วันที่ ๒๖-๐๗-๕๓ หลังจากลืมตามาดูโลกกันหมดบ้านแล้ว...:p ก็จัดแจงยกกระเป๋าใส่รถ รวมทั้งอุปกรณ์น้องหมาที่ดูท่าจะเยอะกว่าคนเสียอีก รวมกัน๗ ชีวิต จุดหมายปลายทางคือ หาดจอมเทียน ทะเลที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก และ ไป- มาสะดวก หาดจอมเทียนจึงเป็นตัวเลือกแรกสำหรับนักเดินทางที่มีแพลนไปเช้า - เย็นกลับอย่างพวกเรา ทริปนี้ไม่เน้นกินแต่เน้นเล่นอย่างเดียว อิอิ....เพราะไหนๆก็พาน้องหมาไปด้วยแล้ว คิดหรือว่าเราจะได้นั่งกินอย่างสงบ....ฮ่า... ฮานะ ชะเง้อคอมองอย่างสงสัยว่าจะพาข้อยไปไสหว่า.....อิอิ สักพักก็ยิ้มออกเพราะพวกเราช่วยกันบิ้วอารมณ์ว่า ไปเที่ยวๆ ถ้าพูดคำว่า "ไปเที่ยว"น้องหมาจะ ดีใจเนื้อเต้นและยิ้มออกมาอย่างที่เห็นเลยค่ะ ส่วนนานะ หมูอ้วนประจำบ้าน ก็นั่งนิ่งๆอยู่เฉยๆ...ไม่ชอบขยับตัว อิอิ สองสาวร่วมเฟรม และแล้วก็มาถึงทะเล ใช้เวลา ๕๐ นาที เรียกว่าบินมากันเลยทีเดียว ... สองสาวมองอย่าง งงงวย และวางฟอร์มนิดๆ "ไปเล่นทะเลมั๊ย ฮานะ นานะ" ใครจะปฏิเสธลง อิอิ ตอนนั้นคิดในใจกันว่าเอาสายจูงออกดีกว่าเนาะ ยังไง ชี ก็ไม่มีทางไปไหนแน่ๆ ขี้คร้านจะกลัวจนตะกุยขาให้เราอุ้ม....โฮะๆ หารู้ไม่....ชี รอจังหวะนี้มานานแระ....เอิ๊กส์ เรียกได้ว่า ตัวป่วนประจำหาดก็คงไม่ผิดนัก เสียงเรียก "ฮานะ นานะ" กลับมาๆเต็มหาด ชั่วโมงนั้นไม่สนใจสายตาประชาชี เพราะ ชีทั้งสอง วิ่งไปข้างหน้าเห็นหลังไวๆ ไล่กันไปมา ไอ่เรารึก็ลืมดูตะกี้เก้าอี้อยู่ตรงไหนหว่า....เดี๋ยวเหอะได้หลงทั้งคนทั้งหมา กรั่กๆ สักพักคงเหนื่อยกันเองเลยวิ่งหอบกลับมา มีรึเราจะปล่อยให้ชีลอยนวล มาเลยๆเข้าร่มซะดีๆ ร้อนสุดๆอากาศตอนบ่ายสอง...เหอๆ กันแดดก็ไม่ได้ทา คอยดูเถอะสีผิวที่เป็นสองสี มันจะเหลือสีเดียว....ฮ่า คงไม่ต้องบอกบอกว่าสีอะไร มีใครแอบดูฝรั่งชุดดำข้างหลังบ้างสารภาพมาซะดีๆ อิอิ พอน้ำทะเลเริ่มขึ้นจนแอ่งน้ำหายไป ก็เลยพาน้องหมาไปเดินเล่นริมหาด ไม่ใส่รองเท้าแต่เดินกันเหมือนปูเต้นเต็มหาดเลยทีเดียวสองสาว..ร้อนค่อดๆ...อิอิ โปรดสังเกตุ ถุงพลาสติกในมือหาใช่ถุงขนมไม่ แต่เป็นถุงอึ ที่น้องหมาฝากจารึกไว้บนผืนทราย แต่อย่าหวังว่าจะจารึกสำเร็จ....ฮ่า....เดินกลับที่นั่งมือหนึ่งถือถุงอึ อีกมือถือสายจูง พลางสอดส่ายสายตาหาถังขยะ เนื่องจาก ณ เวลานั้นสายลมจอยดีเหลือเกิน....แค่กๆ(สำลักลมหายใจ)....อิอิ พอเล่นกันหนำใจแล้ว ก็ถึงเวลาของพวกเราเล่นน้ำ...ช่วงนี้น้องหมาอยู่กับน้าทั้งสองในร่ม แต่ตัวข้าพเจ้า ลอยทะเลกันสามคนพี่น้อง....อิอิ เก็บภาพทะเลยามค่ำมาฝากด้วยค่ะ ลาก่อนนะทะเล ไว้จะกลับมาเยี่ยมใหม่ (o^_______________________________^o) ขอบคุณที่ติดตามรับชมค่ะ....
