^ ^ ^ (เพิ่งจะหารูปประกอบสวยๆเจอ:p) "นี่ๆมีของดีมาบอก....เดี๋ยวนี้บ้านเรากำลัง ฟีเวอร์ มะรุม กันอยู่ ดีต่อสุขภาพและได้รับการวิจัยจากอเมริกาเลยนะเฟร้ย "เสียงเพื่อนเจื้อยแจ้วมาตามสาย ถึงสรรพคุณของ มะรุม....เอ.... "ว่าแต่ว่า มะรุมนี่มันอะไรอ่ะ ไม่เคยได้ยิน" ฉันอดจะถามไปด้วยความสงสัยไม่ได้หลังจากนั่งฟังสรรพคุณของ มะรุมอยู่นานก็ไม่เก็ทสักที "ก็ บ่ะค้อนก้อม บ้านเฮาไง๊" "แล้วไหงไม่บอกแต่แรกฟระ....บ่ะค้อนก้อม แค่นี้ก็จบ...ฮ่วย..."(เด็กกรุงเต็บชักขัดใจเด็กภูธรแระ) "ตอนนี้เรากำลังจะบรรจุใส่แคปซูล และหนูทดลอง เอ๊ย...ลูกค้ากลุ่มแรกก็คือ บ้านเราไง แค่ แม่ กับ ป้าๆ น้าๆ ก็หมดแระ ล็อตตนี้" (ลืมบอกไปว่าเพื่อนคนนี้คือ ลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง...เรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาล พลัดพรากจากกันตอน ม.ต้น เพราะอยู่คนละห้อง แล้วก็มาร่วมชะตากรรม เอ๊ย...เรียนห้องเดียวกันอีกที ตอน ม.ปลาย) "555แบบนี้จะขายได้เหรอเนี่ย...." "ขายได้สิ แกไม่รู้อะไร ปากต่อปากนี่แหละ ยิ่งคนกันเองไปโพทะนา เอ๊ย.. โฆษณา ให้ด้วยนะ....คุ้มสุดคุ้ม ไม่เชื่อแกคอยดู๊" ....................สามวันผ่านไป....................... "ห้าโหล" "555รู้มั๊ย เดี๋ยวนี้ มะรุม ชั้นดังใหญ่แล้วเฟร้ย...........ใครต่อใครก็มาสั่งกันใหญ่...ลูกค้าที่ร้านเวลามากินข้าวซอย ก็จะสั่งมะรุมไปด้วย เป็นไงเก็บได้ทุกเม็ด" "โห...รุ่งจริงแฮะ" "ไว้ผลิตล็อตใหม่จะส่งไปให้นะ" "เอ่อ...อืมๆๆๆ"(รับปากไปแบบเสียไม่ได้ เพราะเรื่องยงเรื่องยานี่ไม่ค่อยจะถูกกันพอๆกับเข็มฉีดยานี่แหละ) คติประจำตัวของฉันคือ สุขภาพจะดีได้ก็ต้องมาจากการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ต้องพึ่งยาบำรุงที่ไหน แต่ก็ไม่อยากจะขัดใจเพื่อน อุตส่าห์กุลีกุจอขนาดนั้น สักพักวางสายไป คราวนี้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีก...ตอนแรกคิดว่าอะไรอีกฟระเนี่ย....จะเอาอะไรมารุมชั้นอีก...เข้าใจแล้วเฟร้ยว่าของแกอ่ะดีจริง(เตรียมคำพูดไว้รอ) กลายเป็นว่า แม่โทรมาเล่าเรื่อง มะรุม ที่หน่อย(ขออนุญาตพาดพุง...แฮ่ม)ผลิตและนั่งอ่านสรรพคุณให้ฉันฟัง 3-5 นาทีโดยประมาณ....เริ่มสงสัยทำไมข้อมูลแม่แม่นจัง.... "โห...แม่....อะไรจะมีประโยชน์มากมายขนาดนั้นงี้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี่เราไม่ต้องกลัวกันเลยเนาะ" "แหมๆ มันดีจริงๆนะนี่แม่อ่านจากหนังสือที่เค้าแปลมาเล๊ย" เริ่มเข้าใจ..555 มะรุมฟีเวอร์จริงๆ เดี๋ยวขออนุญาตพิมพ์เป็นภาษาถิ่นให้อ่านดูนะคะ "ฮักษาโรคมะเร็ง,เป๋นยาระบาย,ป้องกั๋นโรคหัวใจ๋,ไขมันในเส้นเลือด,ความดันโลหิตสูง,โรคเก๊า,โรคกระดูก,เสริมสร้างแคลเซียม ,ลดเบาหวาน, ฟันแข็งแฮง..............." "แม่ๆ....