4 พฤษภาคม 2548 19:19 น.
แอลแมนโซ
เธอกลับเข้ามาในห้องสุดหรูบนคอนโดชื่อดังราคาแพง
ใบหน้าที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน ที่ต้องปั้นหน้า ใส่หน้ากากทุกวัน
แต่เธอก็ต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่
ทั้งที่ความจริงแล้วสิ่งที่รัก สิ่งที่ฝัน กับสิ่งที่ต้องทำและเป็นความจริงมันช่างต่างกันทีเดียว
เราอยู่ได้บนโลกของความเป็นจริง เพราะมีความฝันหล่อเลี้ยง
ไม่มีอะไรหรอกที่ได้มาดั่งใจง่ายๆ
และสิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้อาจเป็นอะไรที่หลายๆ คนฝันไว้ก็ได้
อาชีพแอร์โฮสเตส เป็นอาชีพที่หลายคนใฝ่ฝัน
แต่ไม่ใช่เธอ นางฟ้าบนเครื่องบินที่หลายๆคนอยากสัมผัสชีวิตแบบนี้
แต่เธอต้องทำใจยอมรับมัน ว่า มันคือชีวิต คือ หน้าที่ และคือสิ่งที่ให้อะไรกับเธอมากมาย
หลายครั้งที่มองไปที่ชั้นวางหนังสือ
ก็ทำให้คิดถึงความฝันของเธอขึ้นมา
รู้สึกว่าระยะหลังมานี่เธอไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเลย
และก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่เคยทำบ่อยๆ คือ เขียนหนังสือ
ใช่เธออยากเป็นนักเขียน
เป็นไงบ้างบทความของฉันที่ฉันเขียน หลายครั้งที่เธอมักถามเมื่อนำบทความมาให้อ่าน
ก็ดีนะ แต่เธออยากเป็นนักเขียนจริงๆเหรอ แต่ชีวิตนักเขียนมันไม่แน่นอนนะ
ใช่มันไม่แน่นอนหรอก
บางครั้งมันก็มีความคิดโลดแล่นถ่ายทอดออกมาได้สบาย
แต่บางทีมันกลับมดสนิทไม่สามารถเขียนเป็นตัวหนังสือได้เลย
เธอบอกว่าไม่เคยเสียใจหรอกถึงแม้จะทำฝันให้เป็นจริงได้
หนังสือเธอไม่ได้ตีพิมพ์ ไม่ได้มีคนนับพันมาอ่าน
แต่เธอก็สามารถเขียนมันได้เมื่อเธออยากเขียน
เมื่อในหัวของเธอมันดำเนินเรื่องราว เธอก็สามารถถ่ายทอดมันออกมาได้
ดังนั้นเธอจะเสียดายทำไม
แอร์โฮสเตสไม่ใช่เหรอที่ทำให้ชีวิตเธอสวยหรู สุขสบายอย่างนี้
ใครๆ ก็เรียกเธอว่านางฟ้า เธอควรภูมิใจ
และดำเนินชีวิตไปตามโลกความจริงที่มันหมุนอยู่
ส่วนความฝัน มันจะมีเวลาสักเท่าไหร่เชียวที่จะได้เขียน ได้คิด
เธอยังไม่ได้ทิ้งความฝัน และยังเดินตามรอยความฝันของเธอ
เพียงแต่ว่า ตอนนี้ ดอกไม้ในแจกันยังเป็นของปลอมเลย
ถ้าเป็นของจริงมันคงแห้งเหี่ยวเพราะขาดน้ำและการดูแลแน่ๆ
25 เมษายน 2548 15:28 น.