แนะนำตัวละคร หัวหอม โยโย่ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๓ หัวหอม และ โยโย่ เพื่อนรัก ต่างพากันถกเรื่องสถาณการณ์รอบตัว ณ ขณะนี้ โดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่อย่างเงียบๆ แท่นแทน...... นี่ๆๆ...ได้อ่านข่าวป่ะ หัวหอม ช่วงนี้อย่าใส่เสื้อเดินถนนนะ อาจวูบไม่รู้ตัว อ่านหน้าดำหน้าแดงหมดแระตรู แต่ไม่มีผลกระทบหรอก เพราะปกติก็ไม่ใส่ไรอยู่แระเวลาไปไหน... ฮี่ๆ ตรูก็เหมือนกัน อากาศร้อน ใครใส่เสื้อเดินก็บ้าแระเนอะ... อาบน้ำบ่อยๆนะเฟร้ย โยโย่ เด๋วเหม็นจั๊กกะแร้แย่เลย ไม่มีปัญหา พวกเราไม่ฝักใฝ่เรื่องเสื้อผ้าอยู่แล้ว ปีที่แล้วตรูใส่แค่หมวก กะแบกกระเป๋าเฉยๆ อะไรไม่รู้ หล่นใส่หัวดังโป๊ก ตรูเลยโกยอ้าว รองเท้าก็ไม่ใส่ ตรูบอกแระ อย่าใส่ๆเสื้อผ้าอ่ะ เก็บเข้าตู้ไปเลย ชุดวันเกิดนี่แหละแม่ให้มาใครก็มาทำอะไรไม่ได้เฟร้ย ขนาดตรูใส่แค่ผ้าโพกหัว กะผ้าพันคอนะ ยืนทำเท่ห์เป็นอนุเสาวรีย์ ไม่ได้ทำอะไรเลยยังโดนพวกเหล่ซะน่วม ตรูคิดในใจ ไรว๊า เสื้อผ้า หน้า ผม ก็ของตรู เงินก็ของตรู ทั้งนั้น ไม่ได้ไปแบมือขอใครมาซื้อสักหน่อย มายุ่งไรก๊าตรู ฮ่าๆๆ พูดถึงเรื่องนี้นึกขึ้นมาได้ฟร่ะ วันก่อนตรูไม่สบายเป็นหวัดเลยแปะปากสีขาว อยู่ดีๆ พวกมาจากไหนไม่รู้ ดึงแก้มตรูแทบหลุด ตรูไม่แปะก็ได้ว๊า อุตส่าห์เป็นห่วง กลัวจะไปแพร่เชื้อให้คนอื่น พวกเราต้องทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ เอายายไปสวนฟร่ะ ท่าจะดี ไม่ได้อีกอ่ะ ขืนอยู่เฉยๆ ไม่ทำไรนะเรื่องมันก็มาถึงตัวอยู่ดี อย่างวันนี้นะว่าจะออกไปใช้เงินซะหน่อย ยังต้องหยุดอยู่บ้านเลย เล่นเกมส์มันส์กว่าเยอะ ตรูก็ว่างั้นแหละ เมื่อเช้าดูข่าวคอมแทบพัง เมื่อก่อนก็แจกใบเหลืองไปแระ เห็นทีหนนี้ต้องแจกใบแดง ตรูอดทนไม่ไหวแระฟร่ะ อยากจะลงไปเล่นเองรู้แล้วรู้รอด มันจะยากตรงไหนว๊า บอลลูกเดียวแย่งกันไปมา คนออกพรึ่บ ตรูก็ว่างั้น แค่ยกขาเตะเน้นๆ ทำไมมันจะไม่เข้าประตูฟระ เวลายังไม่หมด แค่ทดเวลาบาดเจ็บ มันเจือกยอมแพ้กันหมด เชียร์เสียข้าวสุกจริงๆ ตรูอุตส่าห์นึ่งข้าวเหนียวไปแจกในสนามนึกว่าจะอึด อุตส่าห์ยอมแทะข้าวโพด เสียสละไม่กินข้าวเหนียวไก่ย่าง ของโปรด โห ลงทุน ดีนะ ตรูไม่เสียข้าวสักเม็ด เชียร์เพียวๆ ใจก็เหี่ยวแล้วฟร่ะ พอ พอ ตรูไม่คุยแระเรื่องนี้ อะไรจะเกิด ก็ปล่อยให้มันเกิด ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สหายเอ๊ย ถูกกกกกกกก ว่าแล้วก็ร่วมด้วยช่วยเกา เอ๊ย มะช่าย ยังๆจะเล่นอีก...