ลูกว่าไปยาลใหญ่ดีกว่า ฮู้ละว่าดีแต๊ๆ"(ถ้าไม่รีบเบรคก่อนคาดว่าคงอ่านหมดเล่ม555) "เดวก่อน ตี้สำคัญ ชะลอความแก่ , ฮักษาสิว,ฮักษาจุดด่างดำ,หน้าขาวผิวขาวผ่องเป๋นยองใย......." "โห....(หูผึ่ง.......ในบรรดาสรรพคุณทั้งหมดที่กล่าวมาอันหลังนี่เข้าท่าสุด555) แต๊กา"(ฟอร์มหลุด ณ บัดดล)แต่มันแก่ไปแล้วจะมาชะลอบ่ะเด่วบ่ะตันแล้วก้าแม่55 กัดตัวเองอีกตามเคย" "แต๊ะก่ะ...มีคนกิ๋นแล้วเปิ้นผิวขาวขึ้นเลยหนา แก่แล้วกิ๋นก็ได้ จะได้บ่ะแก่ไปกว่านี้ไง" (^^A" ซับเหงื่อ...เหอๆ .....................หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป.................... "แม่ส่งของไปหื้อแล้วเน้อ มีบ่ะม่วง กับ ลิ้นจี่ แล้วก็ มะรุม"(มะรุมก็มะรุม สงสัยจะพูดง่ายกว่า บ่ะค้อนก้อม555) "ขอบคุณเจ๊า เดวจะกิ๋นเลย" คุยกับแม่สักพัก....... ก่อนอาหารเช้า-เย็น ครั้งละสองเม็ด ตายๆๆๆสองเม็ด....(แต่เพื่อความสาวความขาวและความสวยต้องทน) กินสองเม็ดแรกไม่มีอาการอะไร มื้อแรกเป็นมื้อเย็น จะกินครั้งต่อไปก็ พรุ่งนี้เช้า มื้อเช้า....สองเม็ด..... หลังจากคุยโทรศัพท์กับน้าอยู่ จู่ๆก็ หน้ามืด ตาลาย คล้ายจะเป็นไข้ แต่ก็ทนได้ เพราะน้าอุตส่าห์สกายมาจาก ต.ป.ท (หาใช่ ต.จ.ว ไม่) พอวางสายเท่านั้นล่ะ โอ๊กอ๊าก......ไม่หยุดเลย...... จากบ่ายสามถึงทุ่ม โห........ตายๆๆเป็นไรฟระเนี่ย จนท้องไม่มีอะไรจะอ๊อกออกมาแล้วก็ยังอุตส่าห์จะออกอีกแน่ะ T_T คิดในใจวันนี้กินแต่ กาแฟ ผัดบร๊อคโคลี่ แล้วก็ มะรุม เท่านั้น เพราะฉะนั้น ผู้ต้องสงสัยรายแรกก็มะรุม นี่แหละ... โห่...ฉันจะตายตอนนี้ไม่ได้....ฉันยังไม่ได้ขาวให้ใครเห็นเลย(อันนี้ใส่ไข่เอง...เอิ๊กส์) สี่โมง หน่อยโทรมา........"เป็นไงมั่ง ทำไรอยู่โทรมาหลายครั้งไม่รับสาย" "งืม...อืม....."(ยังไม่มีแรงพูด) "ก็มะรุม แกนั่นแหละ ชั่วโมงแล้วฉันเพิ่งได้พักขานี่ล่ะ อ๊วกตลอดเลย" "โห...จริงอ่ะ แกมันอ่อนยานี่ฟระ คนอื่นเค้ากินไม่เห็นเป็นไรเลย...อย่างมากก็แค่ถ่ายท้อง ว่าแต่แน่ใจนะว่าแกไม่ได้กินอย่างอื่นเข้าไป" "เออ....ฉันมันคงจะอ่อนจริงๆอ่ะแหละ...เดี๋ยวจะส่ง ไอ่มะรุม กลับไปยังแหล่งผลิต เตรียมรับเลยนะแก" "555ก็ได้ๆ ไม่ต้องกินก็ได้ แต่ฉันว่าแกลองกินเม็ดเดียวดูสิ...เด็กๆแถวบ้านเค้ากินเม็ดเดียว ไม่เป็นไรเลยนะ" "โห่.....แก.....เออๆ......."(เดี๋ยวจะยาว) ก่อนวางสาย "รักษาเนื้อรักษาตัวดีๆนะ พรุ่งนี้โทรมาใหม่55 เออ...