เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ได้รู้ผ่านหูมา หาได้ผ่านตาตัวเองไม่.....กึ๋ยๆ.... เมื่อหลายปีก่อนน้องชายได้มาเช่าหอพักอยู่กับเพื่อนสี่คน แรกๆก็ปกติดีไม่มีปัญหาอะไร แล้วในคืนที่ไม่ธรรมดาคืนหนึ่ง น้องชายสะดุ้งตื่นกลางดึกท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงลมพัดอยู่นอกหน้าต่างหวีดหวิวช่างสั่นประสาทดีแท้ แต่อารามที่อยากเข้าห้องน้ำ จึงต้องอาศัยความกล้าค่อยๆลุกขึ้นคลำทางไปห้องน้ำโดยไม่เปิดไฟ เพราะกลัวจะไปรบกวนเพื่อนที่นอนหลับอยู่ พอทำธุระเสร็จขณะที่กำลังจะเดินกลับมานอนที่เดิม.... เพื่อนสองคนปูพื้นนอนข้างล่างเตียง ส่วนอีกสองคนคือน้องชายนอนบนเตียงกับเพื่อนอีกคน แต่ทว่าบัดนี้มีเงาดำนอนราบยาวลักษณะคว่ำหน้า แทนที่ตำแหน่งน้องชายอยู่อย่างถือสิทธิ์ น้องชายเห็นภาพนั้นแล้วขาก็ก้าวไม่ออก ปากก็ขยับไม่ได้ ลำคอก็ตีบตัน พลันนึกถึงคำแม่ขึ้นมาได้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นให้นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ น้องชายจึงตั้งสติท่องนะโมสามจบในใจ พอก้าวขาได้ก็วิ่งออกจากห้องไปเคาะห้องเพื่อนข้างๆอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ปล่อยให้เพื่อนอีกสองคนนอนหลับปุ๋ยอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พอรุ่งเช้าจึงได้มาเล่าให้เพื่อนอีกสามคนฟัง หลังจากวันนั้นก็ไม่มีคืนที่สองอีกแล้วเพราะน้องชายบอกว่า "แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ" ก่อนที่จะย้ายออกภายในวันนั้น ก็ได้ขอขมาลาโทษที่อาจจะไปล่วงเกินเจ้าที่เจ้าทางเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจก็เป็นได้ กว่าจะพิมพ์จบเล่นเอาคนพิมพ์เย็นยะเยือกต้นคอ เสียวสันหลังวาบๆกันเลยทีเดียว จบซะทีเรื่องสั้นสุดสยองรับฮาโลวีนค่ะ....บรื๋ออออออ
วันเสาร์ที่ ๐๙-๑๐-๕๓ ณ เวลา ๑๘.๑๕ น. ช่อง True Film Asia ฉันได้ดูการ์ตูนแอนิเมชั่นจากญี่ปุ่นเรื่อง EVAN GELION: YOU ARE NOT ALONE โดยบังเอิญเพราะเป็นแนวแอคชั่นที่ดูน่าสนใจไม่ น้อย แต่ก็ต้องสะดุดกับประโยคหนึ่งที่ผู้หญิงสองคนพูดถึง นักบินผู้ขับอีวา๐๑ที่ ชื่อ ชูอิจิ ว่า "คนที่มีปัญหากับการสร้างมนุษย์สัมพันธ์กับคนอื่นก็คงคล้ายกับ เม่น ที่มีหนามรอบตัวที่แม้อยากจะถ่ายทอดความอบอุ่นให้อีกฝ่ายมากเพียงใด แต่ยิ่ง เข้าใกล้ก็ยิ่งถูกหนามทิ่มแทงให้ต้องเจ็บปวด จึงต้องถอยห่างจากความสัมพันธ์" เป็นบทสนทนาสั้นๆท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด และ นักบินยังต้องพยายามเอา ชนะความกลัวของตัวเองให้ได้อีกด้วย แต่ทว่าเป็นประโยคที่ประทับใจจนฉันต้อง