แอลแมนโซ
สมัยตอนเป็นเด็ก จำได้ว่าในวิชาพละศึกษา คุณครูสั่งให้เราวิ่งรอบสนามกันคนละ 20 รอบ เพื่อจับเวลาของแต่ละคน แถมยังมีรางวัลมาล่อใจอีกด้วยว่า ใครเข้าเส้นชัยได้คนแรกจะมีคะแนนพิเศษเพิ่มให้
พอเริ่มออกสตาร์ท ฉันก็สังเกตเห็นเพื่อนหลายคน พยายามจะเบียดตัวเองขึ้นมาอยู่แถวหน้าสุด เพื่อที่จะได้เปรียบคนอื่นในช่วงออกตัว แล้วพอครูบอกว่าวิ่งได้เท่านั้นแหละ เพื่อนหลายคนของฉันก็วิ่งปรู๊ดออกไปแบบไม่คิดชีวิต ส่วนฉัน - โน่น วิ่งอยู่หลังสุด
ไม่ได้ช้าเพราะเหนื่อย หรือเพราะวิ่งไม่เก่ง แต่ฉันกำลังรู้สึกสนุกสนานกับการวิ่งจับเวลาซะเหลือเกิน เพราะฉันวิ่งไป- คุยไป กับเพื่อนซี้รู้ใจแบบไม่สนเวลา ฉันสนใจความสนุกสนานระหว่างการวิ่งมากกว่า
บางทีเห็นคนข้างหน้าที่วิ่งนำมาหลายรอบกำลังชะลอความเร็ว เพราะเหนื่อยหอบ ก็อดที่จะขอวิ่งแซงหน้าบ้างไม่ได้ หรือบางทีหันไปเห็นเพื่อนที่วิ่งรั้งท้ายตลอด ก็จะพยายามวิ่งให้ช้าลง รอให้เขาวิ่งทันจะได้คุยไปด้วยกันหลายๆ คน.สนุกดี
หรือบางทีรู้สึกไม่อยากแซวงคนข้างหน้าขึ้นมาเฉยๆ เพราะว่าวิ่งตามหลังเขา จะได้แอบนินทาเขาได้ สนุกไปอีกแบบ จะทำลายสถิติไหม ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าวิ่งช้าๆ มันไม่เหนื่อยเร็ว และขอแค่วิ่งให้ถึงเส้นชัยก็พอ
คงคล้ายๆ กับความรักกระมัง
ทุกคนมีเส้นชัยของตัวเอง มีสถิติที่ตัวเองพอใจ แต่คนที่เข้าเส้นชัยก่อน ใช่ว่าจะคว้าความรักที่ดีได้ก่อนเสมอไป และสถิติที่ดี ก็ไม่ได้การันตีว่าความรักจะสมบูรณ์แบบ
ในขณะที่สังคมทุกวันนี้ปลูกฝังให้เราวิ่งแซงคนอื่น ๆ เสมอ อย่าพยายามให้ใครแซงหน้า เพราะนั่นย่อมหมายถึง การพลาดโอกาสดีๆ ในชีวิตไป
แต่สังคมของความรักสอนให้คนรู้จักผ่อนจังหวะก้าวให้ช้าลง แต่หนักแน่นขึ้น
โลกภายนอกบอกให้เรารู้ว่า อย่าวิ่งตามใครถ้าไม่แน่ใจว่าจะตามเขาได้ทัน เพราะมันเสียแรงเปล่า และโง่เหลือเกิน
แต่โลกของความรัก ใครอีกหลายคนสมัครใจที่จะเป็นคนโง่ เพื่อวิ่งตามคนที่ตัวเองรักให้ทัน ทั้งที่รู้แก่ใจว่าไม่มีวันนั้น
เพื่อนรักคนหนึ่งของฉัน มีเส้นชัยในหัวใจของเธอเอง
คนรักของเธอเป็นนักวิ่งฝีเท้าดี เพราะตั้งแต่อยู่กันมา เขาออกวิ่งก่อนเธอเสมอ ไม่เคยบอกล่วงหน้า และไม่เคยชะลอความเร็วลงเลย แต่ความเร็วของเขาก็ไม่มากไปกว่าความรักที่เธอมี
ความรักทำให้เธอวิ่งเร็วขึ้น ใกล้เขามากขึ้น และไม่ยอมปล่อยให้เขาทิ้งระยะจนคลาดสายตาเธอ
แต่เมื่อเกือบที่จะถึงตัวเขา เธอก็จะเลือกที่จะวิ่งให้ช้าลงราวกับว่าจะวิ่งเหยาะๆ ตามเขาไปเรื่อยๆ
เธอแซงหน้าเขาได้ - แต่เธอไม่ทำ แม้แต่จะวิ่งให้ทันเขาในแนวเดียวกัน เธอก็ทำได้ - แต่เธอไม่ทำ เหตุผลที่ฟังดูเหมือนง่ายของเธอทำเอาใจฉันนิ่งงัน