อย่าลืมนะ วันนี้วันเกิดน้า4เรา"(มีน้าหลายคนแทนเป็นตัวเลขแระกันนะคะ" "เออ....ลืมๆฉันไปก่อนนะช่วงนี้" "555ได้ๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวอวยแทนให้" "อืม................." พอวางสายเท่านั้นล่ะ....อาการโอ๊กอ๊ากก็กลับมาอีก...คราวนี้ยาวถึงทุ่มเลย นอนสลบอยู่ที่โซฟา ได้ยินเสียงโทรศัพท์แว่วเข้าหู....แต่ไม่มีแรงไปรับ รู้ตัวอีกที สามทุ่มครึ่ง อาการวิงๆ เห็นโลกหมุนๆๆ หายไปแล้ว ไม่อยากอ๊วกแล้ว....เย้........อิสระเสียที ตอนแรกว่าจะไปอาบน้ำนอนแต่นึกขึ้นได้วันนี้ แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา นี่นา ก็เลยไปนั่งดู อาการก็ดีขึ้นจนเกือบปรกติแระ แต่ยังไม่กล้ากินอะไรแม้ ญาติ(พยาธิ)จะร้องกันระงมก็ตาม น้องหมาก็นอนข้างๆตลอดช่วงที่ไม่สบาย เวลาวิ่งไปอ๊อกก็จะวิ่งตาม ถ้าลูบหลังให้ได้ก็คงจะทำแล้ว....ซึ้งใจน้องหมาจัง เช้านี้ จิบกาแฟไปถ้วยหนึ่ง ค้นตู้เย็นมี ข้าวโพดหวาน....ก็เลยเอามานั่งแทะเล่น เพราะข้าวโพดเป็นตัวดีท๊อกที่ดีที่สุดเลยล่ะ เหลือบไปเห็นมะรุม อยู่ข้างเตาปิ้งขนมปัง อาการเฝื่อนๆที่คอเริ่มจะกลับมาต้องรีบเอาไปหลบในที่ๆมองไม่เห็น เฮ้อ..........ทั้งหมดนี่คือ เรื่องมะรุม ที่มะรุมมะตุ้มจนเกือบเอาตัวไม่รอด ไม่ใช่ว่า มะรุม ไม่ดีนะคะ แต่น่าจะเป็นตัวฉันเองที่ไม่ดีพอสำหรับ มะรุม......เง้อ (^m^)" ข้อมูลของ มะรุม ที่เป็นประโยชน์ เพื่อนๆสามารถหาอ่านได้จากเว็บข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ http://thaiherbclinic.com/node/141 รูปของต้น มะรุมหาได้จากเว็บข้างค่ะ http://hilight.kapook.com/view/28135 เดี๋ยวคนอื่นมาอ่านเรื่องนี้แล้วจะเข้าใจผิด เรื่อง มะรุม เลยต้องแอบแนบท้ายประโยชน์ของ มะรุม ที่ผ่านการค้นคว้าจากผู้เชี่ยวชาญมาแล้วว่าดีต่อสุขภาพจริง (o*^_________^*o) ลองดูนะคะ...คงจะมีน้อยคนที่จะเป็นแบบ โคลอน ไอ่เรามันชนกลุ่มน้อย......งือ T_T ไว้จะไปเด็ดใบกินสดๆเลยคอยดู ถ้ากลับบ้านคราวหน้า (เพราะ แม่และ ญาติๆหาต้นมะรุมมาปลูกกันที่สวนหลังบ้านหลายต้นเลย....เสร็จแน่แก ไอ่มะรุม) 555 ไม่รู้จะเป็นไงไว้ถ้ากินแล้วเป็นไงจะมาเล่าแล้วกันนะคะ...กินสดๆอาจจะดีก็ได้เนอะ...(ปลอบใจตัวเอง) (o*^_________^*o)
