12 กันยายน 2551 14:20 น.
โกเต็ก
เห็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษเพื่อค้นหาตัวผู้นำ ลม ล่ม ล้ม ล๊ม ล๋ม ไม่เป็นท่าวันนี้ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องปกติเชียว เพราะต้องคิดแบบ2มิติ(พอ)(ฮา)คือมองแบบปกติซ้อนปกติอีกทบ ปกติแรกคือใครๆก็ไม่รักสมัคร สุนทรเวช ปกติที่ ใครๆก็ไม่อยากได้นายกรัฐมนตรีชื่อสมัคร ส่วนปกติที่สองคือเกมส์ต่อรองหาเก้าอี้รัฐมนตรีนั่นเอง
ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น จะมีโอกาสมากหรือน้อยนั่นเป็นอีกเรื่อง แม้ก่อนหน้าเกิดเหตุอย่างว่า นักต่อนัก ได้เตือนสติพัง เฮ้ย พลังประชาชนแล้ว ว่า ห้ามเชียว!กับนายกรัฐมนตรีปาก (ม๋า)
แล้วเป็นไงฟังใครซะที่ไหน คราวนี้เตรียมรบกับศึก(กำลัง)ภายในพรรคไว้เลย
คนล้มอย่าข้ามแต่ทำไงได้ ดันใช้เชื่อเก่าไทยรักไทยหากิน งานนี้เลยต้องทั้งเหยียบแถมกระทืบซ้ำ ส่งผลให้โต๊ะเจรจาต้องย้ายคิวไปถกกันใหม่ในวันพุทธที่ 17 แทน ให้เวลากันล้างไพ่หาเจ้าใหม่(ฮา) เกือบหนึ่งสัปดาห์...หวังว่าคงแบ่งเค้กกันรู้เรื่อง(ไมว่างั้นอ้า)
สิ่งที่เห็นและเป็นในวันนี้คือสิ่งที่พลังประชาชนโดน! และสิ่งที่พรรคร่วมกระทำ ส่วนประชาธิปัตย์ไม่ต้องยุ่ง เพราะยุ่งอยู่แล้ว(ฮา) ด้านพันธมิตรฯเก็บใส่กล้องไว้ก่อน รอเหงาค่อยหยิบมาเล่น(ตี)กันใหม่
พูดถึงบรรยากาศเมื่อช่วงเช้านิด ที่บรรดา5พรรคร่วมรัฐบาลเก็บตัวเงียบ ไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำลับ ๆล่อ ๆอยู่แต่ในมุ้ง ไม่ยอมเข้าประชุมสภา(บอยคอต) เห็นแว่วว่าขณะนั้นพลังประชาชนแก้เกมส์กันจ้าละหวั่น ลือหนาหูอีกไชยา สะสมทรัพย์ ขู่ฟ่อ(ตอนนั้น) มาไม่มาแม่มเดี๋ยวยุบสภาเลย ...แต่แทนที่พวกพรรคร่วมจะร้องจ๊าก กลับต้องร้องโจ๊กแทน ...เพราะรู้ดี ยังไงๆนายใหญ่ฝั่งตะวันตกยังสบอารมณ์ที่ให้อยู่ต่อมากกว่าจากไป
การกระทำในวันนี้ของพรรคร่วมคือการหักหน้าสมัครอย่างรุนแรงที่สุด และสร้างความนิยมชมชอบให้กับคนในประเทศเป็นอย่างมาก แต่อย่างลืมที่เกริ่นเรื่องทับเรื่องซ้อนไว้ตอนต้นเด็ดขาด มองดี ๆ แล้วจะเห็นว่า จะมองมุมไหน วันนี้พรรคร่วมรับไปเต็ม ๆ (+) ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าเกิดจากมันสมองของบรรหารล้วน ๆ เห็นหรือยังนี่แหละการเมืองไทย และนี่แหละปลาไหลในตำนาน (ฮา)
10 กันยายน 2551 16:08 น.
โกเต็ก
การกระเด็นตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ของนายสมัคร สุนทรเวช อันเนื่องมากจากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย(เอกฉันท์)ให้การเป็นผู้ดำเนินรายการชิมไปบ่นไปและยกโขยงหกโมงเช้าของเจ้าตัว เข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ที่ห้ามไม่ให้รัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีเป็นลูกจ้างของบริษัทเอกชน
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าฤทธิ์ ของยาแรงอย่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ 18 (2550) ของประเทศไทย ทรงอนุภาพแค่ไหน
แม้ที่มาและที่เป็นอยู่ของรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวจะไม่สวยงาม เนื่องจากเป็นแผลที่ตกสะเก็ดมาจากชายที่ชื่อว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร แล้วถูกนำมาพัฒนาเป็นยา แรงอย่างที่ไวรัสสมัครโดน
เนื่องจากสามารถเทียบเคียงได้ว่ากฎหมายฉบับดังกล่าว(267หรือแม้กระทั่ง265)ร่างขึ้นมาก็เพราะช่องโหว่ในการใช้อำนาจรัฐเพื่อเอื้อต่อธุรกิจเอกชน อย่างที่ ทักษิณทำจนรวยเอื้อซ่าส์
นั่นหมายความว่าปกป้องไม่ให้นักการเมืองใช้ตำแหน่งที่ได้มาจากการลงทุน(ซื้อเสียง) ถอนทุนโดยการกระทำอย่างที่ทักษิณทำ
ซึ่งถือว่าเกิดจากเจตนารมณ์ที่ดี... เรียนรู้จากความเจ็บปวดครั้งเก่าและหาทางแก้ไข
แต่ก็นั่นเอง...ถามว่าใครจะเชื่อว่าสมัครกะใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีปรุงแต่งสองรายการอย่างว่าเพื่อเอื้อแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างที่ทักษิณเคยทำ
เพราะแม้แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่เชื่อ แต่ด้วยการยืนอยู่คนละฝั่ง เหตุผลของการ กระทำผิดกฎหมายซ้ำซากของนายกรัฐมนตรีจึงถูกหยิบนำมากล่าวอ้างบนเวที ทันที หรือจะพูดง่าย ๆ ว่าเป็นถึงนายกรัฐมนตรีกฎหมายแค่นี้ยังไม่รู้ประสาอีก จึงสมควรแล้ว(สม)ที่พวกเรา(พันธมิตรฯ)ขับไล่
แม้สมัครสมควรที่จะทิ้งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเพื่อเปิดทางสว่างให้กับสังคมไทย แต่สมัครไม่ควรตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วยกฎหมายมาตรานี้
อารยะชนที่อ้างว่าเติบโตมาจากอดีต และได้เรียนรู้ตามระบอบประชาธิปไตย จะอ้างว่าสมควรแล้วที่สมัครโดน หรือจะพูดว่าเวรกรรมมีอยู่จริงไม่ได้เด็ดขาด เพราะตามหลักพระพุทธศาสนา กรรม ต้องมีสาเหตุ และที่สำคัญต้องสอดคล้องและอธิบายได้ตามกระบวนการของเหตุผล หรือจะเรียกว่าวิทยาศาสตร์ก็ได้
เพราะฉะนั้นจงอย่าสะใจที่สมัครกระเด็นตกเก้าอี้ด้วยเหตุผลนี้ เพราะจะเป็นการสนับสนุนความไร้เหตุผลภายในจิตใจเท่านั้น เพราะแม้ผลที่ได้รับจากการพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเท่ากัน แต่ในเมื่อผลที่ได้รับจากการเรียนรู้ โดยผ่านกระบวนการนี้ไม่สมเหตุสมผล ในอนาคตความไม่สมเหตุสมผลนี้อาจเปลี่ยนขั้วมาทำร้ายคนดี ที่ถูกจ้องเล่นงานจากคนไม่ดี ก็เป็นไปได้
ขอยกตัวอย่างสั้น ๆ อย่างการสาดโคลนใส่กันของพวกในสภา กรณีการถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็น หรือทำธุรกิจในบริษัทที่ได้รับสัมปทานของรัฐนั้น คือตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นแล้วว่า ความรุนแรงจากยาชนิดนี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อป้องกันหรือรักษาเท่านั้น ส่วนจะใช้ทำอะไรนั้นเห็นๆกันอยู่
สุดท้ายหากปล่อยให้ยาแรงนี้ทำหน้าที่ต่อไป เมื่อใดเมื่อนั้นที่ไวรัสนักการเมืองปรับตัวได้ คนที่เสียใจก็จะเป็นพวกเราเอง
9 กันยายน 2551 13:48 น.
โกเต็ก
ทีแรกก็นึกว่าท่าน สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีจะเล่นมุขเก่าเหมือนช่วงกลางดึกของวันที่ 2 กันยายน ขณะเดินทางไปประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จ.หวัดอุดรธานี โดยการประกาศให้สถานการณ์มันฉุกเฉินจริงๆ(ก่อนหน้านี้ยังไม่ฉุกเฉินพอ ฮา) ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าที่มั่นแห่งนี้ คือฐานอันพอจะทำให้นายยกรัฐมนตรีและ
คนของพลังประชาชน แหกป่าด่ากระเชอได้ 100 เปอร์เซ็นเต็ม
ทั้งรัฐมนตรีช่วย ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ไม่เว้นแต่ดีเจก็เออออห่อหมกไปกับพวกท่านด้วย เอาเป็นว่า ที่แห่งนี้ยังมีความรักอยู่ จนถึงขั้น ใครใส่เสื้อดำ(กลุ่มต่อต้าน) ตีได้ ทุบได้ ตามอำเภอจาย
ก็เหตุผลนี้นี่แหละที่ทำให้อดคิดไม่ได้ เดือนก่อนนู้นก็ตุบตับๆกันที คราวนี้พี่ขอ น้องจัดให้ได้เป่าเล่า...แต่ยันมาถึงวินาทีนี้ยังเงียบฉี่ สงสัยพี่ไม่ขอ(แต่น้องจัดให้ก็ดีนะ)(ฮา) ในเมื่อมุกตื้อพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธาณคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ภายหลังประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่เกิด อีกระรอก ...เราคงต้องย้ายตูดไปที่ตลาดแทน(ฮา)
ว่าก็ว่าเหอะฝนจะตกแดดจะออกนายกสมัคร แคร์ใครซะที่ไหน ที่ไหนก็ที่นั่น เป็นต้องไปมันทุกที ไอ้ตลาด!สดเนี่ย
ตามประสาสมัครเหอะ บ่ายสองวันนี้ไม่ใช่เพราะ เรื่องรับประทานเหรอ ถึงทำให้ต้องมาลุ้นตัวโก่งว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินให้การจัดรายการชิมไปบ่นเข้าแก๊ก ตามกฏหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 267 หรือไม่(เสียว)
โดนเมื่อไรจงไปยกพวก จงไปยกคณะ(โอมเพี้ยง!) นั่นคือความจริงขอเพียง 5 จาก 9 เสียงของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ไม่รู้ว่าไอ้ที่สบายใจ เพราะมั่นใจในพลังหมัก เฮ้ยพลังหมัด ในสภาหรือปล่าว ที่กุมไว้อย่างไม่มีๆนะเนี่ย 233 เสียง(แต่แตกคอกันอยู่) ขออีกนิสจากพรรคร่วมรัฐบาล(ม.172) ไม่เกิน 30 วันก็โผล่หัวออกมาใหม่ แหม!..ว่าไปนั่น
แต่คงไม่ต้องรอนานถึง 30 วัน เมื่อศาลอาญาจ่อเชือดคดีหมิ่นประมาท อดีตรองผู้ว่ากรุงเทพ สามารถ พลสิทธิ์ อีกลูก ...ขอบอกกันลืมไว้ก่อนว่า ศาลชั้นต้นตัดสินก่อนหน้าแล้วให้จำคุก 2 ปี มีของแถม ไม่รอลงอาญา(ว้าว) ถ้าอุทรธ์แล้ว รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง หากยังมีหน้าสลอนเข้าไปนั่งในสภาอีกรอบ แบบนั้นคงสุดยอดสมัครเสียแล้วเจ้านายยยยย!
9 กันยายน 2551 13:05 น.
โกเต็ก
ครบรอบ 7 วันเปะ!ที่ท่านนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช กลายเป็นเจ้าไร้ศาล หาที่ลงไม่เจอ เมื่อถูกยุทธศาสตร์ ยึดไทยคู่ฟ้า ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เล่นงาน
จนเวลาผ่านเลยไป ไวเหมือนโกหก หมายจับศาลอาญาข้อหากบฏก็ดี คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่งให้พันธมิตร ย้ายตูดออกจากทำเนียบรัฐบาลพร้อมกับเปิดการจราจรด้านถนนพิษณุโลกก็ดี หรือแม้กระทั่งท่าทีอันแข็งกร้าวของท่านสมัคร กับพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็แล้ว เอาพันธมิตรฯไม่อยู่ทั้งนั้น เนื่องจากพี่ท่านเล่นงัดมุกเด็กดื้อ(หนูไม่ยอมๆ) จนพ่อแม่อย่างศาลแพ่งยอมใจอ่อนไปหนึ่ง ให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับคดี จนเด็กได้อมยิ้มสมใจ(ฮา)
เรียกว่าร้องไห้ขี้มูกโป่งจนได้ผล ทีนี้ก็เหลือแค่ศาลอาญาและท่าทีของรัฐบาลสมัครเท่านั้น อันแรกสงสัยจะยากเพราะเจอของแข็ง ข้อหากบฏเดิมพันกันสูงถึงประหารชีวิต! แต่ก็ใช่ว่าจะปิดประตูรอดซะทีเดียว เมื่อมี case study ของท่าน สุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ให้เห็นกันอยู่ ยิ่งเคสนี้เพื่งลงจากเตามาหมาดๆ มีหรือศาลจะไม่เห็นใจ บวกกับคำร้องในประเด็น สำนวนของพนักงานสอบสวนนครบาลอาจมีนอกมีนัยด้วยแล้ว ประตูรอดนี้จึงยังแง้ม ให้รองัด...หรือจะปีนข้ามไปเลยก็ได้ ถนัดอยู่แล้วนิ(ฮา)
ส่วนอย่างที่สองเรื่องท่าทีของรัฐบาลสมัครนั้น อ่านใจพี่แกยากเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ผีเข้าผีออก...โอ้ย!สารัดนึก นี่ขนาดเข้าเฝ้าฯแล้ว น้ำผืนนี้ก็ยังนิ่ง(ไหลลึก)
จะมีหลุดที่ไม่ใช่จากปาก(ม๋า) เห็นจะเป็นกรณีของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ว่าที่ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ถูกฟ้าผ่าลงกลางโต๊ะทำงานดังตู้ม! สดุ้งฟื้นมาอีกที...ไหงไปโผล่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติซะงั้น
แต่น้ำเสียงและอารมณ์หนังเกาหลีที่ทิ้งไว้ก่อนไปนี่สิ กระแทกอารมณ์ใครบางคนเข้าให้อย่างจัง ผมทำร้ายประชาชนไม่ได้ ผมทำตามคำสั่งแบบนั้นไม่ได้ อันนี้คงแล้วแต่วิเคราะห์ เพราะจะเรียกว่าทิ้งหมัดน็อกก่อนเข้ามุม(การเมือง) ก็ไม่ผิด ...แต่ขอย้ำคำพูดพี่แกนี่ได้อารมณ์จริง ๆ
ส่วนผู้มาแทนหาใช่ใครที่ไหน เห็นหน้าจ้ออยู่ทางจอทีวีและหน้าหนังสือพิมพ์ประจำ พล.ต.อ.จงรัก จุทานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(แทนพล.ต.ท.อัศวิน) คนนี้ดูเข้าแก๊กกว่าเยอะ พูดได้! สั่งได้ !อับดุล เฮ้ย! อับดุล เฮ้ย! (ฮา) จับตาดูกันให้ดีๆ หมาก(หมัก)เกมนี้เริ่มขยับอีกครั้งแล้ว!
ความวัวยังไม่หายความควายเข้ามาแทรกซะเนี่ย หน้าเก่าแค้นเก่า นามแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือนปก.ไม่รู้ คาถาหมอผีคนไหน(เขมร) ไปเหยียบหาง เฮ้ย ปลุกให้ตื่น ไม่ทราบ ถึงออกมาอีกระลอก คอยเป็นเพี้ยสร้างความรำคาญ ให้พันธมิตรฯอยู่เนืองๆ คราวนี้เล่นมุกเดิม การต่อสู้ภาคประชาชน(จำแลง) อยู่ทุกซอกทุกมุมทั่วประเทศโดยเฉพาะสายอีสาน แต่ขอโทษระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ดูซิจะไปได้สักกี่น้ำ(เลี้ยง) (ฮา)
สำหรับที่สภารวม ปล่อยให้เขาทะเลาะกันไปเถอะ เนื่องจากถ้าไม่บอกว่าเข้ามาช่วยแก้ไขวิกฤตนี้ คงนึกไปแล้วว่า เป็นการอภิปรายสมัย สามัญ วิสามัญ ทั่วไป
เข้าสู่วันที่ 7 สถานการณ์ยังไม่เด็ดสะระตี่ ฟากทำเนียบยังดื้อ ไม่ได้ก็ไม่ยอม ฝ่ายนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เป็นผู้ใหญ่เอาแต่ใจตัวเอง อ่อเกือบลืมโผทหารได้รับการโปรดเกล้าเรียบร้อย เตรียม 10 ได้ขึ้นแต่พองาม หรือไม่งามดูกันดี ๆ การเมืองไทยหลายต่อหลายยุค แก้ไม่เคยได้ด้วยระบบสภา มียาแรงเดียวที่ใช้ได้ตั้งแต่ต้นจนถึงล่าสุด 19กันยายน 2549 นั่นก็คือการทำรัฐประหารนั่นเองครับ
9 กันยายน 2551 13:02 น.
โกเต็ก
เริ่มกันแล้ว สำหรับการประชุม 2 สภา ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยกำหนดให้มีการอภิปรายทั้งสิ้น 10 ชั่วโมง แบ่งเป็นสภาผู้แทนราษฎร 418นาที วุฒิสภา 132 นาที และคณะรัฐมนตรีอีก 50 นาที
ซึ่งถูกคาดหมายว่า การหารือผ่านระบบ2สภานี้ จะช่วยคลายปมความขัดแย้งระหว่าง รัฐบาลกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้(บ้าง) แต่ผ่านไปคนแล้วคนเล่า ท่าทีของผู้อภิปรายแต่ละคน ดูจะเวียนว่าย (ตายเกิด) อยู่กับรื่องเดิมๆ เหมือนหนังเก่าถูกหยิบมาฉายใหม่อย่างไรอย่างนั้น
นั่งฟังจนเมื่อยตุ้ม นึกว่าเป็นการอภิปรายทั่วไป หรือการอภิปรายไม่วางใจไปแล้ว ที่สำคัญงานนี้ไม่มีลงมติ ใครจะอยู่หรือไป เพราะสาเหตุมาจากสภาแห่งนี้ จึงเป็นไปไม่ได้!
มวยคู่แรกเหมือนเอาม้า(จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.สัดส่วนปชป.)ไปแหย่ขุน(สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี) โดยยกเอา ปาก ของท่านสมัครขึ้นมาเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
จุดต่อมจี้ของขุนสมัคร อย่างนี้ได้ไง... ว่าแล้วก็ลุกขึ้นสวนทันที ก็ไอ้ปาก(ม๋า) ที่ว่า ใครนุ่งกางเกงในสีอะไรนั้น ถือเป็นเพียงสำนวนไทย เท่านั้น รู้จักมั้ย ตีปลาหน้าไซ น่ะ
งั้นแบบนี้คงเป็นสำนวนด้วย (นายว่าขี้ข้าพลอย ) เมื่อ จตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพปช. เห็นพี่บิ๊กถูกรังแก เลยชักควันออกหู ลุกขึ้นมาฟาดงวงฟาดงา ชน ปะ ดะ แหลก ได้ทีจัดรายการความจริงวันนี้นอกสถานที่ จนไถลออกนอกเรื่องไปไกล จน ประธานชัย ชิดชอบ ต้องช่วยเตือน ...เฮ้ยๆกลับมาได้แล้ว (ฮา)
ฟากวุฒิสภาก็ใช่เล่น รู้ทันพวกการเมืองกับเขาอีก เมื่อจับได้ไล่ทันว่า จตุพร กำลังเล่นมุก ตีหัวเข้าบ้าน... เจ้รสนา โตสิตระกูล สว.กทม.(สายตรงพันธมิตร) เลยตามจิกถึงมุ้ง รัวเอ็ม16 กระจุย กลายเป็นว่า จตุพร ชักศึกเข้าบ้านซะงั้น
เอาเป็นว่าฟังแล้วได้ไม่ได้อะไรยังไง คงประจักษ์กันดีอยู่แล้ว นึกเสียว่าเป็นคนแบบว่าฟังหูซ้ายทะลุหูขวา... พรุ่งนี้ตื่นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น... ที่ทำเนียบพันธมิตรฯยังเย้วๆเหมือนเดิม ...ส่วนนี่สิข่าวใหญ่ น่าฟังกว่า (เยอะ) ทางด่วนขึ้นราคาแล้วนะค้าบบบบบบบบบบบบบบบบ (ฮา)