9 กันยายน 2551 12:59 น.

สมติฐาน...สู่การเมืองใหม่

โกเต็ก

ดูเหมือนสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ใกล้ถึงจุดสุกงอมเต็มแก่ เมื่อทางออกถูกเสนอให้  อย่างครบถ้วน เท่าที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยเคยผจญ

หากไม่นับทางออกที่รับไม่ได้ อย่างการใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นกัน(พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) การยุบสภา การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และการทำประชามติ  หรือแม้กระทั่งการยอมถอยออกจากทำเนียบรัฐบาลของพันธมิตรฯ(อย่างมีเงื่อนไขพิเศษ) ควรจะได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุดทุกข้อ

สองข้อแรกถูกเรียกร้องให้นำมาใช้ตั้งแต่ต้น จนถึงขณะนี้ก็ยังถือเป็นตัวเลือกที่สอดคล้องกับสันติวิธีมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย  แต่ถึงขณะนี้สถานการณ์ดูจะผ่านเลยจุดนั้นไปมากพอสมควร เมื่อเหตุผลข้อที่สามถูกงัดมาใช้ จากฟากรัฐบาล

แต่การถูกจับตามองว่า 1.เป็นการยื้อหรือซื้อเวลาของรัฐบาลชุดนี้  2.เป็นความมั่นใจในฐานเสียงที่ตัวเองมีอย่างไรเหตุผล และ 3.เป็นเพียงการเผาเงินภาษีเล่น ๆ กว่า 2พันล้านบาท ทางออกนี้เลยค่อนแข้นไปสู่เส้นทางแห่งหายนะระลอกใหม่เลยด้วยซ้ำ

แม้จะเป็นเหตุผลที่รัฐบาลไม่อยากฟัง แต่ด้วยสมติฐานของกฎหมายประชามติที่กำลังง่อนแง่นอยู่ในสภา และการป่าวประกาศอยู่เสมอจากว่า มีอย่างน้อย ๆ16-17 ล้านเสียง (ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่) หนุนหลังอยู่ สมติฐานข้างต้น 3 ข้อ รัฐบาลจึงต้องรับให้ได้ และพร้อมที่จะตอบด้วยเหตุผลใหม่ที่น่าฟังกว่าเก่า

หากไม่นับความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต  ทั้งหมดทั้งมวลคือสิ่งที่สังคมไทยเคยเรียนรู้มามากพอสมควร หาใช่ช้อยใหม่ที่ไม่เคยตอบแต่อย่างใด  ถึงได้บอกไงว่าสถานการณ์ ณ ตอนนี้ใกล้สุกงอมเต็มที่

แต่สมติฐานนี้จะเปลี่ยนไปทันทีหากไม่กี่วันนี้ 	โลกหมุนย้อนกลับ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่บังเกิด โดยกลุ่มพันธมิตรฯยอมถอยจากทำเนียบ และรัฐบาลสมัครยอมถอยออกจากการบริหารประเทศ  อย่างไม่มีเงื่อนไขทั้งคู่  เมื่อใดด เมื่อนั้นเกิดขึ้น หมายความว่า การเมืองไทยได้พัฒนาอย่างเต็มรูปแบบเสียที				
9 กันยายน 2551 12:24 น.

อึมครึม

โกเต็ก

บรรยากาศของช่วงเช้าวันอาทิตย์อึมครึมไม่แพ้สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ และมีทีท่าจะคงสภาพไปเรื่อย ๆสอดคล้องกับดวงเมืองกรุงเทพฯเฮ้ย! การพยากรณ์อาการของกรมอุตุฯต่างหาก 