เริ่มจากประวัติเมืองเชียงแสนก่อนนะคะ ประวัติศาสตร์เชียงแสน จังหวัดเชียงราย เมืองประวัติศาสตร์ที่ผสมผสานระหว่างอดีตกับปัจจุบันในเขตจังหวัดเชียงรายที่สำคัญ ได้แก่ เมืองเชียงแสน เนื่องจากมีประวัติความเป็นมาค่อนข้างชัดเจน และยังปรากฏร่องรอยโบราณวัตถุโบราณสถานหลายแห่ง จากหลักฐานโบราณคดีสันนิษฐานว่า การสร้างเมืองคงเริ่มขึ้นระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๙ เป็นต้นมา ตามที่ระบุไว้ในชุนกาลมาลีปกรณ์ และพงศาวดารโยนก เพราะศักราชดังกล่าวใกล้เคียงกันใกล้เคียงกันมาก รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องกันมาสัมพันธ์กับรูปแบบอายุสมัยของของโบราณวัตถุสมัย ประวัติศ่สตร์ที่สร้างขึ้นทั้งในและนอกตัวเมืองซึ่งมีอายุหลังกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ลงมาทั้งสิ้น พ .ศ.๒๔๘๒ทางราชการเปลี่ยนชื่ออำเภอเชียงแสนเป็นแม่จันและย้ายที่ทำการไปอยู่ที่แม่จันห่าง จากที่ว่าการอำเภอเดิมประมาณ ๓๐ กิโลเมตร ตำบลที่ตั้งที่ว่าการอำเภอนี้เรียกว่าเชียงแสนใหม่ หรือเชียงแสนแม่จัน ส่วนเมืองเชียงแสนนั้นมีฐานะเป็นกิ่งอำเภอ ต่อมาในปี พ . ศ . ๒๕๐๐ จึงยกฐานะเป็นอำเภอเชียงแสน และรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูบูรณะอำเภอเชียงแสนขึ้น โดยมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการฟื้นฟูบูรณะและอนุรักษ์โบราณสถานที่สำคัญในเมืองเชียงแสน ตั้งแต่พ. ศ . ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ปัจจุบันร่องรอยของโบราณสถานในอำเภอเชียงแสนที่หลงเหลือให้เห็น มักเป็นซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างในพุทธศาสนา ได้แก่ พระเจดีย์ และพระวิหาร ซึ่งส่วนใหญ่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในพงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน และมีวัดอยู่ทั้งสิ้น ๑๔๐ วัด แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม ได้แก่วัดในเมือง ๗๖ วัด และวัดนอกเมือง ๖๕ วัด การเรียกชื่อวัดต่าง ๆ ได้ยึดถือจากตำแหน่งที่ระบุไว้ในพงศาวดารล้านนาซึ่งเขียนขึ้นภายหลัง ^ ^ ^ บรรยากาศเลาะเลียบแม่น้ำโขง ^ ^ ^ สองภาพบน เป็นบรรยากาศของท้องฟ้า ก่อนจะถึงสามเหลี่ยมทองคำค่ะ สองภาพล่างเป็นบรรยากาศใกล้บ้าน....ที่วันหนึ่งปั่นจักรยานออกไปเก็บภาพ อยากจะถ่ายภาพตะวันขึ้นอยู่หรอกนะคะคงจะสวยน่าดูแต่..... ตื่นไม่ไหว.....แฮ่...:p ก็บรรยากาศยามเช้ามันน่านอนคุดคู้เสียนี่กระไร...อิอิ ^ ^ ^ -ภาพซ้ายบนเป็นบ้านยายค่ะ ท้องฟ้าใสเชียว -ภาพมุมขวาบน แอบยื๊มต้นมะพร้าวของบ้านฝั่งตรงข้ามเป็นนางแบบ...ดูไปดูมาบรรยากาศคล้ายอยู่ริมทะเล แต่แท้จริงแล้วคนถ่ายยืนขวางถนนอยู่ :p -ภาพมุมซ้ายล่าง เป็นบ้านปลาที่ไอเดียคือมารดาของข้าพเจ้าเอง...อิอิ...ประหยัดซ้า ไม่ต้องขุดบ่อล่อปลาเลยเนอะ -ภาพมุมขวาล่าง ดอกเฟื่องฟ้าหน้าบ้านค่ะ สูงท่วมหัวเลย....