รีบคว้าปากกามาจดเท่าที่จำได้และเซิร์ชหาทฤษฎีความรักของเม่นจนได้รู้ ว่าแท้จริงแล้วมาจาก ปรัชญาของ โกวเล้งนั่นเอง ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ โกวเล้งกล่าวไว้ว่า ความรักของหนุ่มสาวก็เปรียบเสมือนความรักของเม่น เม่นเป็นสัตว์ที่มีขนเต็มตัว แต่ขนแหลมๆเหล่านั้นกลับไม่ช่วยให้เม่นรู้สึกอบอุ่นแม้แต่น้อย หนทางเดียวที่เม่นตัวหนึ่งจะได้รับความอบอุ่นท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น คือ การอาศัยไออุ่นจากเม่นอีกตัวหนึ่ง ทว่า เวลาที่เม่น 2 ตัวขยับเข้าใกล้กันเพื่อรับไออุ่นจากอีกฝ่ายนั้น ต่างฝ่ายต่างก็ จะโดนขนแหลมๆของอีกฝ่ายหนึ่งทิ่มแทงให้ได้รับความเจ็บปวด ดังนั้น หนุ่มสาวทั้งหลายจึงต้องเลือกเอา ระหว่างอบอุ่นอย่างเจ็บปวดกับไม่เจ็บปวดแต่หนาวเหน็บ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ อืมมม.... ถ้าเป็นคุณจะเลือกแบบไหน
ณ หมู่บ้านหนึ่งที่ใกล้ความเจริญน้ำไฟถึง (ฮ่า) ๑๗.๐๐ น. หิวอะไรหว่า คุ้ยๆตู้เย็นก็ไม่มีอะไรที่จะตอบโจทย์ของกระเพาะได้เลย แต่ในที่สุดสถานที่หนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว....เขียวแดงๆ หาใช่บิ๊กซีไม่... แต่สถานที่นั้นคือ 7eleven นั่นเองอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนักนั่งรถเมล์ไปป้ายเดียวก็ถึง แต่สิ่งที่แม่นยิ่งกว่าจิ้งจกร้องทักตอนก้าวขาออกจากบ้านคือ ถ้าคุณเจออุปสรรคตั้งแต่ยังไม่พ้นประตูบ้าน เตรียมตัวเตรียมใจรับสิ่งที่คาดไม่ถึงได้เลย(หาใช่เพราะเข็มขัดสั้นไม่ :p) แม้คุณไม่อยากจะรับก็ตาม ใช้เวลาแต่งตัวไม่นานแม่นงคราญก็พร้อมไปหาของกินแล้ว แต่จักรยานเจ้ากรรมยางดันแบนเลยต้องเสียเวลาสูบลมก่อน(ลางมาแระ) พอยางรถเด้งดึ๋งดั๋งก็พร้อมลุย(คิดในใจ เด้งไปป่ะว๊า) แต่ช่างเหอะ....ปั่นจักรยานไปจอดหน้าป้อมยาม แล้วพูดกับยามว่า "ฝากจักรยานด้วยนะคะ" ยามก็ตอบกลับมาว่า "ได้ครับ" แต่ได้ยินเสียงแว่วๆตามหลังมาว่า "ถ้าจักรยานหายหัวหน้ารับผิดชอบไปเลยนะ" คิดในใจ"ไรว๊ายามพวกนี้ เดี๊ยะๆ" ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ สองนาทีผ่านไป หลังจากนั่งรถเมล์ไปป้ายเดียวก็ถึงเซเว่นสมใจ.... "สวัสดีค่ะ" เสียงพนักงานขายทักทายลูกค้าอย่างแข็งขันและรอยยิ้มที่สดใสก็พลอยทำให้ใจแช่มชื่นไปด้วย เท้าไวกว่ากระเพาะ เดินตรงไปที่ชั้นขนมปัง โอ้....สวรรค์ของคนหิวโดยแท้....คิดไปถึงบรรยากาศยามเช้าของพรุ่งนี้ล่วงหน้า ถ้าได้จิบกาแฟหอมกรุ่นกับขนมปังอุ่นๆอร่อยคงสุดยอดเกินคำบรรยาย แต่จะกินอะไรดีน๊อพกตังค์มาไม่พอเหมาหมด(เว่อร์ซะ อิอิ) ถ้าคิดอะไรไม่ออกดูป้าย "สินค้าขายดี" เคล็ดลับ ลวง พราง อิอิ ได้ ขนมปังไส้กรอกมินิบัน,ขนมปังลูกเกด,ขนมปังโฮลวีทไซส์เล็กไว้ทำเฟร้นโทสต์ พอยังนะ....