9 มิถุนายน 2547 14:46 น.
โชค ปวีณา
ผมไม่เคยนับวัน...
ผมไม่เคยนับคืน...
ผมไม่อยากรู้ว่ามันนานแค่ไหน...
ผมไม่มองนาฬิกา...ไม่สนว่าเวลาไหนและผ่านไปเท่าไหร่แล้ว...
ผมไม่อยากจมอยู่ในความทุกข์...
ตั้งแต่วันนั้น...
วันที่เธอยิ้มและบอกลา...
มันหมายถึงทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว...
พี่ชายที่แสนดีของเธอกับกลายเป็นคนที่ทำให้เธอผิดหวัง...
มันไม่ผิดหรอกที่เธอจะหันหลังให้และทิ้งรอยยิ้มให้เป็นความทรงจำ..
ผมอยากจะหยุด...
นอนหลับอยู่อย่างนั้น...ในความฝัน...
ฝันว่ายิ้มนั้นยังคงมีให้ผมตลอดไป...
ผมอยากจะหลับ...หลับอยู่อย่างนั้น...
วันนี้เธอดูเป็นปกติแล้ว...
หมดห่วงเสียที...
เธอยิ้มและพูดคุย...
กับคนอื่น...
ดีแล้ว...ดีแล้ว
ถึงไม่ใช่สำหรับผมก็ดีใจ...
เธอคงหายทุกข์ใจที่ผมทำ...
วันนี้เธอใส่เสื้อสีชมพูสดใส...
เสื้อสวยดีนี่...ผมอยากจะทักทาย...
แต่ผมก็ได้แค่มองอยู่ห่างๆ...
เธอคงจะรู้สึกดี...
ฟังเธอร้องเพลงแล้วเสียงไม่สดใสเหมือนปกติ...
เธอคงไม่สบาย...
ผมทำไม่ได้แม้แต่ถาม...
แต่ก็ขอให้หายเร็วๆ...
วันนี้ผมก็เจ็บคอ...
ทุกทีที่ร้องเพลงจบเธอก็จะยื่นยาอมให้...
ผมก็มียาอมของผมแต่คนละรสกัน...
เราแลกกัน...
วันนี้ผมไม่มียาอม...
ผมเจ็บคอ...
ผมพยายามไม่มองไปที่เธอ..
มันจะทำให้นึกถึงเหตุการณ์เก่าๆ..
ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันเกิดอีกครั้งแล้ว...
ผมยังมองเธออยู่...
แม้ว่าทางที่ผมเดินเราจะพยายามหลบหลีกกัน...
ไม่รู้ทำไม...
ผมน่าจะไปไกลๆ...ห่างเธอไว้คงดี
หรือว่าเธอคิดยังไง...
ช่วยบอกที...
ผมยังมองเธออยู่...
มองเธอยิ้มให้ใครต่อใคร...
ยิ้มนั้นยังน่ารักเหมือนเดิม...
ไม่เปลียนไปแต่อย่างไร...
ผมยิ้ม...
หวังว่าสักวันเธอคงให้อภัย...
และยิ้มนั้นจะมีให้ผมอีกครั้ง...
นานแค่ไหน...
อย่าถามผมเลย...
ผมไม่ได้นับวันคืน...
ผมยังคงรอ...
อย่าถามว่านานแค่ไหน...
ผมจำไม่ได้...
เลยไม่รู้ว่ามันนาน...
ไม่รู้สึกว่ามันนาน...
แด่.....แคทในอุดมคติ
โชค ปวีณา
7 มิถุนายน 2547 17:46 น.
โชค ปวีณา
ลืมตาในคืนสลัว เวลาที่ใครต่อใครพักผ่อนเพื่อวันพรุ่งนี้ ลุกขึ้นจากเตียงออกมานอกระเบียง มองฟ้าที่ไม่มีแม้ดาวเพราะความแรงของแสงไฟเมืองหลวงกับจันทร์อิ่มเอมกลมโต แสงจันทร์ส่องผ่านเข้ามาสัมผัสตัวฉัน แสงนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ลมยังพัดปลิวยอดไม้ชวนวังเวง แต่ฉันยังไม่กลับเข้าไปในห้อง ยืนมองจันทร์อย่างชื่นชม กี่คราวแล้วที่ไม่ได้เห็น. ใช่กี่คราวแล้วที่ไม่ได้เห็น..
