27 กันยายน 2550 09:45 น.
โคลอน
รสชาติของกาแฟ ณ เช้านี้
กำลังดีกลมกล่อมแหละหอมหวาน
ไม่เหมือนถ้วยที่จิบเมื่อวันวาน
ช่างขมขื่นเลยพาลไม่รื่นรมย์
รสชาติของกาแฟสูตรของใคร
แล้วแต่ใจชงไปใคร่ผสม
ถ้าหากหวานเกินไปไม่นิยม
เติมกาแฟก่อนชมชิดชิมเชย
รสชาติของกาแฟหากลงตัว
แม้อากาศมืดมัวก็เฉยเฉย
เหม่อมองฟ้าไม่อ่อนล้าอย่างเคย
ไม่ลืมเลยแอบเผยถึงความนัย
รสชาติของกาแฟช่างนุ่มนวล
แหละเชิญชวนให้หยุดไม่ไปไหน
ขอซึมซับความละมุนละไม
ให้อุ่นใจก่อนไกลคงได้เจอ
20 กันยายน 2550 07:56 น.
โคลอน
สูดอากาศเข้าปอดนอนกอดเมฆ
ปลีกวิเวกบนฟ้าเลิกคว้าไขว่
ค่ำลงนอนนับดาวสบายใจ
เช้าวันใหม่ยิ้มให้ดวงตะวัน
เมื่อสายฝนโปรยปรายก็หายโศก
ปล่อยใจให้บินโบกในความฝัน
ซุกตัวอยู่ในหมู่เมฆหมอกควัน
ท่ามกลางความเงียบงันมิหวั่นกลัว
อยากหามุมสงบหลบไปพัก
มากมายนักปัญหาน่าปวดหัว
ต่างรุมเร้าเข้ามาอย่างเมามัว
จนเซซัวเซซังมิสร่างซา
โลกเรานี้เห็นทีจะเวียนวน
ค่าของคนวัดกันยากนักหนา
ฤา ต้องอยู่นิ่งเฉยคอยเวลา
ไม่รู้สึกรู้สาน่าตรอมตรม
17 กันยายน 2550 15:06 น.
โคลอน
ขอบคุณคนแปลกหน้าที่ทักทาย
ให้ผ่อนคลายจากความขุ่นมัวหมอง
อาจเป็นความบังเอิญตามครรลอง
ที่วันนี้เธอมองอย่างเข้าใจ
เราอาจได้พบกันเพียงสั้นสั้น
แต่ช่วงเวลานั้นกลับสดใส
เพราะโลกนี้ไม่ได้หมุนผ่านไป
แล้วทิ้งคนเหงาใจไว้ลำพัง
ขอบคุณคนแปลกหน้าที่เข้ามา
ฝากสายตาอันอบอุ่นอีกครั้ง
แม้ไม่มีคำปลอบประโลมดัง
เฉกเช่นฟังจากคนที่คุ้นเคย
ยังรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยน
จนเอนโอนยากจักทำชาเฉย
ความรู้สึกที่เหมือนถูกละเลย
กลับชดเชย ณ วันที่พบเธอ
4 กันยายน 2550 16:12 น.
โคลอน
คนช่างฝันคนหนึ่งมีเรื่องเล่า
ก่อนเคยเศร้าซึมเซื่องไม่สดใส
จนวันหนึ่งมองเห็นแสงรำไร
มาช่วยเปิดจิตใจที่ทึมเทา
ไม่ใช่แสงตะวันอันเจิดจ้า
หรือแดดกล้าเหมือนเช่นในวันเก่า
เป็นเพียงแสงริบหรี่ที่บางเบา
อยู่เคียงข้างยามเงาเราเคลื่อนไป
ไม่ใช่แสงจันทราที่เรืองรอง
แต่ยากจะจับจองเมื่อตรองไตร่
เป็นเพียงแสงสว่างส่องกลางใจ
ที่โหยหายามไกลก็เพียงพอ
คนช่างฝันวันวานแสนวุ่นวาย
คงเสียดายหากมัวแต่เศร้าต่อ
อาจไม่เห็นว่ามีใครเฝ้ารอ
เพราะมัวแต่ตัดพ้อท้อชะตา