(ยัง) สายตาก็เหลือบแลๆไปทั่ว เห็นสินค้าขายดีอีกชิ้นที่เหลือชิ้นสุดท้าย "เดนิชลูกเกดอัลมอนด์" ว้าววววว พรหรมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ไม่รอช้ารีบหยิบใส่ตระกร้าก่อนจะมีใครมาปาด(เรียนรู้จากการเล่นแฮ้บไข่)ฮ่า คิดตังค์เสร็จสรรพได้เวลากลับบ้านแล้ว อากาศเย็นสบายแดดไม่มีแล้ว เดินออกกำลังดีกว่า เดินไปก็ฮัมเพลงไปได้ขนมถูกใจมาเป็นตับ เอ๊ย เป็นถุงแล้ว อิอิ แต่อาหารเย็นจะกินอะไรดีหว่า...ไม่อยากทำอาหารแล้ววันนี้ พอเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นใกล้บ้านก็เลยเลี้ยวเข้าจอด เอ๊ย เลี้ยวเข้าไปนั่ง "หมี่ตุ๋นทุกอย่างสองถุง" (สั่งอย่างโปรฯ) พอได้อาหารเย็นกลับบ้านก็ปีน เอ๊ย ขึ้นสะพานลอยเข้าหมู่บ้านไม่ลืมแวะเอาจักรยานคู่ใจ แล้วก็ปั่นเข้าซอยอย่างสบายใจ ผ่านลูกระนาดอย่างโปรฯ แต่ด้วยความที่สูบลมมาใหม่ความเด้งของยางก็ส่งผลให้ขนมปังลอยหวือ ออกจากตระกร้าจักรยานไปไม่สามารถบ่งบอกรูปพรรณสัณฐานได้ว่าเป็นอะไร เบรคกึก....ตั้งขาตั้งจักรยาน..... แต่...แต่....แต่ รถที่ตามหลังมา ก็เหยียบเข้าให้.... คิดในใจ(ขนมปังช๊านนนนนนนนนน) มองตามหลังรถคันนั้นไปอย่างอาฆาต เพราะตอนนั้นเห็นจะๆว่าขนมปังลอยไปตกกลางถนน และรถก็ชะลอความเร็วลง คิดในใจ "ใจดีจัง" แต่ดั๊นไม่จอด ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบก็ต้องหยุดกึกและยืนมองขนมปังถูกทับไปต่อหน้าต่อตา ด้วยความเสียดายขนมปังที่ซื้อมาก็ตรงเข้าไปสำรวจ(กินได้อยู่ป่ะว๊า) แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะขนมปังแบนราบติดถนน แต่สิ่งที่ระบุได้คือถุงขนมปัง "เดนิชลูกเกดอัลมอนด์" แว๊กกกกกกกกกก ขนมปังช๊านนนนน ฮืออออออ......วิมานที่วาดไว้หลุดลอย แล้วรถคันตะกี้ก็ผ่านหน้าไปอย่างช้าๆเสมือนกับว่า "ตรูไม่ได้ทำอะไรเฟร้ย" จบเรื่องเล่าของเย็นวานด้วยความร้าวรานเต็มหัวใจ T_T ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ดุ๊กดิ๊ก Little bear จากเว็บข้างล่างค่ะ http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=7&post_id=75972&title=Dook-Dik-Little-Bear-มาอีกแย้ววว-!!-
