูตึกเพชรรัตน์ พระเจ้า! เม่บ้านที่นี้ได้ค่าจ้างแพงไหมเนี่ย พื้นถึงได้ลื่นปรื๊ดขนาดนี้  ...อย่านะวันนี้ฉันใส่กระโปรงแด๊ะแด่ จะลงไปกองไม่เป็นท่าเหมือนอยู่ที่บ้านไม่ได้นะ ...ไม่
.............และแล้วสวรรค์ก็มีจริง...วิ้งวิ้งวิ้งวิ้งวิ้ง...... แขนกำยำโอบร่างบอบบางของฉันไว้ มือแข็งแกร่งจับพยุงที่แขนทั้งสอง ตามด้วยเสียงทุ้มๆกระซิบข้างหูว่า เดินระวังๆ นะครับ
   เสน่ห์ของละอองเสียงดึงดูดให้ฉันหันตามไปยังทิศที่ถ่ายทอดมา 
   อา...........ชายในฝันคนนี้กำลังสบตาฉัน หน้าของเราห่างกันไม่เกินคืบ ...คนบ้า! ฉันเขินจะแย่อยู่แล้วนะคะ ใครก็ได้ช่วยชีวิตฉันที นี่หัวใจฉันหยุดเต้นไปแล้ว ทำไมไม่ผายปอดล่ะคะ
   
   วันนี้งานมหากุศลจบลงอย่างไม่น่าเบื่อนักเพราะฉันมีเรื่องให้กลับมานอนเพ้อได้ทั้งคืน ก่อนกลับเขาขอบคุณที่ฉันมาเป็นเกียรติในงานด้วยล่ะ นั่นบอกได้หลายอย่างทีเดียวคือ หนึ่งเค้ามองว่าฉันมาเพราะมีจิตใจดีงาม สองเขายังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง และสามฉันเก็บอาการใช้ได้อยู่เหมือนกัน
   หลังจากนั้น ฉันไปปรากำตัวในงานทุกงานที่เขาจัดขึ้น ตั้งแต่โครงการบริจาคอวัยวะอะไรก็ตามให้คนพิการ จนถึงจัดคณะอาสาสมัครดูแลภิษุอาพาธ  ฉันได้เจอเขาบ่อยขึ้น รู้จักเขามากขึ้น และเริ่มมีส่วนร่วมในโครงการของเค้าบ้าง เช่นประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากคนมีเงินทั้งหลาย ซึ่งพวกนั้นก็อุตส่าห์ใจดี เจียดมาให้ซะเยอะเชียว รวมทั้งคุณพ่อของฉันด้วย ตอนนี้ก็จัดงบประมาณสนับสนุนมาให้เป็นระยะ ทำเอาบริษัทที่คุณพ่อถือหุ้นใหญ่อยู่ภาพพจน์ดีขึ้นเป็นกอง
   ตอนไปบอกทีแรกดูท่านจะงงๆ ต้องให้ฉันยืนยันอยู่หลายรอบว่า ฉันอยากทำสิ่งดีๆเพื่อโลกจริงๆ เหมือนท่านจะเห็นดีเห็นงามอยู่หรอก แต่ก็ทำหน้าอัศจรรย์ใจในตัวลูกสาวอยู่หลายวัน ทำไมเหรอ ฉันออกจะอยากให้โลกสงบสุข
   แต่อย่างไรก็ตามน่ะนะ ฉันพยายามซะขาดนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววจะได้เป็นคนพิเศษของเขาเลย ทั้งๆที่ฉันสวยออกจะตายไป หวั่นไหวกะฉันนิดนึงไม่ได้รึไง ....ฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกกับยัยแพร ซึ่งทุกทีจะจีบผู้ชายเก่งกว่าฉัน จึงได้รับคำแนะนำมาว่า
   ไม่ได้หรอกนะ กะจะเอาให้อยู่หมัดทั้งทีทำแค่นี้อ่ะเหรอ ให้มันถึงเนื้อถึงตัวหน่อยสิ เป็นมะ