ร่วมด้วยช่วยกันตะหาก เคาะๆๆ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ขอบคุณเว็บแจกอีโมน้องหัวหอม กับ ลิงน้อยโยโย่ค่ะ http://www.suansanook.com/glitter/display-msn.html%20-%20กลิตเตอร์ http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=7&post_id=24726
วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ ๑๓.๓๐ น. วันนี้ไปรษณีย์มาส่งของให้สองกล่อง อืมม....สหายรักแห่งข้าทั้งสองส่งไรมาน๊อ....แอบตื่นเต้นตึ่กตั่กๆ เปิดกล่องแรกออกมา กริ๊ดสลบเลย สนูปี้ ที่เราแอบเล็ง เอ๊ย แอบชื่นชมมานาน อิอิ ขอบคุณนะ อ้อย (เทียนหยด) ทั้งๆที่อุตส่าห์ทำมาตั้งนาน ฝีมือของตัวเองกว่าจะเสร็จเพิ่ลก็คงเหนื่อย แต่เพราะเพิ่ลคุณเคยเอ่ยปากชมว่า "สนูปปี้น่าร๊าก" เมื่อปีที่แล้วที่เห็นครั้งแรกตอนเพิ่ลส่งรูปให้ดู...เท่านั้นแหละ เพิ่ลเก็บรักษาไว้เพื่อ วันนี้ เองเหรอ ปลื้มจนน้ำตาจะไหลเลยฟร่ะ..... ก่อนหน้านี้ เพิ่งก็ส่งตุ๊กตาหัวฟูชุดสีฟ้ามาให้ อืมม....ดูไปดูมาลุ๊คคล้ายๆเพิ่ลคุณตอนนี้เลย ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ กล่องที่สอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าของใคร เพราะกลิ่นการบูรหอมชื่นใจ เตะจมูกดังป๊าบ เลยสหายเอ๊ย...อิอิ กล่องใหญ่มาก พอเปิดออกมา อึ้งมากๆ ฉางน้อย ส่งรวมมิตรตุ๊กตาน่าร๊ากกกกกก ที่ทำเอง และฝีมือเป็นที่เลื่องลือยิ่งนัก ว่า ทำออกมาได้น่ารักถูกใจลูกค้าที่สั่งสุดๆ เราก็พลอยชื่นชม ยินดีไปกับเพื่อนด้วย ดีใจที่เพื่อนได้ทำในสิ่งที่ชอบ และ ได้รับผลตอบแทนจากการทำงานที่ต้องใช้ความอดทน เหน็ดเหนื่อย ใส่ใจ และผลตอบรับก็พลอยทำให้แอบยิ้มดีใจไปกับเพื่อนไม่ได้ เวลาที่มีออเดอร์ใหม่ แม้จะรู้ว่าเพื่อน ต้องเหนื่อยและนอนเช้าอีกแล้ว แต่ก็มีความสุขใช่มั๊ยสหาย เพียงแต่ไม่เคยคิดเลยว่า สหายจะส่งตุ๊กตาที่ทำมาให้ทุกแบบ ทุกตัวล้วนผ่านสายตาของฝนมาหมดแล้วในเรื่องสั้นที่สหายลงไว้ เผื่อใครสนใจสั่งสหายก็จะรับออเดอร์อย่างแข็งขัน ทำให้อดชื่นชมไม่ได้ว่า "สหายเราขยันฟร่ะ" เคยพูดเล่นนานแล้วว่า "วันเกิดของฝน ขอตุ๊กตาการบูร"นะสหาย "ต้องรีบบอกแต่เนิ่นๆเดี๋ยวออเดอร์มาใหม่ ตรูจะอด" แล้วเราก็หัวเราะเฮฮากันไป และจำได้ว่า สหายเคยบอกว่า "ไว้วันหลัง ทำตุ๊กตาอะไรจะส่งมาให้ฝนทุกชิ้นเลยนะ" ก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้รับ ของทุกชิ้นที่สหายทำ เพราะแค่ได้ชื่นชมอยู่ไกลๆก็ดีใจแล้วฟร่ะ ขอบคุณมากๆสหายรักแห่งข้า น้ำตาซึมอีกระลอก รูปนี้ขอเอาของขวัญจากสหายรักทั้งสอง มารวมอยู่ในเฟรมเดียวกัน แต่มีเรื่องน่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งนะ สหายทั้งสอง ตุ๊กตาตัวแรกที่ได้รับ หน้าตาเหมือนกันยังกะแกะเลยฟร่ะ เหมือนแม่กะลูก เด๋วให้ดู " Do you belive in destiny" หากพรหมลิขิตขีดเส้นให้เราได้มารู้จัก ทักทาย และ รักกัน วลีนี้คงเหมาะที่จะใช้เป็นชื่อเรื่องราวทั้งหมดที่อยากจะบอก สหายรักทั้งสอง "ด้วยรักและผูกพัน" "ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น" ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ อ้อย เทียนหยด
ทุกเช้าที่คนเราลืมตาขึ้นมา หลังจากหันหลังให้กับโลกใบนี้ชั่วคราวหลายชั่วโมง คงไม่มีใครตื่นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะหรอก แม้จะนอนฝันดีมาตลอดทั้งคืนก็ตาม ฉันตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้าครึ่งเสมอ แต่ก็ไม่เคยตื่นก่อนนาฬิกาสักที หลังจากที่ได้เลี้ยงน้องหมา ฉันก็ตื่นก่อนนาฬิกาทุกวัน ไม่ใช่เพราะเสียงเห่า หรือ ไม่ใช่เพราะการรบกวนจากน้องหมา แต่เป็นเพราะเสียงถอนหายใจเบาๆ นั่นเองที่ทำให้ฉันรู้ว่า ได้เวลาปลดทุกข์ของน้องหมาแล้วสินะ น้องหมาไม่กล้าแม้แต่จะเห่า หรือ ทำเสียงดัง เพราะต้องนอนในบ้านที่เราล๊อคจากข้างนอก กว่าจะได้ปลดทุกข์ เผลอๆอาจจะอดทนมาหลายชั่วโมงแล้วก็เป็นได้ แต่น้องหมาก็ไม่เคยฉี่ หรือ อึ ใส่ที่นอนสักครั้ง มีอยู่คืนหนึ่งน้องหมา ถอนหายใจเบาๆเหมือนช่วงเช้าของทุกวัน ด้วยความคุ้นเคยว่าคงจะตีห้าแระ ฉันก็งัวเงียลุกขึ้น กดนาฬิกาที่ยังไม่ทันได้ทำหน้าที่ปลุกเจ้าของ อุ้มน้องหมาลงบันได เตรียมตัวพาออกไปข้างบ้าน พอดิ๊สายตาเหลือบไปมองข้างฝา เป็นเวลาตีสอง....พิโธ่พิถัง.... อุ้มน้องหมาสองแขน ข้างละตัว เดินขึ้นบันไดอย่างสะโล๋สะเหล ตรงไปที่ห้องนอน และพูดหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ว่า "เป็นสาวเป็นแส้จะออกไปเดินเล่นข้างบ้านได้ไงห๊า เวลานี้ ไปนอนเลย ให้ไวๆ" น้องหมาแค่ได้ยินเสียงหวานๆ ก็รีบวิ่งปรู๊ดหางจุกตูดเข้าบ้าน แถมหันหน้ามายิ้ม เท่านั้นแหละ ปรอทที่ใกล้จะแตกก็ลดอุณหภูมิลง