พ่อแอบมาบ่นให้ฟังว่า "แม่ชอบสรรหาแต่ดอกที่มีหนามมาปลูกเต็มบ้าน พ่อไม่ชอบเลย" 55 ของมันแน่อยู่แล้วเพราะ พ่อ เป็นคนปลูกเองกับมือนินา...อิอิ ^ ^ ^ -สวนหลังบ้าน ที่แม่เป็นคนปลูก ไม่มีหนามซักต้น...555 คงรู้สาเหตุที่พ่อบ่นกันแล้วนะคะ แอบถ่ายภาพน้องหมามาด้วย ตัวนี้ชื่อ ดุ๊กดิ๊กค่ะ อยู่บ้านยาย แต่ความจริงก็บริเวณเดียวกันกับบ้าน โคลอนอ่ะค่ะ บ้านน้าๆก็อยู่ใกล้ๆ เลยไปมาหาสู่กันสะดวก...เย็นๆแต่ละบ้านก็จะทำอาหารมาแบ่งกันกินเป็นชั่วโมงของการรวมญาติเลยทีเดียว.... ดึกๆพอข้าวเหลือก็จะทำข้าวจี่กัน อร่อยดีนะคะ เอาข้าวปั้นติดกับไม้ไผ่แล้วเอาไปจี่(ปิ้ง หรือย่าง)จนข้าวกรอบ แล้วจึงเอาไข่ที่ตีผสมกับกะปิมาทาให้ทั่ว ย่างต่ออีกหน่อยลำแต๊ๆ ^ ^ ^ รวมมิตรภาพหมู เอ๊ย หมู่.....น้องหมา น้องเหมียว ค่ะ (=^___^=) ^ ^ ^ วันสิ้นปีปล่อยโคมลอยกันค่ะ...มองฟ้า พระจันทร์ก็ยิ้มหลิ่วตาให้อีกแล้ว....น่ารักจังเนาะ... แถมเฟื่องฟ้าอีกสักรูป... จ้อจบแล้ว....มาอวยพรปีใหม่กันอีกสักรอบโนะ "สวัสดีปีใหม่ เงินทองไหลมาเทมา สุขภาพกายาและชีวาแช่มชื่นรื่นรมย์ ทุกท่านนะคะ" (o*^________________________^*o) แวะมาเพิ่มเติมรูปนะคะ...รู้สึกน้องเหมียวจะเป็นที่ถูกใจใครหลายคนเลย เดี๋ยวทำเวอร์ชั่นเดี่ยวให้นะคะ อีกรูปรู้สึกหูจะตัดลองเป็นภาพเดียวดูแล้วกันเนาะ ^ ^ ^ ขวัญใจมหาชนชื่อ "สี" ค่ะ สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง แล้วก็ค่อนข้างสันโดษอยากจะอุ้มก็ไม่ให้อุ้ม หรือ ตัวเมีย จะเหมือนกันหมดนาเนี่ย(เหมือน มีมี่) ตัวข้างล่างเป็นตัวผู้ ลายเสือ ชื่อ "พ้อยน์" ขี้อ้อนสุดๆเลยค่ะ นิสัยเหมือน ทามะ เด๊ะ (=^_^=) อืม....มีรูปมะเขือมาฝากค่ะ...รูปร่างแปลกดีไม่เคยเห็นมาก่อนเลย คิดว่าคงจะเป็นพันธุ์อะไรสักอย่าง เพราะพี่ที่เอามาอวดบอกว่า ทั้งตั้นเป็นรูปร่างอย่างงี้หมดเลย...อเมซซิ่งมะเขือ (๑*^o^*๑) ปิดท้ายด้วยรูปแม่น้ำโขง ท้องฟ้า และ เรือ อีกสักรอบนะคะ...ชอบเป็นการส่วนตัว...อิอิ (o*^________________________^*o)
"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ***แล้วพวกเราชาวสยามได้ทำอะไรเพื่อให้พระองค์ท่านสบายพระทัยแล้วหรือยังคะ ***พระองค์ท่าน ต้องรับภาระอันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะเคยทำ และไม่เคยแสดงความรู้สึกลึกๆข้างในออกมา วันที่พระองค์ท่านขึ้นครองราชย์คือวันที่ รัชกาลที่ ๘ หรือ พระเชษฐาสวรรคต แม้พระองค์จะมีสีหน้าที่เรียบเฉย หากแต่ใครเลยจะหยั่งรู้ว่าพระองค์กำลังรู้สึกเช่นไร ***ตอนนี้พระองค์ท่าน ไม่มีญาติผู้ใหญ่เหลืออยู่แล้ว