   คราวนี้ฉันก็เลยเสนอโครงการจัดหาคนอุปถัมป์ให้เด็กตาบอดที่กำพร้า โดยส่งเบี้ยเลี้ยงให้เป็นรายเดือน  เท่านั้นหละ! เขามองฉันด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความชี่นชมและชวนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการชมรม
   คราวนี้....ค่อยรุกได้เต็มที่หน่อย
   ตั้งแต่นั้นมาฉันได้เรียนรู้ว่าการเป็นคนดีนี่มันยากมากก..ก รู้มั้ยฉันเหนื่อยแค่ไหนในการจัดนู่เตรียมนี่ ติดต่อคนนั้นคนนี้ งานการกุศลเนี่ย มันชี้นิ้วสั่งไม่ได้เหมือนที่บริษัทคุณพ่อซะด้วย ผลตอบแทนก็ยังไม่แน่ว่าจะคุ้มค่านัก เพราะถึงฉันจะใกล้ชิดเขามากขึ้น ได้สบตาเขาตอนที่อยู่สองต่อสองบ้าง แต่ความคืบหน้าเรียกได้ว่าเป็นศูนย์ เพราะฉันไม่เคยไปไหนมาไหนหรือคุยโทรศัพท์เรื่องอื่นกับเขาที่ไม่เกี่ยวกับงานเลย
   จนเวลาล่วงเลยมาถึงวันเปิดโครงการฯ ครั้งนี้พ่อกับแม่ของเขาให้เกียรติมาด้วย ขณะเดียวกัน คุณพ่อกับคุณแม่ของฉันก็ทำทีว่ามาเป็นเกียรติเหมือนกัน  แต่จริงๆแล้วฉันรู้นะว่าจะมาดูผลงานลูกสาว  โธ่...ไม่เชื่อใจฉันอีกแล้ว ฉันโตป่านนี้แล้วนะ งานที่บริษัทฉันก็ไม่เคยทำของเขาบกพร่องซะหน่อย 
   สิ่งที่แย่ก็คือ ฉันงานยุ่งทั้งวันในการจัดการอะไรก็ไม่รู้จุกจิกไปหมด  แถมยังต้องคอยต้อนรับบรรดาแขกคนสำคัญทั้งหลายในฐานะคนไปเชิญเค้ามา แย่จริงเลย! ฉันไม่มีเวลาส่งตาหวานให้คุณธรรณพลเลยนะ คอยดูสิ ถ้าจบงานนี้ยังจีบไม่ติดจะไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีกแล้ว ฉันประกาศกร้าวอยู่ในใจด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
   ยังมีเรื่องที่น่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงกว่านั้นอีกนะ เมื่อกี๊ๆ! ฉันเดินผ่านแม่! แม่ฉันกับแม่เขา! เป็นชุดเลยนะฉันได้ยิน! หลุดปากมาได้ยังไงคะคุณแม่ว่าหนูไม่เอาไหน คุณแม่ฆ่าหนูซะยังดีกว่าเลยนะคะ ที่คุณแม่คุยอยู่ด้วยน่ะ ว่าที่แม่ผัวหนูนะคะ ซึ่งมันจะไม่ใช่อีกต่อไปก็เพราะคุณแม่ทำลายมันนะคะ
   เห็นอย่างงี้ฉันยิ่งวางใจไม่ได้ เลยอู้งานพักนึง ฟอร์มทำเป็นคุยกะเด็กตาบอดสามสี่คนตรงนั้น จะได้แอบฟังแม่พูด    แต่คุณแม่ดันเหลือบมาเห็น เลยเลิกคุยกับคุณแม่ผัวแล้วพากันเดินมาหาฉัน คุณแม่ผัวน่ะก็ทักทายตามประสาผู้ใหญ่ทักทายเด็กอย่างมีเมตตาอ่ะนะ แต่คุณแม่ฉันสิ เฉยเลย!