ฉันก็นั่งขำตัวเอง เออฟร่ะ ก็ถือว่าเป็นความผิดของฉันเองด้วยล่ะ ที่ไม่รู้จักสังเกตุสังกาก่อน นี่คงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนให้ฉัน รอบคอบมากกว่านี้ ปกติ ฉันพาน้องหมาออกไปเดินเล่นข้างบ้านตีห้ากว่าๆ พอฉี่ อึ เรียบร้อย (หมายถึงน้องหมานะ อิอิ) ไม่นานฟ้าก็สว่าง นี่ถ้าฉันไม่บังเอิญ เหลือบดูนาฬิกาข้างฝาก่อน ฉันคงได้นั่งสัปหงกอยู่นอกบ้าน รอตะวันที่นอนอุตุอยู่ที่ไหนสักแห่งบนฟ้า และคิดในใจว่า "มะหร่ายตะวันจะเริ่มงานฟร่ะ"เป็นแน่ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ วันอาทิตย์ที่ผ่านมาหมาดๆ อยู่ดีๆฝนก็ตกตอนบ่าย วันที่กาแฟหมด ตู้เย็นว่าง ขนมทุกอย่างไร้วี่แวว ฉันก็นั่งจ๋องดูสายฝนที่ตกลงมาอย่างเซ็งๆ เพราะบ่ายสาม เป็นเวลาคอฟฟี่เบรคประจำวันของฉัน ตอนนี้บ่ายสองกว่าๆแล้ว นั่งมองฟ้าจากข้างหน้าต่างบานเล็ก เห็นเมฆดำค่อยๆเคลื่อนผ่านไปช้าๆ และก็ให้แปลกใจว่า ฝนหยุดเร็วกว่าที่คิดไว้ซะอีก อีกสิบนาทีจะบ่ายสาม จักรยานก็เสีย เลยต้องเดินออกไป อย่างมีความหวังว่า จะได้กินกาแฟยามบ่ายแล้วเรา จุดหมายปลายทางคือร้านคุณยายที่อยู่ซอยถัดไปร้านขายของชำเจ้าประจำ ที่ฉันมักจะแวะเวียนไป เวลาของขาด และไม่มีโปรแกรมเข้าซุปเปอร์ ยาย หรือ อิ๊ ที่ใครๆเรียกกันแต่ฉันเรียกยาย เพราะความเคยชิน ถามว่า "หายไปไหนมาไม่เห็นหลายวันเลย" ฉันก็ยิ้มๆและบอกว่า "พอดีซื้อเสบียงมาตุนไว้ค่ะ เลยอยู่ได้หลายวัน แต่ตอนนี้เสบียงหมดต้องพึ่งยายแล้ว" ยายก็หัวเราะ เพราะรู้ดีว่าฉันไม่โกหก เรื่องไปซื้อของซุปเปอร์แทนที่จะเป็นร้านของยาย เราพบกันไม่บ่อย เพราะส่วนใหญ่ฉันจะเข้าซุปเปอร์เดือนละสองครั้ง ไปทีก็ซื้อของมาตุนเก็บไว้ ยิ่งช่วงไหนมีของลดราคาอยู่ไม่ได้ ชีพจรลงเท้าทันที...อิอิ แต่ก็มีบางครั้งที่อยากออกไปพูดคุยหรือซื้อของร้านยาย ทั้งๆที่เสบียงยังมีเต็มตู้ อย่างช่วงไหนที่มีกล้วยน้ำว้าขาย ยายจะเก็บไว้ให้ทุกครั้ง วันนั้นก็จะเป็นวันที่ได้กินกล้วยบวชชีฝีมือตัวเอง ใช้นมโฟรโมสต์รสจืดแทนหางกะทิ และซื้อกะทิกล่องมาใช้ น้ำตาลทรายแดง เกลือ เท่านี้แหละขนมสุดโปรดราคาย่อมเยาว์ ที่อมตะอยู่ในใจฉันตลอดกาลชื่อว่า "กล้วยบวชชี" ฉันชอบกินเย็นๆ แช่ไว้ในตู้เย็นเวลาเอาออกมากินจะชื่นใจมากๆ เพราะเป็นนมโฟรโมสต์ จึงไม่เป็นไขเวลากินเย็นๆ กลับมาจากซื้อของฉันเดินทอดน่องเข้าซอยอย่างสบายใจ ถึงบ้านเวลากาแฟพอดี เพราะใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็ซื้อของเรียบร้อย ห้าร้อยเมตรเห็นหลังคาบ้านไกลๆ จู่ๆฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย โหยๆ...