"ถ้าวิ่งให้ทันเขา หรือแซงหน้าเขาไป ฉันก็คงมองไม่เห็นเขาในชีวิตอีก แต่ถ้าฉันวิ่งตามเขาห่างๆ แบบนี้ เท่ากับว่าฉันยังได้เห็นความเป็นไปของเขา ยังมีเขาอยู่ในสายตา - ในชีวิต แม้ว่าเขาจะไม่เคยหันหลังกลับมา แล้ววิ่งให้ช้าลงเลยก็ตาม
คำถามของฉันทำให้แววตาของเพื่อนรักปรากฏรอยเศร้า แต่ปากยิ้ม
ฉันกลัวเขารู้ตัว แล้ววิ่งหนีฉันไปไกลยิ่งกว่านี้ ถึงวันนั้นฉันอาจเหนื่อยจนหมดแรงที่จะวิ่งตามอีกต่อไปแล้วห่างแบบนี้ดีกว่า ฉันได้เห็นเขา มันอุ่นใจ หรือถ้าวันหนึ่งเขาล้มลง ฉันจะได้วิ่งเข้าไปช่วยพยุงได้ทัน และถ้ามันจะทำให้เขาเห็นความจริงใจของฉัน เขาอาจจะชวนฉันวิ่งไปพร้อมกันอีกครั้ง - ถ้าเขาหายดีแล้ว
ความรักทำให้คนมีความหวังอยู่เสมอ ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้คนบางคนดูโง่งมงายเสียเต็มประดา ถ้าเพื่อนเลือกที่จะวิ่งออกนอกเส้นทาง แล้วไปตั้งต้นใหม่กับใครสักคนที่เขาพร้อมจะวิ่งไปกับเพื่อน ป่านนี้..เพื่อนของฉันคงเข้าเส้นชัยไปนานแล้ว แต่เพื่อนยังคงเต็มใจที่จะวิ่งตามเขาไปเรื่อยๆ
แม้ว่าบางที - อาจจะไม่มีวันนั้น .. วันที่เพื่อนเข้าเส้นชัยแห่งความรัก เพราะบางที..
เส้นชัย อาจไม่มีความหมาย ต่อคนบางคนหากว่าเขาเข้าเส้นชัย แต่ได้ทำหัวใจหล่นหายไประหว่างทาง
เมื่อความสุขคือการโง่ที่จะรักและวิ่งตาม ในสังคมของความรัก ฉันจึงมองเห็นคนที่วิ่งช้า และปรารถนาจะเป็นผู้ตามด้วยความเต็มใจอยู่เสมอ
ความรัก ไม่ใช่สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต แต่ความรักเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีค่ามากที่สุด
20 เมษายน 2548 17:06 น.
แอลแมนโซ
อยากลองถามว่า 1 ปี นานไหม ?
ถ้าลองคิดในเชิงปริมาณของเวลาคงตอบว่า
แค่.1 ปีเอง ไม่มีอะไรนานพอหรอก ทว่าในทางกลับกัน
ลองตอบในเชิงคุณภาพ คุณค่าของเวลาแล้ว
กลับตอบว่า.ตั้ง1 ปีเชียวนะ
มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากเราบ้าง และอะไรที่เปลี่ยนมาสู่เราบ้าง
มันนานพอนะที่จะเปลี่ยน..ให้เรารักใคร ใครรักเรา
ให้ใครรักกัน หรือไม่รักกันได้เลยนะ
ก็เรื่องของหัวใจมันไม่มีเงื่อนไขของเวลานี่น่า
เวลาไม่ใช่ตัวกำหนดให้เรารักใคร ผูกพันกับใคร
บางครั้งมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซึ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ
ตราบที่มือยังไม่อาจกางกั้นฝนให้หล่นจากฟ้ามาสู่ดินได้
เช่นนั้นเวลาก็ไม่อาจกางกั้นใจไม่ให้ทุกความรู้สึกเป็นไปในทิศทางของมันได้
มันห้ามไม่ได้หรอกที่จะไม่รู้สึกพิเศษกับใคร ห้ามใครไม่ให้รักกัน
แม้เพียงเศษเสี้ยววินาที
ถ้าคนคนนั้นคือคนที่ ใช่ เราก็รู้สึกพิเศษกับเขาแล้ว
ไม่เห็นต้องใช้เวลาให้ยืดเยื้อ เสียเปล่าไปเลย
แต่บางครั้งระยะเวลาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า อะไรคือความจริง อะไรคือความลวง
คุณคงขอบคุณเวลาสินะที่ทำให้รู้ข้อนี้
แต่ว่าหากคุณมองดีดี คุณอย่าขอบคุณปริมาณของเวลาเลย