ฉันค่อยๆหยิบกระดาษเขียนจดหมายสีขาวขนาด A4 ที่นอนนิ่งอยู่ในลิ้นชักมานาน ออกมานั่งมอง และอดคิดไม่ได้ว่า "ได้เวลาเดินทางแล้วสินะ" การเดินทางที่มีจุดหมายปลายทางคือคนที่คุ้นเคย แต่ทว่าเป็นเส้นทางที่ไม่เคยคุ้น และแม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่เคยสัมผัสมาก่อนว่าเป็นอย่างไร เจ้าคงต้องออกผจญภัยด้วยตัวเองแล้วล่ะ "เรือบินเล็กของฉัน" จงบินไปหาผู้รับสารที่ฉันต้องการจะส่งถึง ช่วยเป็นตัวแทนของฉันทีนะ... เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันก็เริ่มเก็บรวบรวมปากกาที่อยู่กระจัดกระจายตามที่ต่างๆ ให้มานอนแอ้งแม้งอยู่ด้วยกันในตระกร้าสานใบย่อม ที่มีปากกาอยู่ก่อนแล้วสามสี่ด้าม บางด้ามก็หมึกจางเพราะวางอยู่ที่เดิมมานานโดยไม่ได้ผ่านมือคนใช้ น่าเสียดายจริงที่แม้แต่ปากกาก็มีเวลาที่หมึกจางหรือ หมึกหมด คงเหมือนกับคนเราที่บางครั้งก็เขียนอะไรไม่ออก คิดอะไรไม่ได้เรื่องหลายครั้งหลายคราตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปี ทุกครั้งที่เริ่มลงมือเขียน ก็อดขำไม่ได้กับอารมณ์ ณ เวลานั้นที่ได้ถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือและลายมือยึกยือเจ้าเก่า ที่มักจะโดนเพื่อนๆแซวว่า "ตัวหนังสือใหญ่เท่าหม้อแกง แถมช่องไฟหมาลอดได้อีกต่างหาก" ฮ่า....อย่าได้แคร์ เนื้อความในจดหมายอ่านทวนอีกกี่ที ก็ดูคลับคล้ายรายการบันเทิงดีๆนี่เอง ท่าทางผู้รับสารและผู้ส่งสารจะรวยอารมณ์ขันพอกัน อิอิ การเดินทางด้วยวิธีนี้จะไม่ประสบความสำเร็จเลย หากไม่มีพี่ไปรษณีย์ที่ใจดีทุกท่านคอยประสานงา เอ๊ย... ประสานงานช่วยส่งผ่านไปให้ถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัย ขอบคุณจริงๆค่ะ ถ้าเปรียบไปพวกพี่ก็คงเหมือนเป็น กัปตันประจำเรือบินลำเล็ก ลำนี้นี่เอง.... จะรอคอยการมาของเรือบินลำน้อย ณ อีกโพ้นฟ้า หวังว่าคงลงจอดถูกหลังนะ อิอิ ขอบคุณไลน์สวยๆจากเว็บข้างล่างค่ะ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kungguenter&month=03-2009&date=27&group=21&gblog=32 http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=miwchan&month=06-12-2007&group=4&gblog=6
ครั้งที่ ๑ ฉาง - แกรๆๆ พวกแกรเหงตรูป่ะ (พร้อมเขย่าหน้าจอ) อ้อย - เอาอีกแล้วแกรเอ๊ย ฝน - เหงดิ แกรแหละไม่เหงพวกตรู ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ครั้งที่๒ เวลาห่างกันไม่นาน รู้สึกจั๊กกะเดียม ใครหว่ามาจี้เอว อ้าวเหลือบไปเปงไอ่ลิงสุราดนี่เอง ฉาง - แกรๆ ตรูหลุดอ่ะ ดึงหน่อยดิ๊ ฝน - เดี๋ยว รอพวกตรูนินทาแกรจบก่อง ณ อีกหน้าต่างหนึ่ง ที่ชื่อ ทะเลไร้คลื่น ค้างอยู่ในห้อง อ้อย - ไอ่ลิงมังไปไสเนี่ย และแล้วเสียง ตะดิ้งๆ ก็ดังอยู่ข้างๆ ฝน - มาห้องนี้แกร อ้อย - อ้าว ฉาง - ใครถีบตรูฟระ อ้อย - ไอ่ฝน ฝน - ไอ่อ้อย ฉาง - พวกแกรสองตัวแหละถีบตรู (ก้าก)แสนรู้จริงนะ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ครั้งที่ ๓ อ้อย - บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฝน - ถั่วงาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฉาง - เงียบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบฉี่ สักพักเขย่าจอไม่หนำใจ มังเล่นเอากีต้าร์มาตีหัวเพื่อนฝูงรายหัว เอ๊ย รายตัว (เรียกว่า เอ็มมีโหมดไหน มังหยิบมาใช้หมด) ฝน - ไอ่ลิงหยุ๊ดดดดดดด อ้อย - แกรเหย่าจอไมฟร่ะ ฉาง - พวกแกรเหงตรูป่ะอ่ะ ฝน- เอ่อ... แกร ตรูว่านับถอยหลังได้เลยอีกห้าวิ มังไปแน่ ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง ทะเลไร้คลื่น ออฟไลน์ อ้อย - ฝน.......... "ไปดีเถิดหนา ช๊านขออวยพร" ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ครั้งที่ ๔ พอเหงมังออนไลน์มารีบฉุดเข้าห้องก่อนเลย อ้อย - เปงไงมั่งฟร่ะ ฝน - อากาศข้างนอกดีป่ะแกร ฉาง - เงียบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบฉี อ้อย - ไอ่ลิง ถ้าแกรไม่คุยเดี๋ยวตรูแช่ง ฝน - ช่าย คุยมาๆ ฉาง - ตรูขอดูเฉยๆได้ป่ะ ไม่กล้าแตะคีย์บอร์ด ฝน - ถึงแกรอยู่เฉยๆแกรก็เดี้ยงนี่ว๊า ฉาง - เฮ้อ แล้วลิงสุราดก็เงียบจริงๆ.....เงียบจนน่ากลัว ฝน - แกรๆ ไอ่ลิง ถ้าแกรจะมานั่งถอนใจทิ้งเฉยๆแบบนี้นะ สู้เอามาต่อให้ตรูดีฝ่า อ้อย - ตรูก็ว่างั้น ฉาง - งุงิ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ อ้อย - บลาๆๆๆ ฝน - ถั่วงาๆๆๆ ฉาง - วางไข่ปลาให้เจ๊มังด่าเล่นดีฝ่า ................................................................................... อ้อย - เดี๊ยะ ไอ่ลิง วอนซาแว๊ว ฝน - สักพัก............ ฉาง - พวกแกรๆเหงตรูป่ะ ฝน - อ้อย ดึกแระตรูว่า ถึงเราไปตอนนี้ไอ่ลิงมังก็ไม่รู้ฟร่ะ ตรูง่วงแระแกร.... ตรูไปนอนก่อนนะ อ้อย - ตรูก็ง่วง ไปๆๆ.......... ฝน - ไปนอนก่อนนะลิง บ๊ายบาย จุ๊บๆ อ้อย - ตรูไปนอนแล้วหนาลิง บายๆ ฉาง - ................(ยังไม่รู้ชะตากรรม) และแล้ว ลิงเชียงราย แอนด์ ลิงคลองสาน ก็ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ สักพักกำลังจะคลานขึ้นเตียงมีเมสเสจหนูน้อยตาดำๆ ตามมาต่อว่า "พวกแกร ลิงสองตัวทิ้งตรู" ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาา จบการนินๆเพื่อนออกอากาศ ณ ตรงนี้นะคะท่านผู้ชม รีปไปก่องที่เพิ่ลจะมาดีฝ่า.....อิอิอิ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ปล. เนื่องจากภาษาที่ใช้ข้างบนเป็นภาษาที่ใช้พูดหรือพิมพ์เฉพาะกลุ่มในเอ็มเอสเอ็นเท่านั้น เยาวชนกรุณาอย่าลอกเลียนแบบนะคะ...และขออภัยที่ทำให้ผู้อ่านอาจระคายเคืองทางสายตา มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