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้กลับบ้านฉันยังคงอยู่ที่หอพัก... ขณะที่คนอื่นๆยิ้มร่าตั้งแต่วันที่สอบเสร็จ แยกย้ายกันกลับด้วยรอยยิ้มจากความดีใจ เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ เป็นประโยคที่ฉันพูดกับพวกเขา พร้อมกับโบกมือด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ฉันทำได้แค่นั้น
ยืนอยู่บนระเบียงที่เงียบสงัด นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าแม่ คิดถึงบ้านใจจะขาด .ฉันยังคงต้องทำงาน เก็บเงินเป็นทุนชีวิต เพื่อวันนี้ได้กินอิ่มท้อง พรุ่งนี้มีเงินใช้จ่ายตามจำเป็น เปิดเทอมมีเงินชำระโดยไม่ลำบากครอบครัวสิ่งที่ลูกทำนี้หวังว่าแม่จะภูมิใจ
แหงนหน้ามองจันทร์ แสงที่อบอุ่นนี้คล้ายดังสัมผัสแม่ โปรดโอบกอดให้กำลังใจฉัน.ฉันเหนื่อยเต็มทีแล้วโปรดจุมพิตบนหน้าผากฉัน ให้ฉันนอนหลับฝันดีเถิดท่านแม่ มือน้อยเช็ดน้ำตา เดินกลับเข้าห้องแคบๆ เข้าสู่นิทราในค่ำคืนที่อบอุ่นด้วยแสงจันทร์.
โชค ปวีณา
20 ตุลาคม 2546
6 มิถุนายน 2547 15:26 น.
โชค ปวีณา
นาฬิกา
บางทีการที่นั่งมองนาฬิกานั่งมองนาฬิกาเดินนาฬิกาเดินไปข้างหน้า เวลาเดินไปข้างหน้าแม้รู้ว่าผมกำลังหยุด หยุดอยู่กับที่ นาฬิกาก็เดินต่อไป เวลาก็เดินผ่านไปเดินต่อไปเถอะนาฬิกา ขอเวลาให้ผมจมอยู่กับอดีตขอเวลาผมคิดถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ผมโตแล้วโตพอที่จะรู้ว่าควรทำอย่างไร แต่ตอนนี้ขอเถิด มันเกินกว่าที่ผมจะทนแล้ว ทิ้งผมไว้ตรงนี้เถิดเดี๋ยวผมจะตามไป
หมุนเวลากลับไป
ตอนที่ผมพบเธอครั้งแรก เธอคือคนธรรมดาคนหนึ่ง ตอนที่ผมใกล้เธอครั้งแรกเธอคือน้องสาว ตอนที่ผมใกล้เธอบ่อยๆ เธอคือน้องสาวที่แสนดี ตอนที่ใกล้เธอเป็นประจำมันมากกว่านั้น เพียงเพราะผมคิดไปเองแท้ๆ ความหวังดีจากน้องสาวคนหนึ่งผมตีความหมายไปมากแค่ไหน
คุณน่าจะได้เห็นยิ้มของเธอ พอผมเรียกชื่อเธอ เธอก็จะหันมาแล้วยิ้ม ผมอยากให้คุณเห็นรอยยิ้มนั้นยิ้มที่ผมไม่มีวันลืม ตั้งแต่นั้นมาผมปรารถนาที่จะได้เห็นยิ้มน่ารักนั้นทุกทีที่ต้องมานั่งมองนาฬิกาแล้วคิดอะไรต่อมิอะไรแบบนี้ เพียงแค่ยิ้มของเธอเท่านั้น ยิ้มเธอปัดเป่า เมื่อไหร่ที่ผมยิ้มไม่ออก ขอเพียงได้ยิ้มของเธอเท่านั้น คุณน่าจะได้เห็นว่ามันตลก ผมหัวเราะ เอาหละเอาหละ ผมยังจำยิ้มนั้นได้ จำขึ้นใจ แม้ว่ามันไม่ได้เห็นมาหลายวันมันไม่กี่วันไม่กี่ก้าวนาฬิกาที่เ ดินไปมันนานมากเกินไปแล้ว
ผมจะบอกให้เธอเป็นคนดีมากๆเลย เธอเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่นมาก แม้ว่าตัวเองต้องฝืนตัวเองเพื่อทำให้คนอื่นสบายใจ เพื่อคนอื่น เพื่อผมพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่ง เธอก็ทำได้ เธอไม่เคยห้ามผม เธอบอกผมว่าอย่าฝืน อย่าฝืนความรู้สึกนั้น บางครั้งเธอมีสองคน บางครั้งเธอคือคนๆเดียว บางครั้งเธอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ บางครั้งเธอไม่มีตัวตน
ผมโทรหาเธอทุกวันเป็นคุณก็ทำอย่างนั้น ผมมักจะถามว่าทานข้าวหรือยัง(ป่านนี้เที่ยงคืนแล้วยังจะถามอีก) ให้อาหารปลาหรือยัง (น่าถามไหมเนี่ย)
ผมมีคำถามมากมายแต่ผมถามได้แค่นั้น ผมมักจะโทรไปขอให้เธอยิ้มให้ทางโทรศัพท์ ฟังดูเหมือนบ้าผมอาจจะบ้าก็ได้ ตอนตื่นนอน ก่อนทำงาน ก่อนนอน ผมยังปรารถนาที่จะเห็นรอยยิ้มเธอ ถ้าคุณเป็นผมคุณจะรู้สึกอย่างผมเพียงแค่นับ12..3..เธอก็จะยิ้มยิ้มทางโทรศัพธ์ ผมไม่เห็นแต่ผมเห็นผมไม่เห็นเธอในขณะนั้นแต่ผมเห็นยิ้มเธอผมจำได้ขึ้นใจผมเห็นเห็นว่าเธอยังยิ้มให้ผมอยู่ เธอไม่ได้ชิงชังผมแต่อย่างไร
ผมเคยกลัวกลัวการเปลี่ยนแปลง ผมยังปรารถนาที่จะเห็นรอยยิ้มนั้นอยู่ ตอนนี้ผมได้สัมผัสแล้วความกลัวนั้น ผมรู้ตั้งแต่ที่เธอรับรู้ความรู้สึกนั้น ดูเธอกังวล ผมเห็นทุกทีที่เจอกัน จนวันหนึ่งมันคงถึงเวลาเธอคงไม่ยอมรับรู้อะไรแล้ว เธอไม่มียิ้มให้ผมอีกต่อไปแล้ว
เรายังคงเจอกันทุกวันเราเจอกันเหรอเราไม่รู้จักกันเสียด้วยซ้ำ ดูเธอค่อนข้างเครียด ขณะที่ผมยังทำตัวเฮฮาอยู่มันคืองานของผม ถ้าผมเศร้าแล้วคนที่มาฟังเพลงผมจะสุขได้อย่างไร
ทุกครั้งที่เดินผ่านตู้โทรศัพท์ ผมจะควานหาเหรียญในกระเป๋า
มันกลายเป็นนิสัยไปแล้ว เหอะๆ ผมไม่เคยยืนมองตู้โทรศัพท์นานอย่างนี้มาก่อน มันเป็นสถิติ ! ผมจะโทรไปดีไหม บางทีเธออาจจะไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็ได้ ผมเดินกลับ.
นาฬิกาเพื่อนยากฉันมักจะพาแกไปไหนต่อไหนด้วย ตอนแกไม่สบายฉันพาแกซ่อม แกสกปรกฉันก็เช็ด ฉันรักแก ถ้าวันนี้ฉันจะขอให้ช่วยได้ไหมช่วยหมุนกลับไปสักสองรอบ ย้อนกลับไปตอนที่เธอยังฟังฉันอยู่ฉันแค่อยากจะขอโทษขอโทษเท่านั้นเธอคงทุกข์ใจไม่น้อย แม้สักวินาทีสักก้าวหนึ่งที่นาฬิกาเดิน ฉันก็อยากจะขอโทษขอโทษเท่านั้น เพราะฉัน เพราะฉันแท้ๆ
นาฬิกาเดินผ่านไปเรื่อยๆ ฉันยังนั่งที่เดิมอยู่ ฉันรู้ว่าควรทำอย่างไร แต่ขอให้ฉันนั่งตรงนี้อีกสักพักเถอะ ฉันเหนื่อยมากแล้วฉันเหนื่อย
เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ ฉันยังจำรอยยิ้มนั้นได้ มันเป็นความทรงจำที่ดี เวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ช่างคุณเถอะ ผมไม่ลืม ผมไม่ลืม
แด่แคทในอุดมคติ
โชค ปวีณา