แต่ให้คุณขอบคุณคุณค่าของเวลา
คุณค่าที่เขาทำให้เกิดขึ้นในปริมาณของเวลานั้น
มองที่คุณค่าที่มาควบคู่กับปริมาณ
ก็เหมือนไวน์คุณภาพดีต้องมาจากการเพาะบ่มของระยะเวลา
คนที่บางครั้งก็ตัดสินเพียงแวบแรกบางครั้งก็เป็นไปไม่ได้
แต่บางครั้งมันก็ใช่
การจะใช่เวลาเป็นเครื่องตัดสินมันแล้วแต่เหตุการณ์
ทุกครั้งที่เข็มนาฬิกาเคลื่อนที่ก็มองที่คุณค่าของเขาซะ
ก่อนที่โลกนี้จะไม่เหลือเวลาให้หมุนเดินสำหรับเราหรือเขา
9 เมษายน 2548 15:12 น.
แอลแมนโซ
ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยสายตาที่รอคอยใครบางคนอย่างไร้ความหมาย
ฉันมักเห็นเธอนั่งมองเหม่อด้วยสายตาและความรู้สึกที่เศร้าโศก
การรอคอยที่ยากจะพบเจอ การเฝ้าถึงคนที่แสนไกล
การคิดถึงคนที่แทบจะลืมไปแล้วว่าเคยทำอะไรร่วมกับเรา
มันช่างเจ็บปวดและแสนเศร้า
เธอยังนั่งอยู่ทุกวัน ด้วยสายตาที่เหม่อลอย และความคิดที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ฉันยังจ้องมองดู ร่างที่จมปลักอยู่ในความมืดเทาของการอคอย
ฉันอยากจะสมเพช แต่ไม่ได้ซ้ำเติมอะไร
ว่า มันยาก เขาไม่มีตัวตนแล้ว เขาไม่กลับมาหรอก
แต่มันก็เป็นเสียงที่เธอไม่ได้ยิน เสียงที่เธอมองข้ามไป
ฉันอยากจะด่าว่าเธอ แต่ก็ได้แต่มองเธอทำตัวไร้คุณค่า
ฉันแม้จะอยู่ใกล้ แต่ก็ตักเตือนเธอไม่ได้
เพราะเราไม่รู้จักกัน
ฉันเห็นร่องรอยของความเจ็บปวดของเธอเมื่ออยู่ตรงนี้
เธอคิดว่าเขาจะกลับมา เหมือนสายรุ้งหลังฝนตก
แต่ฝนไม่ตกจะเกิดสายรุ้งได้ยังไง
ผลของการกระทำของเธอช่างเลือนลาง งี่เง่าสิ้นดี
แต่ฉันก็ห้ามเธอทำอย่างนั้นไม่ได้
มันยากที่เธอจะได้ยินคำพูด ความคิดของฉัน
เธอมองเขามีตัวตน แต่ฉันเธอไม่เคยมองเห็นว่าฉันนั้นมีตัวตนเลย
ทั้งๆที่ฉันอยู่ใกล้ตัวเธอแต่เธอมองไม่เคยเห็น
แต่เขาแม้อยู่ไกลเพียงใด เธอกลับรอคอยด้วยความฝันว่าเขาจะกลับมา
ฉันอยากบอกเธอดังๆ อีกครั้งว่า เขาก็ไม่มีตัวตนเหมือนฉันนั่นแหละ
แต่ถึงจะคิดจะพูดไปยังไงเธอก็ไม่ได้ยิน
เพราะฉันเป็นแค่เงาของเธอ ที่ติดตามเธอไปทุกที่ แต่เธอไม่เคยมองเห็นว่าฉันมีตัวตนนี่
ฉันอยู่ใกล้เธอและอยู่กับเธอตลอดเวลา แต่เธอไม่เคยสนใจไม่เคยนึกถึง
แต่เขาคนที่ไม่เคยติดต่อ ไม่เคยพบเจอ แต่เธอก็ยังรอ
รอยังไงเขาก็ไม่กลับมา รอยังไงก็ไร้ความหมาย
การกระทำที่สิ้นคิด ฉันอยากให้เธอหยุดสักที
และให้เธอพาฉันไปเดินเล่นด้วยอารมณ์ที่สดใส ท่ามกลางความสดชื่น
และอยู่ในโลกของความจริง ไม่ใช่ความฝันหรือการรอคอย
ฉันอยากที่จะสนุก และร่าเริงกับเธอ อยากมีชีวิตชีวา
แต่เธอก็ไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของฉัน
ถ้าเธอไม่สัมผัสมันด้วยใจและวิญญาณ
แต่ถึงเธอจะทำอะไรยังไง ฉันก็ยังเฝ้ามองเธอและอยู่ข้างตัวเธอตลอดเวลาและตลอดไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!!!!!!!!