ดังที่พระองค์ท่านเคยมีกระแสพระราชดำรัสว่า "พี่สาวเคยบอกว่า ถึงเวลาอายุ 80 ท่านอายุ 84 ท่านไม่ค่อยสบายก็เลยต้องพูดถึงท่าน ขอให้ท่านสบายและสำเร็จในการรักษาตัว เดี๋ยวนี้เค้าเป็นผู้ใหญ่เหลือคนเดียว คือพี่สาว คนอื่นไม่เป็นผู้ใหญ่แล้ว - พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 4 ธันวาคม 2549 พรุ่งนี้ข้าพเจ้าก็จะ 80 กว่า กำลังหนุ่มกำลังแข็งแรง คนอื่นไม่แข็งแรง ยังไม่ 80 พูดถึง 80 ก็มีอยู่ว่า พี่สาวอายุ 84 ท่านค่อนข้างจะแก่ แล้วเมื่อวานนี้ไปเยี่ยม ที่จริงควรจะกลับมาพักที่สวนจิตรนี่ แต่ท่านไม่สบาย ก็ไม่สบายอยู่มาก ก็ต้องไปให้กำลังใจท่าน วันนี้ก็ไปไม่ได้เพราะว่ามีงาน พรุ่งนี้ก็ไปไม่ได้ มะรืนนี้ก็ไปไม่ได้ แต่ว่าประชาชนไปเยี่ยมอยู่มากมายที่โรงพยาบาลมีประชาชนไปเยี่ยมเต็มลาน ก็เลยทำให้สบายใจว่ามีคนเอาใจใส่คนที่ไม่สบายให้กำลังใจ ต้องชมคนไทยว่า คนไหนไม่สบายก็ให้กำลังใจ ถึงคนไหนไม่สบาย รู้ว่ามีคนเอาใจใส่ก็สบาย - พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 4 ธันวาคม 2550 ***หากฟังดูก็จะรู้สึกและรับรู้ได้เลยว่า พระองค์ท่านกำลังรู้สึกเหงา....แค่เห็นคนไทยรักกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแม้ในวันที่พระองค์ท่านประชวรก็ทรงแย้มพระสรวลได้ ภาพที่พระองค์ทรงแย้มสรวลเป็นภาพที่ติดตรึงตราทุกครั้งที่ได้เห็น และอยากจะร้องไห้ทุกครั้ง เพราะรอยยิ้มของพระองค์ เกิดขึ้นหลังจากที่ทรงตรากตรำพระวรกายไปในถิ่นทุรกันดาร ห่างไกล และอันตราย เพื่อช่วยเหลือ ดูแลทุกข์สุขของประชาชน พระองค์ทรงตั้งมั่นในความขยันหมั่นเพียร ปฏิบัติพระราชภารกิจอย่างเต็มกำลัง ไม่ทรงท้อถอย ทรงดำรงพระชนมชีพด้วยความเรียบง่ายในขันติธรรม ปรารถนาให้ประชาชนมีสันติสุขและทรงสนับสนุนประชาธิปไตย ดังปรากฏในพระราชดำรัสว่า "คนไทยเราไม่จำเป็นต้องตามอย่างประชาธิปไตยของชาติอื่น แต่จะพยายามสร้างประชาธิปไตยแบบไทยๆของเราเอง เพราะเรามีวัฒนธรรมประจำชาติ และความเห็นเป็นของตนเอง สามารถใช้วิจารณญาณของเราเอง" -จากหนังสือ "คำพ่อสอน" ขอนำคำสอนของพระองค์ท่านมาประกอบบทความนี้นะคะ "ความรู้สึกระลึกได้ว่าอะไรเป็นอะไร หรือเรียกสั้นๆว่า สติ นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่จะทำให้บุคคลหยุดคิดพิจารณาก่อนที่จะทำ จะพูด หรือแม้แต่จะคิด สิ่งใดสิ่งหนึ่งว่า สิ่งนั้นดีหรือชั่ว มีคุณมีประโยชน์หรือเสียหาย ควรกระทำหรือควรงดเว้นอย่างไร เมื่อยั้งคิดได้ ก็จะช่วยให้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างอย่างละเอียดประณีต