ซึ่งในที่นี้ขออนุญาตแวะขึ้นเหนือสักนิด เพื่อแสดงความเสียใจกับ 2 ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์น้ำปาคร่าชีวิตที่อ.ท่าวังผา จ.น่าน ซึ่งอยู่ระแวกบ้านเกิดของผู้เขียนเอง... แค่ได้ยินข่าว และหันไปมองสภาพความเสียหายผ่านจอโทรทัศน์เพียงเสี้ยว ก็ทำให้พอทราบ รับรู้ เรียบเรียง ออกมาเป็นเค้าโครงหายนะได้เป็นอย่างดีแล้ว
ส่วนบรรยากาศการเมืองคงอย่างที่เกริ่น(อุปมาอุปไมยกับสภาพอากาศ) แต่ไอ้เรื่องดวงพยาการณ์น่ะ ของจริงไม่จริงไม่รู้ แต่เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันอาทิตย์(เย็นวันเสาร์) เขาพูดตามสิ่งที่เห็นอยู่แล้ว ว่า วุ่น! ไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายเกรงจะต้องกลับมานัวเนียกับเมียเก่า อย่างปฏิวัติรัฐประหาร

ซวนซัดซวนเซไปแนวทางนั้นจริง ๆ เพราะทางออกถูกบีบให้เหลือน้อยลงทุกที เด็กโข่งบ้านนี้เมืองนี้ดื้อไม่ดื้อ ก็อย่างที่เห็นและเป็น เอาเป็นว่าเราคงไม่ต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหรอก แค่ก้าวเว้นก้าวก็พอ วันนี้ดูสนทนาประสานายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช เสร็จก็แวะเข้าโรงหนังสัก 2 ชม. ดูบุญโชค ในบุญชูภาคล่าสุด แล้วจะรู้ว่า ความบริสุทธิ์ของศิลปะหนังไทยยังอยู่ (แค่เอื้อม) 
ก่อนเว้นวรรควันจันทร์ แล้วโผล่หัวออกจากรู คราวนี้ได้ตามติดต่อกันยาว ๆนักศึกษาหยุดเรียน คณะรัฐมนตรีนกขมิ้นไปเยือนอุดรธานีและอีกนานาจังหวัดหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ(ไปทำไม)(เฮ้อ)				
26 สิงหาคม 2551 17:00 น.

ครั้งสุดท้ายแบบไหน(ประชาธิปไตยของคนหมู่มาก)

โกเต็ก

การบุกยึดสถานที่สำคัญของทางราชการเพื่อกดดันให้รัฐบาลลาออก บวกกับท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่ดูจะเหลืออดกับการยั่วยุเต็มที คือสองอย่างที่กำลังหยั่งเชิง เพื่อรออีกฝ่ายหลุดอย่างแท้จริง  หลุดโดยการสูญเสียหน้ากาก หรือเปลือก ที่ซ่อนตัวตนที่แท้จริงไว้  พูดเป็นภาษาบ้านๆ ดูซิจะทนได้กี่น้ำ แต่เมื่อเป็นนักการเมือง แต่เมื่อเป็นแกนนำขับเคลื่อน   จึงเป็นธรรมดา ที่การแสดงออกย่อมซับซ้อน แต่ก็มีความหมายไม่ต่างจากคำพูดแบบบ้าน ๆ นั่นแล


ทีแรกนึกว่า ใครเริ่มก่อน เจ๊งก่อน นั้นไม่ใช่ เพราะคนพวกนี้ตลบตะแลงได้แทบทุกสถานการณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บุคคลจำพวกนี้ ลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมคล้าย ๆ จะสง่าผ่าเผย ยกตัวอย่าง เพราะใบกระท่อมเป็นสมุนไพร เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่เคยโกงกิน  เรียกว่า กล้าพูดแต่ไม่กล้าอาย 

	
ถ้าเปลือกหรือหน้ากากหลุดก็คงจะสมควรแก่ครั้งสุดท้ายจริง ๆ เพราะทำให้รู้ไส้รู้พุงทุกอย่าง  แต่จะครั้งสุดท้ายแบบไหนล่ะ เพราะวันนี้เหตุผลของบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปหมด  ขนาดพลาดแล้วพลาดอีก ก็ยังตลบตะแลงแล้วตลบตะแลงอีก ที่สำคัญหลาย คนยังไปเชื่อเขาอีก ตรรกะแบบนี้ ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น เพียงแต่สังคมไม่เคยเรียนรู้ (เจ็บไม่จำ) จึงตามพวกนี้ไม่ทัน...  สุดท้าย...ก็คงต้องรอครั้งสุดท้ายต่อไป				
19 กรกฎาคม 2551 19:58 น.

ยังไม่ได้ตั้งเลย (โทษทีครับ)

โกเต็ก

( สวัสดีครับ) อันที่จริงผมควรจะกล่าวคำว่า สวัสดี หรือแสดงออกถึงการทักทายอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน ใช่ไหมครับ แต่บอกตามตรง ผมไม่อยากทำอย่างนั้นเลยให้ตายสิ เพราะสำหรับผม ไม่ได้จำเป็นเลยแม้แต่น้อย ที่การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ควรที่จะ หรือต้องที่จะ เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างนั้น 

อาจเป็นเพราะรากเหง้าไม่ได้เลี้ยงดูปูสื่อให้เป็นอย่างนั้น เอาเหอะจะว่าเพราะบิดา มารดา ไม่สั่งสอนยังไงก็ช่าง นี่แหละคือตัวผม อย่างน้อยผมก็ได้ทักทายคุณไปแล้ว แล้วคุณล่ะมัวแต่ยืนทำคิ้วขมวดอยู่นั่นแหละ ทักทายผมบ้างสิ

ฉันไม่ได้คิ้วขมวด...อันที่จริงคุณไม่ต้องร่ายซะยาว ชักแม่น้ำสายนี่ โน่น มาเรียงร้อยต่อกันถึงขนาดนี้หรอกค่ะ แค่ยืนเฉย ๆ ไม่ก็ยิ้มแค่มุมปาก ดิฉันก็....อ่อ หรือไม่ก็จะทำท่าทางเมินเฉยต่อดิฉันก็ได้นะค่ะ เพราะดิฉัน ขอบอกตามตรงว่า จะเป็นเรื่องของพริกไทย ใส่ขนมปัง กับเป็บซี่  ดิฉันก็ไม่สนใจหรอกค่ะ เพราะอะไรอย่าให้พูดดีกว่า เอาเป็นว่า ทักทายไว้แค่นี้คงพอสมควรแล้ว (สวัสดีค่ะ)

แหม! ทำไปได้... คดีต่อไปสยิวกับแม่ม่ายซิงๆผัวสาม ลูกสี่กินปลาร้าไม่ใส่ไห... แทนที่เขาและเธอจะได้ดูรายการคดีเด็ด ซึ่งเป็นรายการเดียวที่สามารถทำให้ชีวิตของพวกเขา รู้จักคำว่า โทรทัศน์ เขากลับต้องรีบแต่งตัวให้ดูดีที่สุดในชีวิต เพราะเสียงกริ่งแห่งความตาย กำลังชี้ทางแจ้งแสร้งทำเป็นว่า เขาและเธอต้องรีบหนีแล้ว 

อย่าหาว่าผมโง่ หรือดิฉันงี่เง่าเลยค่ะ ขอเวลาแต่งตัวอีกสัก 2 นาทีได้ไหม คร่ะ เอาๆๆ ผมให้เต็มที่ไม่เกิน 1 นาทีล่ะกัน เร่งๆกันหน่อย ผมรู้ว่าคุณอยากดูคดีนี้ให้จบก่อนใช่ไหมล่ะ และก็ไม่ต้องต่อรองเพิ่มล่ะ ผมล่ะจะบ้าตายกับคุณสองคน ดูเข้าไปได้อย่างไร ดูซิ พิธีกรงี้ อย่างกับ โจ๊กไม่ใส่ข้าว ก๋วยเตี๋ยวไม่ใส่เส้น...เฮ้อ

ถึงวินาทีสุดท้ายเร็วเกินคาด พอเสียงกริ่งแห่งความตายเงียบลง  เสียงและกลิ่นที่ตลบอบอวนจากด้านนอกห้องค่อย ๆ เคลือบคลานเข้าสู่ทุกอณูของห้องสี่เหลี่ยมขนาดเท่าที่พวกเขาตกแต่งแล้วตกแต่งอีก ก็หนีไม่พ้นคำสบปรามาสจากคนรู้จักที่เคยย่างกายมาสัมผัสจะเรียกว่า ยิ่งกว่ารูหนูอีก และเขาสองคนจะย้อนทันควันว่า เคยเห็นเหรอค่ะ ครับ (เขาพูดไม่พร้อมกัน) ว่ารู้หนูมันเป็นอย่างไร 

แต่ครั้งนี้เขาทั้งสองคงเถียงไม่ทันควัน เพราะขนาดที่ว่าอุตสาห์ยอมตัดอกตัดใจจากรายการโปรดแล้ว กลุ่มควันไฟสีขาวปนเทาค่อยๆถอดร่างอันขาวนวล แม้จะใช้เวลาพอสมควร แต่สายตาทั้งสองคู่แต่มองเห็นได้เพียงสองข้าง มิอาจสัมผัสได้ว่า กลุ่มควันมัจจุราชนี้  สลัดภาพลวงอันสวยและน่าหลงใหล เป็นสีดำทมิฬตอนไหน

น่าเสียดายที่คุณไม่มีโอกาสได้เห็นภาพสุดท้ายของชีวิตเพราะดวงตาอันมึดบอดมาตั้งแต่...(ลืมตาดูโลก) ครั้งนี้เธอพูดแทงใจดำเขาสุด ๆ จนเขานิ่งไปสักครู่ และเอ่ยเพียงสั้น ๆว่า  คุณหนีไปเถอะ ผมขอตายอยู่ตรงนี้ 

อะไรอีกวะเนี่ย จะขัดใจกันจนตายเลยหรืออย่างไรวะ ไอ้นั้นก็บอด อี่นี่ก็หนวก 

สิ้นเสียงดังกล่าว เธอก็เอ่ยด้วยเสียงสั่น(ๆ)สั้นๆ ฉันจะตายอยู่กับคุณตรงนี้ 

บรรยากาศในห้องรังหนูเปลี่ยนเป็นสีเทาดำทันทีเพราะคำว่า หนวกและบอด ทั้งที่พวกเขาสองคน เคยชินกับคำๆนี้ในฐานะ ชื่อ (ผมพยายามเรียกสรรพนามนำหน้าชื่อ แทนชื่อเขาทั้งสองก็เพราะเหตุนี้)  เป็นไปได้อย่างไร ที่จะต้องมาน้อยอกน้อยใจ จนต้องนั่งพินิจคิดสั้นแบบนี้

คงเป็นเพราะการเอาใจใส่ ประโยคพูดนั้นมากเกินไป ประโยคแรกแม้จะเป็นคำกล่าวที่แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจ แต่อาจทำให้มนุษย์คนหนึ่ง รู้สึกว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่บนโลกนี้ต่อไป

ประโยคที่สองถือว่าสมเหตุสมผลกว่าที่เธอจะ เก็บเอาไปร้องไห้คนเดียว แล้วค่อยๆกรีดข้อมือด้วยใบมีดโกนหนวดสีแดงที่เธอเคยมือ 

สมมติฐานทั้งสองคงง่ายขึ้นหาก ทั้ง 3 ยอมปริปากบอกผมสักคำว่า ทำไมคนหนึ่งถึงตาบอด อีกคนหูหนวก และอีกคนขาและแขนพิการ.อ่านต่อ				
11 พฤศจิกายน 2550 16:35 น.

หมักเกมส์นี้

โกเต็ก

คึกคักไม่เบาสำหรับการเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบสัดส่วน และหวังว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยคงไม่คิดทำร้ายตัวเองง่าย ๆ อย่างที่นักการเมืองหลายต่อหลายคนคิดเพียงว่าด้วยตัวเลขสวย ๆ ที่สุ่มได้จาก กกต. จะช่วยให้พวกเขา ได้รับคะแนนมากขึ้น... มันดูถูกคนไทยเกินไป
	หลังจากนั้นพรรคต่าง ๆ คงต้องรีบทบทวนกฎกติกาการเลือกตั้งให้ถี่ถ้วน เนื่องจากรู้กันชัดเจนอยู่แล้วว่าในเบื้องลึก เกมของการเลือกตั้งในครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มอำนาจเก่ากับกลุ่มอำนาจใหม่ ซึ่งกำหนดขอบเขตไว้อย่างเคร่งครัด ยังผลไปให้กลุ่มก๊วนต่าง ๆ ที่ทำตัวเป็นปลาไหลพลอยรีบเร่งปรับตัวให้ทัน กลายเป็นกิ้งก่าได้อย่างน่าอัศจรรย์ (นักการเมือง) ไทยแลนด์
	นั่นก็ต้องว่าไปตามกฎบ้านกฎเมืองตามที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แกะกล่องว่าเอาไว้ ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ต้องว่าไปตามถูก อย่าให้ซ้ำซากกันอีกเลยกับการที่ต้องมาวิเคราะห์ว่าควรใช้หลักนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์เป็นจุดยืนของการตัดสินปัญหา
	แต่ไอ้ที่แหกกฎเล่นเอาส่ายหน้าเน้น ๆ ไปหลายต่อหลายครั้ง ก็ท่านหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ชอบทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ หาเรื่องทะเลาะกับเหล่ากระจอกข่าวไม่เว้นแต่ละวัน เลยเถิดไปถึงขั้นท้าให้คนที่เป็นหูเป็นตาให้กับสังคมไปเอารายชื่อประชาชนมายืนยัน หลังจากที่นักข่าวคนนั้นตอบคำถามยียวนกวนประสาทของนาย สมัครว่า รับจ้างประชาชนมา สะท้อนให้เห็นถึงวุฒิภาวะ ของคนที่บอกว่าหากพรรคพลังประชาชนได้รับเสียงข้างมากในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนนี่แหละที่จะผงาดขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทยเอง! 
คนเคยผ่านอดีตเดือนตุลามาโชกโชนอย่างนาย สมัคร ไม่น่าทำตัวเป็นก้างขวางคอประชาธิปไตยแบบนี้เลย  ไม่รู้หรืออย่างไรว่า สื่ออยู่ในสถานะไหนของสังคมประชาธิปไตย
	เขียนจนกว้างไปถึงคำว่า ประชาธิปไตย ของบ้านนี้เมืองนี้แล้วก็อดส่ายหน้าเน้น ๆ อีกครั้งไม่ได้ กับร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่ทางฝั่งรัฐบาลพยายามดันแล้วดันอีก แต่ก็ถูกฟาก สนช.ถีบกลับแล้วกลับอีก ด้วยเหตุผลเพรียว ๆ คือละเมิดสิทธิมนุษยชนและมอบอำนาจให้กับทหารมากเกินไป เนื่องจากหลายฝ่ายเชื่อว่ามี กฎอัยการศึก และ พ.ร.บ.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไว้ใช้ในยามคับขันแล้ว 
จนถึงวันนี้ฝั่งรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ก็หาคำอธิบายต่อเสียงด่าทอหนาหูไม่ได้สักที ไม่รู้ว่ามีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า!
	คำตอบของสองเหตุการณ์นี้แฝงอยู่ในบางตอนของย่อหน้าที่สองครับ และทั้งสองก็เป็นแค่เพียงเครื่องมือหรืออาวุธที่ถูกหยิบมาใช้ต่อสู้กัน ในยามที่กฎหมายและกฎจารีตของสังคมกดดันให้นายของทั้งสอง มิอาจแสดงตัว?
	ไม่ต้องเดาให้เป็นการยากเลยว่า จะมีใครหน้าไหนปฏิบัติตามกฎกติกาการเลือกตั้ง ในเมื่อกฎในที่นี้เป็นเพียงหนทางขวางลำของอีกฝ่าย ส่วนไอ้ฝ่ายที่เหลือก็ตั้งหน้าตั้งตาขอส่วนบุญเกาะแกะประเทศชาติ รับประทาน เป็นสมัย ๆ ไป				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโกเต็ก
Lovings  โกเต็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโกเต็ก
Lovings  โกเต็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโกเต็ก
Lovings  โกเต็ก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงโกเต็ก