25 มีนาคม 2548 21:12 น.
แอลแมนโซ
เขาเป็นผู้ชาย......................เธอเป็นผู้หญิง
เขาชอบสีดำ.........................เธอชอบสีขาว
เขาใจร้อน...........................เธอใจเย็น
เขาเรียนไม่เก่ง...................เธอท้อปทุกวิชา
เขาชอบฟัง...........................เธอชอบพูด
เขาเล่นกีฬาเก่ง...................เธอเล่นอะไรไม่เป็นเลย
เขานิ่งเฉย...........................เธอร่าเริง
เขาเอาใจไม่เป็น.................เธอมักทำแต่สิ่งที่เขาชอบ
เขาฟังเพลงร๊อค...................เธอฟังเพลงรัก
เขาดูหนังบู๊..........................เธอดูหนังรักโรแมนติก
เขาชอบทานเผ็ด..................เธอชอบทานจืด
เขาชอบอ่าน.........................เธอชอบเขียน
เขาเดินเร็ว..........................เธอเดินช้า
เขาทานข้าวเร็ว.....................เธอค่อยๆเคี้ยว
เขาชอบสายฝน......................เธอกลัวเสียงฟ้าร้อง
ตี5เขาเพิ่งกลับบ้าน................เธอตื่นนอนตอนตี 5
เขาดื่มเหล้ากับเพื่อน..............เธอดื่มนมก่อนนอน
4ทุ่มเขากำลังเมา.....................4ทุ่มเธอกำลังนอน
เขาชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว.......ทุกคนมักพบเธออยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ
เขาชอบคิดว่าตัวเองไม่มีค่า.......เธอมักจะพึงพาเขาเสมอ
เขาไม่เคยเก็บเรื่องใดมาคิด.....เธอมักใจน้อย
เขาเล่นกีฬาแพ้ .......................เธอส่งยิ้มให้และปลอบใจ
เธอเหนื่อยกับการเรียน............เขาเล่าเรื่องตลกให้ฟัง
เขานั่งเหงา...............................เธอเข้ามาหัวเราะและทำหน้าทะเล้นท์ใส่
เขาโทรมาหาเธอและปลอบใจ....เมื่อเธอทะเลาะกับเพื่อน
เขาสอบไม่ผ่น...........................เธอติวให้เขา
เขาตามง้อ.................................เมื่อเธอน้อยใจและงอนใส่
เขางี่เง่า....................................เธอทำความเข้าใจ
เขายิ้มและจับมือเธอ.................เมื่อเธอร้องไห้
เขาท้อแท้.................................เธอให้กำลังใจ
เขามีดอกไม้และการ์ดมาให้......เมื่อเธอไม่สบาย
เขาเดินมาท่ามกลางสายฝน.......เธอถือร่มมาคลุมใด้
เขาอยู่ข้างเธอ...........................เมื่อเธอเสียใจ
เขาไม่เหมือนเธอ......................เธอไม่เหมือนเขา
แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาและเธอเหมือนกันคือ..................................
............................เขารักเธอและเธอรักเขา............................