และสามารถกลั่นกรองเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ไม่เป็นประโยชน์ออกมาได้หมด คงเหลือแต่เนื้อแท้ที่ถูกต้องและเป็นธรรม ซึ่งเป็นของควรคิดควรทำควรพูดแท้ๆ" พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่สามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเชิญไปอ่านในการประชุมสามัญประจำปี ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๐ กรกฎาคม ๒๕๒๐ "ประเทศไทยเราอาจไม่เป็นประเทศที่รุ่งเรืองที่สุดในโลก หรือรวยที่สุดในโลก หรือฟู่ฟ่าที่สุดในโลก แต่ก็ขอให้เมืองไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มีความสงบได้ เพราะว่าในโลกนี้หายากแล้ว เราทำเป็นประเทศที่สงบ ประเทศที่มีคนคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันจริงๆ เราจะเป็นที่หนึ่งในโลกในข้อนี้ แล้วรู้สึกว่า ที่หนึ่งในโลกข้อนี้จะดีกว่าผู้อื่น จะดีกว่าคนที่รวยที่สุดในโลก จะดีกว่าคนที่เก่งอะไรก็ตามที่สุดในโลก ถ้าเรามีความสงบ แล้วมีความสบาย ความมั่นคงที่สุดในโลกนั้น รู้สึกจะไม่มีใครสู้เราได้" พระราชดำรัส ในโอกาสที่ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ และนักเรียนทุนพระราชทานเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสฉลองศิริราชย์สมบัติครบ ๕๐ ปี ณ ศาลาดุสิดาลัย วันจันทร์ ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๓๙ ***ถอยคนละก้าว เพื่อพ่อของพวกเรากันนะคะ ถ้าใช้คำราชาศัพท์ผิด.....ต้องขออภัยด้วยค่ะ บางคำอยากสื่อออกมาให้ตรงกับใจที่สุด ณ ตอนนี้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ขอบคุณรูปภาพประกอบจากเว็บต่างๆด้วยค่ะ Glitter เรารักในหลวง http://glitter.kapook.com/content.php?id=6414&category_id=101
เคยมั๊ยคะ เซิร์ชหาเพลงหรือข้อมูลแล้วไปเจอเว็บเด็กแนวเข้า แค่หน้าแรกนะ "หวัดดีสาด" พอเราจะใส่เกียร์ถอยหลังออกมาก็เจออีกดอก "ไปแล้วเหรอสาด" เจ๊ย......นี่ฉันหลงมาได้ไงฟระเนี่ย....(^^" บางเว็บเราไปเจอรูปสวยๆแล้วก็อยากจะเซฟเก็บไว้ ก็เจอเลย "ชิชิ ทำอะไรเคอะ" ป่อยยย ก็ใครจะไปรู้ว่าไม่ให้คลิ๊กขวาล่ะฮ่วย....ใจร้าย.... :p วันนั้นเซิร์ชหาเพลง คิดถึงบ้านของ จรัล มโนเพ็ชร ฟังไปฟังมา เสียงไผหว่า...ปรากฏว่าไม่ได้อ่านที่เค้าบอกว่าเค้าร้องเอง...ถึงว่าฟังตั้งนานไหงไม่คุ้นนะเวอร์ชั่นนี้...(^^" ล่าสุดสดๆร้อนๆเซิร์ชหาเพลงรับลมหนาว ตอนกลางคืนดึกสงัด......มาเลยครับ หอนนนนนรับแขกเลยอ่ะเว็บอะไรไม่รู้ (^~^" แถมยังมีข้อความตามมาอีกว่า "หนาวมั๊ย555" เจ๊ย......ชัทดาวน์ๆเข้านอนเลยครับท่าน ง่วงพอดี....