   ลูกเนตรเนี่ยนะคะเค้ารักเด็ก ตอนมัธยมต้นนะคะคุณพี่ เค้าเคยเป็นอาสาสมัครของห้องสมุดเล่านิทานให้เด็กป.1ป.2ฟัง ...หนูเล่านิทานให้เด็กๆฟังสิจ๊ะลูก ใส่บทนางงามให้ฉันเสร็จก็เนไป ไม่รับผิดชอบ! ดูสิเด็กๆรบเร้าฉันใหญ่เลย ฉันลืมไปหมดแล้วนะ จะเอาอะไรมาเล่า
   พี่ฮับๆ ผมอยากฟังนิทานจังฮับ
   พี่จ๋าๆ หนูไม่มีใครเล่านิทานให้ฟังมานานแล้วนะคะ
   อ้อนอย่างนี้พี่ก็แย่สิจ๊ะน้องหนู ทำหน้าน่าสงสารเชียว งั้นพี่แต่งเองได้มั้ยอ่ะ ถ้าไม่สนุกอย่าว่ากันนะ
   กาลครั้งหนึ่งนานแสนนานมาแล้ว ในยุคที่ผู้คนต่างมีความสุขและเป็นมิตรต่อกัน มีเด็กสาวคนหนึ่งชื่อเด็กหญิงส้ม เธอเฉลียวฉลาดและมีน้ำใจงดงาม ถึงแม้เธอจะตามองไม่เห็น แต่ทุกคนต่างก็รักเธอ
   ถ้าตาหนูๆพวกนี้สามารถเป็นประกายได้ตอนนี้คงแข่งกันวิ้งๆแล้วล่ะ เด็กๆชอบ! ...ฉันค่อยมีกำลังใจหน่อย เอาล่ะเริ่มไหลไปได้เรื่อยๆแล้ว
   เธอเดินทางไปทั่วกับสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์คู่ใจตัวหนึ่ง
   ถึงตอนนี้เด็กๆสนใจกันใหญ่ เรื่องราวการผจญการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ ปลุกหัวใจของพวกเขาให้พองโตและเป็นสีแดงระเรื่อ และคงไม่มีใครเชื่อว่า หัวใจของฉันก็พองโตเหมือนกัน ฉันจำไมมม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกดีขนาดนี้โดยไม่หวังผลตอบแทน ฉันซาบซึ้งกับมันจริงๆนะ การได้ทำสิ่งที่ฉันเคยชอบทำตอนเด็กๆเตือนให้ฉันระลึกได้ว่าการเห็นพวกเขามีความสุขมันน่าชื่นใจกว่าอะไรทั้งหมด และฉันเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง ว่าทำไมผู้ชายแสนดีคนนั้นถึงทำอะไรแบบนี้เป็นประจำ
   ฉันหยิบทุกอย่าที่พอจะจำความได้มาจับแพะชนแกะจนหมดมุก แต่ก็ขมวดเรื่องให้จบไม่ได้ซะที จึงหลับหูหลับตายัดๆลงไป เพราะกลัวเด็กจะไม่สนุกถ้าขาดตอน .....ซึ่งพลาด
   ฉันเล่าไปว่า เด็กหญิงส้มเธอรู้จักเพื่อนใหม่ที่มักจะมาหาเธอตอนกลางคืน แต่เธอไม่รู้ว่าเพื่อนใหมคนนี้ แต่เธอไม่รู้ว่าเพื่อนใหม่คนนี้มีบางสิ่งที่ต่างไป เนื่องจากเธอมองไม่เห็นจึงไม่รู้ว่า เพื่อนของเธอคือสิ่งที่คนมองไม่เห็น เขามักจะชอบหยอกให้เธอตกใจเล่น โดยแกล้งมาจับแขน!.........จับขา!!!!!!!!!