อายชะมัด เดินตากฝนทำมิวสิควีดีโอ แต่ในมือหิ้วถุงพลาสติกเต็มสองมือ แต่ละบ้านวันหยุดก็จะอยู่บ้าน ยิ่งฝนตกก็ไม่มีใครออกมาเดินเล่นหรือจับจ่ายซื้อของ ฉันก็เดินก้มหน้างุดๆ ขำตัวเองพิก๊ล ภาพบรรยากาศการเดินตากฝนที่ฉันคิด ฉันจะยืนกอดอกแหงนหน้ามองฟ้า ให้น้ำฝนชะน้ำตาโดยไม่ต้องใช้มือปาด แต่ในความเป็นจริง ฉันเดินตากฝนในมือหิ้วถุงกาแฟ ขนมเต็มสองข้าง ก้มหน้าหาเศษตังค์ เอ๊ย ก้มหน้าหลบสายตาคนอื่นที่มองมาอย่างอมยิ้ม ฉันคิดในใจ "ยิ้มไรฟร่ะ" หงุดหงิดๆ พอกลับถึงบ้าน แค่ไม่กี่นาทีแต่รู้สึกว่านานเป็นชั่วโมง ไขกุญแจเข้าบ้าน ฝนดันหยุดตก ธ่อๆๆๆ เข่าทรุด...ใครแช่งเนี่ย จามฟุดฟิดๆ นั่งจิบกาแฟอย่างเซ็งๆ สักพักก็ขำออกมาในชะตาที่ฟ้าลิขิตเอง ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ หากวันนี้ฉันยังสามารถยิ้มและหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งที่คาดถึง และคาดไม่ถึงได้ ก็ถือว่าคนบนฟ้าไม่ได้ใจร้ายนักหรอกกับคนตัวกระเปี๊ยกคนหนึ่ง ที่ขอเพียงพื้นที่เล็กๆได้เก็บเกี่ยวรอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะ เพื่อบ่มเพาะทั้งสองสิ่งนี้ ไว้เป็นกำลังใจต่อไป ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ภาพประกอบฝนตกสวยๆจากเว็บเด็กดี : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=984650 และเว็บเย็นตาโฟค่ะ http://www.yenta4.com/cutie/list_img.php?cate_id=8
เคยแอบคิดมั๊ยคะว่าทำไมทั้งๆที่เราอยู่คนเดียว แต่เวลาเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ทำไมเราถึงเลือกเป็นคู่ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะนั่งจิบกาแฟยามเช้า โซฟาไว้เอนยามบ่าย แม้แต่หมอนที่เอาไว้กอดตอนกลางคืน บางคนมีเต็มเตียง จะนอนทีต้องจับโยนซ้ายโยนขวา หาพื้นที่ว่างให้ตัวเอง... ทั้งๆที่รู้ดีว่า พื้นที่ข้างๆไม่มีคนนอน โต๊ะตรงหน้าไม่มีคนนั่ง แต่ก็ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นกว่า หากจะเห็น โซฟาเดี่ยว,หมอนใบเดียว,ถ้วยกาแฟที่ไร้เซ็ต อยู่ตรงหน้าทุกวัน อย่างน้อย อาจจะมีคนคิดเหมือนกันว่า "Love is all around" "มีความสุขกับการเป็นที่รัก และการได้รักใครสักคน" นะคะเพื่อนๆ ขอบคุณภาพประกอบสวยๆจาก เว็บเย็นตาโฟ และ เว็บสนุกค่ะ เพลง เพราะอะไร - ป๊อด