หนาวด้วย...เหงื่อแตกพลั่ก...อิอิ :p ไว้มาเล่าต่อ.... 16.00 น. แฮ่ม....ก๊อกสอง Google เป็นเว็บที่ให้ประโยชน์เสมือนทางลัดเข้าถึงข้อมูลได้เร็วและหลากหลาย บางเว็บเป็นไดอารี่ที่เจ้าของเว็บเขียนบรรยายความในใจเอาไว้ ซึ่งเราก็บังเอิญกลายเป็นแขกไม่ได้รับเชิญเข้าไปอ่านไปรับรู้เรื่องราวโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ตอนหลังจะตั้งใจอ่านก็เถอะ :p บางครั้งก็อยากจะส่งกำลังใจไปให้ แต่คิดใหม่ว่าไม่ดีกว่า เพราะยังไงเราก็แค่ผ่านมาโดยบังเอิญเท่านั้น ขอเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ และแอบแต่งกลอนให้โดยที่เจ้าของบล็อกเหล่านั้นอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีใครบางคนส่งกำลังใจไปให้ผ่านบทกลอน แปลกดีนะ...พยัญชนะไทย ๔๔ ตัว บวกวรรณยุกต์ สระ และ การันต์ ผสมกันออกมาเป็นถ้อยคำที่ทำให้คนอ่านมีความรู้สึกแตกต่างหลากหลายได้ นี่กระมังเสน่ห์ของภาษาไทย อาจจะเขียนข้อความไม่ต่อเนื่อง ถ้าอ่านแล้วไม่ลื่นไหลกรุณาใส่เสก็ต...อิอิ เพราะพิมพ์อยู่หน้าจอ ณ บัดนาวเลย.....นานๆจะมีอารมณ์อยากเล่าอยากแชร์ประสบการณ์แบบสดๆแบบนี้สักที อาจจะเป็นเพราะ Google กระมังที่อยากจะเขียนอะไรซะมั่ง ณ ตอนนี้ 16.23 น. ไว้จะกลับมาเพิ่มเติมวันหลังนะคะ ขอบคุณที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยของคนตัวเล็กๆคนหนึ่งบนโลกไซเบอร์นี้ (o*^__________________^*o) 30/10/08 07.10 น. วันนี้มีภาพประทับใจมาฝากค่ะ ไปเจอโดยบังเอิญนานแล้ว เป็นความรักของแม่กระรอกที่มีต่อลูกพร้อมที่จะปกป้องลูกทุกเมื่อ ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใครตัวใหญ่แค่ไหน ดูแล้วคิดถึงแม่เลยนะคะ..... ตั้งชื่อว่า ผจญภัยในGoogle หลังๆดูไม่ค่อยจะผจญภัยเท่าไหร่เลยนะเนี่ย :p ไว้มาเล่าใหม่ค่ะ
1.แมวผึ่งพุง 2.แมวสามัคคี 3.รูปสมัครงาน 2" 4.คำเตือน 5.Spy 6.เทโค้ง 7.ยิ้ม 8.ห้องน้ำชาย 9.Help Me 10.Lord Of The Rings 11.คนรักหมา 12.เหมียวคอตก 13.Toilet 14.อารมณ์ศิลปิน 15.เจ๋งเป้ง 16.เล่นทีเผลอ 17.Yoka 18.โอ๋ยโหยว 19.อุ๊บส์ 20.Sky Kick 21.พุงปลิ้น 22.ทำไปด๊ายยยย 23.ขาใหญ่ 24.บริหารเวลา 25.รากงอก 26.ทำไรกันอ่ะเพ่ 27.เหิรฟ้า 28.เชฟบ๊ะ 29.รมณ์บ่จอย(ไม่เจอกันนานนะแมวคราว....อิอิ...แอบแซว) 30.No Vote (เหอๆ) ปล.อันสุดท้าย...แค่คิดก็ผิดแล้ว...........เอิ๊กส์....... (๑*^______^*๑) ยิ้มวันละนิดจิตแจ่มใส (๑*^______^*๑) รวบรวมมาจากเว็บไซต์ต่างๆหลากหลาย......ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