6 ตุลาคม 2549 15:46 น.
โกฏิดารา
๓๐ ปี ๖ ตุลา
๏ ดินโดมเคยอาบกำซาบเลือด
ซากศพซบเผือดสุมไฟเผา
มะขามแขวนร่างอยู่ซึมเซา
กลางเสียงร้องเร้าเหล่าทมิฬ
ร่ำเปรี้ยงเสียงปืนคลื่นกระสุน
ทำนบทบหนุนไม่สุดสิ้น
ย้อมแดงโลหิตติดแผ่นดิน
ป้ายแดงแปลงลิ้นติฉินประณาม๚
๏ เผด็จการทหารดุ
แรงประทุประจุสนาม
สุมไฟให้ลุกลาม
ความเกลียดชังประดังประเด
ไทยฆ่าไทยแท้แท้
เพราะตั้งแง่และสรวลเส
เสกแสร้งแต่งลมเพ
ลมพัดปากมากข่าวลือ๚
๏ จากหนึ่งเก้าถึงสี่เก้าก้าวไปไหน?
เหลืออะไรให้เราเฝ้ายึดถือ?
เผด็จการทุนฟุ้งเงื้อมอุ้งมือ
ก็กลับรื้อระบบทหารบันดาลมา
หรือประชาชนไทยได้แค่นี้
กรุงศรีฯจะเสื่อมซึ่งคุณค่า
แม้นคนดีไม่สิ้นศรีอยุธยา
ก็นับถอยเวลาจะบรรลัย๚
๏ "ไทยเอยเคยเพลี่ยงพล้ำ ลงเพราะ
เพลินวิวาทบาดทะเลาะ เบาะแว้ง
อย่าโกรธพิโรธเคราะห์ คราวโชค ร้ายเอย
พึงโทษความโหดแห้ง หั่นห้ำกรรมเวร"*
จงเจนดวงจิตตั้ง ตามดี เถิดพ่อ
มาตรล่วงยามยุคกลี อยู่ได้
กี่สิบกี่ร้อยปี เปลี่ยนผ่าน
ตระหนักผิดเดิมไซร้ อย่าซ้ำทำทวน๚ะ๛
* พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
4 ตุลาคม 2549 20:50 น.
โกฏิดารา
ลมกรีดหวู่หวู่หวิวลิ่วลิ่วพัด
แรงลมซัดโครมครืนเหลือฝืนไหว
หยาดน้ำตาร่วงพรำชอกช้ำใจ
หรือเทวาร่ำไห้ให้ปวงชน
โอ้กำลัง "ช้างสาร" ผ่านสมุทร
เหลือจะหยุดเหลือจะยันกั้นแรงฝน
ตากาล็อกก็ระทมเกินทานทน
เวียตก็ท้นทะเลทุกข์ลมรุกราน
ดินถล่มโคลนทลายดับกายชีพ
ทั้งทวีปยินก้องเสียงร้องขาน
น้ำป่าไหลท่วมล้นคนแหลกลาญ
สะอื้นสะท้านสะท้อนแค้นทั่วแผ่นดิน
เถิดช่วยกันบรรเทาทะเลทุกข์
พายุแรงรานรุกแม้บุกถวิล
น้ำใจไทยใจท่านต้านวาริน
ฟื้นทุกถิ่นสิ้นประทุพายุลม