   เด็กคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นและทั้งกลุ่มทำหน้าหวาดกลัวสุดขีด ทุกคนจ้องมองมาทางฉัน ถลึงตาอย่างกับว่าฉันไล่บีบคอเด็กอยู่งั้นหละ 
   ไม่ถึงวินาทีคุณธรรณพลก็รีบเข้ามาถามฉันว่า เกิดอะไรขึ้น
   ด้วยความตกใจและกลัวว่าจะถูกเกลียด ฉันได้แต่ก้มหน้าปาดน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสาย โดยไม่ต้องพยายามเค้น และละล่ำละลักตอบไปว่า
   เนตรไม่ได้ตั้งใจค่ะ ...เนตรเล่านิทานให้เด็กๆฟัง แต่ลืมคิดไป...เนตรไม่ทันคิดว่าจะทำให้พวกเด็กๆกลัว
   เขาบอกให้ฉันใจเย็นๆแล้วพาฉันออกมาจากตรงนั้น ขณะที่พวกแม่ๆของฉันต่างกุลีกุจอเข้าไปช่วยปลอบเด็กๆ ....ตอนนี้ฉันอยู่กับเขาสองคนในห้องรับรองที่ไม่มีแขกคนอื่นอยู่ เขากุมมือทั้งสองของฉันและลูบกระหม่อมอย่างอ่อนโยน พยายามให้ฉันหยุดร้องไห้ สีหน้าเข้าใจว่าฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ทำให้ฉันอบอุ่นมากก็จริง และฉันก็มีความสุขที่ได้ใกล้ชิดเขาก็จริง แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ฉันมันแย่ที่สุดที่ทำอะไรโง่ๆแบบนั้นออกไป
   หลังจากงานวันนั้น ฉันได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานที่บริษัทคุณพ่อ ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสะพานบุญอีกต่อไป แม้ความทรงจำที่ผ่านมามันเสนอหน้าเข้ามาทำตาปริบๆกับฉันหลายคืนมาแล้ว แต่ความผิดพลาดวันนั้นทำให้ฉันไม่กล้าโผล่หน้าไปให้ใครที่นั่นเห็นอีก ฉันไม่ไปติดตามผลจากใบประเมินด้วยซ้ำว่าโครงการของฉันมันล้มเหลวแค่ไหน
   จนวันเสาร์ก็มีโทรศัพท์เข้ามา เป็นเบอร์ของคุณธรรณพลขึ้นที่หน้าจอ และฉันก็รับไปโดยไม่รู้ตัว
   หวัดดีครับ เมื่อเช้ามีประชุมคณะกรรมการชมรม ไม่เห็นคุณมา ไม่สบายเหรอครับ
   อ๋อ...ค่ะ......เนตรลาออกได้ไหมคะ
   ทำไมล่ะครับ คุณเนตรเป็นกำลังสำคัญมากเลยนะ
   คือ...เนตร
   ก็บอกแล้วไงครับ เรื่องวันนั้นไม่มีอะไร ไม่มีใครตำหนิคุณเลยนะ
   เอ่อ...เนตรขอโทษจริงๆค่ะ แต่ว่า.....
   เอาอย่างงี้ดีกว่า เดี๋ยวผมไปรับ ไปทานข้าวกัน ผมอยากคุยกับคุณนะ
   ฉันลังเล แต่ก็แต่งตัวรอตามที่เขาบอก และออกไปทานข้าวเย็นกับเขาที่ร้านอาหารริมน้ำย่านชานเมือง ...จริงๆแล้วเย็นนี้เขาไม่ค่อยได้คุยเรื่องชมรมเท่าไร ดูเหมือนเป็นครั้งแรกที่บทสนทนาระหว่างเราเป็นเรื่องสัพเพเหระ 
   สายลมนุ่มๆกับแสงหวานๆยามพลบค่ำเสริมให้ฉันมีความสุขจนพูดไม่ออก เมื่อเขาบอกว่าเขาอยากเจอฉันอีก เขารู้สึกดีที่ได้ทำสิ่งดีๆร่วมกับฉัน ถ้าฉันไม่ทำงานให้ชมรมแล้วขอเขามาหาฉันบ่อยๆได้ไหม
   ตาซึ้งๆของเขากระตุ้นให้ก้อนความตื้นตันที่จุกแน่นอยู่กลางอกท้นขึ้นมาเป็นน้ำใสๆซึมออกจากเนื้อตา เขาใช้นิ้วโป้งปาดมันออกไป และไล้หลังมือขึ้นลงบริเวณข้างแก้มอย่างทนุถนอม ความอบอุ่นถูกส่งผ่านสัมผัสอ่อนโยนมาถึงใจฉัน ทำให้ความกังวล คลายลง ฉันจึงยอมรับปากเขาว่าจะกลับไป
   สุดท้าย บทเรียนที่ยิ่งใหญ่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดก็ได้ซึมเข้าสู่ใจฉัน โดยมีใจของเขาเป็นสื่อกลาง มันคือสิ่งที่ฉันได้รับจากความเหน็ดเหนื่อยที่แสนยาวนาน ซึ่งมีค่าเหนือกว่าการจีบผู้ชายเลิศเลอคนนึงติด อย่างเปรียบกันไม่ได้เลย เพราะมันคือการได้สร้างสิ่งงดงามร่วมกันกับคนที่ฉันรัก				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโนรีคำราม
Lovings  โนรีคำราม เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโนรีคำราม
Lovings  โนรีคำราม เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโนรีคำราม
Lovings  โนรีคำราม เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงโนรีคำราม