23 พฤศจิกายน 2549 15:43 น.
โคลอน
กาลเสาร์หนึ่งนานมาแล้ว...ประมาณ 2-3 เดือนเห็นจะได้ (อารัมภบทให้เท่ห์ไปงั้นแหละ :p)...เราก็ตื่นเช้าขึ้นมาตามปกติ (เขียนให้ดูดีเข้าไว้) ขณะที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ ตาของเราก็เหลือบไปเห็น รังต่อเข้า มันเกาะติดหนึบอยู่ข้างหน้าต่างชั้น 2 ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...อารามตกใจ วิ่งเข้าบ้าน (ฉลาดโนะ) ดั๊นลืมปิดน้ำ สุดท้ายหลังจากชั่งใจอยู่นาน ก็ต้องจำใจออกมาปิดน้ำเองอยู่ดี คิดซะว่าวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าแระกัน(ปกติ นิ่งเป็นหลับขยับเป็นกิน...ดิ้นแล้วได้...เอ๊ยไม่ใช่...จะเขียนทำไมเนี่ยภาพพจน์หมดกัน)(^^)"
พอเราออกมาเจ้าต่อ(ตอนนั้นยังไม่รู้จักชื่อ)ก็มาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตอนแรกก็ปอดๆ เคยได้ยินคนโบราณบอกว่าให้อยู่นิ่งไว้มันจะได้ไม่ต่อย เราก็เลยยืนนิ่งเป็นเทพีเสรีภาพ อยู่อย่างงั้น กะว่ารอยยิ้มของเราคงจะพอผูกมิตรได้บ้างแหละ แต่มันชักนานเกินไปแระ แถมเรายังรู้สึกว่ามันจะไปชักชวนพลพรรคของมันมาดอมดมเราซะอีก (นี่ขนาดยังไม่ได้อาบน้ำนะเนี่ยแสดงว่าเนื้อหอมใช้ได้...อิอิ)กลับมาสู่โหมดเดิม...ขาเริ่มสั่นแระ...ก็เรายังไม่อยากจะเป็นราชินีต่อหรอกนะ ที่อยู่เฉยๆแบบนี้น่ะเพราะ ปอด(สรุปสั้นๆ) แต่ขืนชักช้าอยู่อาจโดนสกรัมได้ เราก็เลยอาศัยจังหวะที่เจ้าต่อมันเผลอ เปิดแน่บเข้าบ้านในทันใด }}}}}}}}} (เครื่องหมายปีกกา แทนว่าพักครึ่งเวลาแป๊บ เดี๋ยวเล่าต่อ...ก็เหมือนการ์ตูนสมัยก่อนไงก่อนจะพักโฆษณาเค้ายังให้ กามาพรีเซ้นซะ...อิอิ)
แฮ่ม...กลับสู่โหมดปกติ...
พอเข้ามานั่งจิบกาแฟแล้วก็เลยนึกขึ้นได้ว่า วันนี้ น้าเรานัดคนตัดต้นไม้ มาตัดต้นปีบหน้าบ้านนินา จริงๆต้องเรียกว่า... ตอน... ถึงจะถูก ก็ช่วงหน้าฝน ต้นปีบโตเร็วกว่าเจ้าของซะอีก(ขอแบ่งมาสัก 10 เซ็นก็ไม่ได้)กิ่งมันไปพาดสายไฟเข้า ก็เลยต้องจำใจจับตอนซะ (อยากมือยาวดีนัก)ความจริงมันกำลังโตเป็นพุ่มสวยมากๆเลยมีนกมาเกาะพักเวลาแดดร้อน ให้ร่มเงากับบ้าน ไม่ร้อนด้วย (เข้าโหมดเสียดาย...)
เราคิดว่าจะให้คุณลุงที่มาตัดต้นไม้ช่วยจัดการให้ พอได้เวลาลุงตัดต้นไม้ก็มากัน 3 คน พอลุงตัดต้นไม้เห็นเข้าก็ อุทานว่า"หูย...นี่มันต่อหางเสือนี่นา" เราก็เลยถามกลับไปว่า" ลุงเอาออกได้มั๊ย" ลุงเค้าก็บอกว่า " เอาออกตอนนี้ไม่ได้หรอก ต้องรอตอนกลางคืนถึงจะได้ ไม่งั้นมันรู้ มันจำได้ด้วยนะว่าใครมาพังบ้านมัน(จริงเร้อ...ลุงปอดอ่ะจิ...แอบคิดในใจ แล้วก็ตั้งใจฟังต่อ) อย่าให้บอก มันตามจนเจอตัวเลยล่ะ...ลุงเคยโดนมากับตัวเลย"(เหอๆ...อุตส่าห์ทำใจดีสู้เสือแล้วนะเนี่ย เจอแบบนี้ เล่นเอา หลอนเลย)เราก็ถามลุงต่ออีกว่า "ถ้าไม่รีบเอาออก รังมันก็โตคับบ้านเลยสิลุง มีหวังได้ขึ้น น.ส.พ หน้า 1 สักวัน" ลุงตัดต้นไม้ก็หัวเราะ หึหึ แล้วบอกว่า " ไม่หรอก รังมันจะขยายอีกนิดหน่อยแต่ไม่มากกว่านี้แล้วล่ะ แต่มันไม่ทำอะไรคนนะ ถ้าเราไม่ไปทำอะไรมันก่อน(ก็แหงล่ะ...ไม่ใช่ปิ่นมุกหนิจะได้อะไรก็ยอม)....หนูเห็นสีขาวๆในรังนั่นมั๊ย" เราก็เหลือบขึ้นไปมองตามที่ลุงชี้ชวน " ฮื่อ..." ลุงตัดต้นไม้บอกว่า"สีขาวๆในรังที่เราเห็นก็คือลูกของพวกมัน มันกำลังเลี้ยงลูกอยู่ เดี๋ยวพอลูกมันโต พวกมันก็จะไปเอง แล้วเมื่อนั้น รังมันก็จะร้าง ไว้เราค่อยเอาออกตอนนั้นดีกว่า"(เข้าโหมดซึ้งปนสงสาร)เราเลยคิดในแง่ดีว่า ถือซะว่ามีบอดี้การ์ดข้างบ้านก็ไม่เลวเหมือนกัน
พอลุงตัดต้นไม้กลับไปแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ลืมถามคำถามสำคัญว่า แล้วอีกนานไหมกว่ามันจะโตอ่ะลุง...แต่ก็ช่างเถอะ...ถือซะว่าเป็นบ้านเอื้ออาทร
หลังจากนั้น ทุกเช้าเราต้องไปแอบมองเจ้าต่อหางเสือซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ร่วมบ้าน ไปโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ความรู้สึกกลัวในตอนแรกมันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่...
ผ่านไปเป็นเดือน...อืม...รังของมันไม่โตขึ้นเท่าไหร่จากวันแรกที่เห็น ค่อยเบาใจหน่อย....วันนี้เป็นวันว่าง(จำไม่ได้แระว่าวันไหน...สงสัยจะเป็นอัลไซเมอร์ระยะฟักตัว)เราก็เลยไปด้อมๆมองๆสมาชิกร่วมบ้านอยู่นาน เลยสังเกตุเห็นว่า สีขาวๆที่อยู่ตามรูๆหรือช่องๆ(เรียกว่าอะไรก็แล้วแต่)มันค่อยๆหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง อืม...สงสัยคำอธิษฐานของเราจะได้ผล เราอธิษฐานให้พวกมันโตเร็วๆจะได้ไปเร็วๆไง (ดูเหมือนจะใจดี^^)"
จากวันแรกที่เห็นจวบจนวันนี้ก็ร่วมๆ3เดือนแล้ว ลูกๆของเจ้าต่อก็โตกันเกือบหมด คิดถึงตอนนี้เราก็แอบดีใจนิดๆที่ไม่ได้ทำลายบ้านหลังเล็กๆนั้น ก่อนที่บรรดาเจ้าต่อจูเนียร์จะได้ลืมตามาดูโลก แล้วก็เติบโตขึ้นมาเป็น ต่อหางเสือที่แข็งแกร่งในเวลาต่อมา...
คงมี"ต่อ"อีกหลายล้านตัวที่ไม่มีโอกาสได้เติบโต หรือ มีสิทธิ์ได้ใช้อ๊อกซิเจนร่วมกับพวกเรา ไม่มีโอกาสจะได้ใช้พื้นที่ว่างในโลกใบนี้เพื่อเรียนรู้และเข้าใจการมีชีวิตอยู่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า การเอาตัวรอด ต้องทำกันยังไง...หลังจากผ่านประสปการณ์เป็นพี่เลี้ยงต่อ ด้วยความจำใจมา เราก็ได้ข้อคิดเตือนตัวเองว่า"ก่อนจะทำอะไร หยุดคิดสักนิด เวลาในชีวิตคงไม่เสียเปล่าหรอก"จริงมั๊ย...อย่างน้อยตอนนี้เราก็ไม่กลัว...ต่อ...แล้วล่ะ...
ปล.ดูๆไปรังต่อที่ติดอยู่ข้างบ้านก็สวยดีเหมือนกันนะ...มองไปมองมาเหมือนเราได้ย่อแผนที่โลกมาประดับไว้ใกล้ตัว...เจ๋งซะ (หาเรื่องชมตัวเองอีกแระ):p
ปล.รอบ2 หลังจากได้อ่านเรื่องแมลงวันหัวเขียว2 ของคุณ พีรเดช นวลสายแล้วทำให้เราอยากลองเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง มองหาวัตถุดิบใกล้ตัวก่อนเลย...
20 พฤศจิกายน 2549 14:59 น.
โคลอน
ถ้าหากคนเรายึดติดกับคำๆนี้ เราก็คงจะผิดหวังหากทำดีแล้วไม่ได้ดี จนมีคนคิดคำเสียดสีขึ้นมาว่า***ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป*** สังคมเราจะเป็นยังไงถ้าคนทำดีเกิดท้อ คงมีคนดีที่ผกผัน อีกมากมายเกิดขึ้นจนนับไม่ถ้วน แต่ถ้าหากเราคิดกลับกันว่า คนที่ทำดีคือคนปกติ คนไม่ปกติเท่านั้นที่ทำชั่ว คนเราก็จะทำดีจนเป็นนิสัยและถือเป็นเรื่องปกติ สังคมก็จะน่าอยู่ขึ้นเพราะไม่ต้องใช้แรงจูงใจมากมายในการที่จะให้คนหันมาทำดี คนเราก็คงจะทำดีได้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ถึงไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้ก็ยังคงทำดีต่อไป ไม่ต้องมีชื่อเสียงเงินทองมาล่อใจเราก็ทำดีด้วยความสมัครใจได้เช่นกัน ถ้าหากเราค่อยๆปลูกฝังสิ่งเหล่านี้เข้าไปในสังคมขนาดเล็กก่อน โดยเริ่มต้นจากตัวเรา ครอบครัวเรา สักวันคนที่ทำดีโดยไม่ยึดติดว่าต้องได้ดีก็จะขยายวงกว้างขึ้น สังคมก็จะน่าอยู่และมีความเป็นมิตรมากกว่าศัตรูหรือคู่แข่ง คงน่าเสียดายถ้าจะมีคนดีที่ผกผัน หันมาห้ำหั่นกันเองโดยที่ตัวแปรเหล่านั้นคือการทำดีแล้วต้องได้ดี
ขออนุญาตนำคำสอนของ*** ท่านพุทธทาสภิกขุ*** มาประกอบแนวคิด
***มามือเปล่า***
ยศและลาภหายไปไม่ได้แน่
คงเหลือแต่ต้นทุนบุญกุศล
ทรัพย์สมบัติทิ้งไว้ให้ปวงชน
แม้ร่างตนก็เอาไปเผาไฟ
เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน
เมื่อเจ้ามามือเปล่าจะเอาอะไร
เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา