26 ธันวาคม 2548 09:39 น.
แสงไร้เงา
รัก (คนมีเจ้าของจะผิดไหม? )
รักคนที่มีเจ้าของแล้ว มันจะผิดไหม
เป็นคำถามที่ใครๆ อาจจะตอบได้แค่สองคำ
ผิด หรือไม่ผิด
แต่เหตุผลนั้นต่าง นานากันไป.
แต่ใน ณ ที่นี้ ขอบอกว่าไม่ผิดค่ะ
ถ้าเรารักให้มันเป็น.
ทำไม.?..เหตุผล.? ( รักไร้เหตุผล..? )
หากจะผิดถ้ารักคนมีเจ้าแล้ว
จะผิดที่ว่า ถ้าเราเข้าไปทำหน้าที่
ที่ซ้ำซ้อนกับอีกคนที่เขาทำอยู่แล้ว
เพราะ รัก ในที่นี้คือการให้ การเสียสละ การแบ่งปัน
การให้โดยไม่ต้องกานสิ่งที่ตอบแทน
มีความสุขกันการให้
.....................
บางครั้ง ความรัก มันก็เขามาเรา เพื่อให้เรียนรู้ มิใช่การครอบครอง
25 ธันวาคม 2548 04:37 น.
แสงไร้เงา
ความเป็นมาของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 2 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2505 ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ 348.12 ตารางกิโลเมตร (217,575 ไร่) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด โดยมีที่ราบบนยอดภูกระดึง ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่)
ภูกระดึงมีระดับความสูงอยู่ระหว่าง 400-1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตรจากระดับน้ำทะเล สภาพทั่วไปของภูกระดึงประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด พันธุ์สัตว์ป่านานาพันธุ์ หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพอง ซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ด้วยความสูง บรรยากาศ และสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี บนยอดภูกระดึง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิอาจลดต่ำจนถึง 0 องศาเซลเซียส จึงเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวปรารถนาและหวังจะเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึงสักครั้งหนึ่งในชีวิต
แจ้งให้ทราบ
ตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2548 อุทยานแห่งชาติภูกระดึง แจ้งห้ามร้านค้าในอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จำหน่ายสุราโดยเด็ดขาด โดยให้จำหน่ายเฉพาะเบียร์กระป๋องเท่านั้น เนื่องจากช่วยลดปริมาณขยะและปัญหาการเกิดการทะเลาะวิวาทของนักท่องเที่ยว
การห้ามมิให้นักท่องเที่ยวเช่าเตาและใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิง เนื่องจากก่อให้เกิดควันรบกวนนักท่องเที่ยวและความสกปรกของพื้นที่และเพื่อความปลอดภัย อีกทั้งการใช้ถ่านไม้ยังเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติโดยตรง
ข้อแนะนำ
สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดหรือคณะใดที่จะนำอาหารมาประกอบและหุงต้มเองควรเตรียมแก๊สปิกนิคไปด้วย ในส่วนของร้านค้าก็มีให้เช่า แต่อาจไม่เพียงพอในช่วงเทศกาล
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ก่อนที่ท่านและคณะจะเดินทางขึ้นเขาขอให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตามลำดับ ดังนี้
1. ติดต่อขอเช่าเต็นท์กับเจ้าหน้าที่บ้านพัก และสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับอนุญาตให้ใช้บ้านพักหรือเต็นท์จากกรมอุทยานแห่งชาติมาแล้วกรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่งานบ้านพัก ณ อาคารติดต่อที่พัก
2. สำหรับนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเอง ติดต่อชำระค่าขอใช้สถานที่กางเต็นท์ในอัตรา 30 /คน/คืน ณ อาคารติดต่อที่พัก และในกรณีที่เต็นท์ทางอุทยานแห่งชาติภูกระดึงเต็มท่านจะต้องชำระค่าขอใช้สถานที่กางเต็นท์ในอัตราข้างต้นเช่นเดียวกัน และท่านสามารถติดต่อเช่าเต็นท์ได้บนยอดเขา
3. สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดหรือคณะใด นำบรรจุภัณฑ์ต่างมา เช่นขวดแก้ว, ขวดพลาสติก, ซองพลาสติก,กล่องกระดาษ หรือ ที่ย่อยสลายเองตามธรรมชาติไม่ได้หรือต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนาน ท่านจะต้องติดต่อมัดจำบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ตามที่ทางอุทยานแห่งชาติภูกระดึงกำหนดไว้ แล้ววันลงเขาให้ท่านนำบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวที่เป็นขยะมารับเงินมัดจำนั้นคืน
4. อุทยานแห่งชาติภูกระดึงขอเชิญนักท่องเที่ยวทุกท่านเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครพิทักษ์ภูกระดึง เพื่อช่วยกันเก็บขยะที่ท่านนำขึ้นไปเองในวันที่ท่านขึ้นเขาและขยะที่พบเห็นตามแหล่งท่องเที่ยวจุดต่างๆ ซึ่งเป็นขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ตามธรรมชาติ นำลงมาทิ้งที่เชิงเขา ไม่ต่ำกว่าคนละ 1 กิโลกรัม จากนั้นอุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะมอบใบประกาศเกียรติคุณให้กับท่านและคณะ เพื่อแสดงว่าท่านเป็นผู้เสียสละและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อธรรมชาติและสังคม นักท่องเที่ยวท่านใดหรือคณะมีความประสงค์ที่เข้าร่วมโครงการขอเชิญสมัครได้ ณ ซุ้มโครงการอาสาสมัครพิทักษ์ภูกระดึง
5. นักท่องเที่ยวท่านมีความประสงค์จ้างหาบสัมภาระ ติดต่อเจ้าหน้าที่จ้างหาบสัมภาระได้ที่อาคารสัมภาระในอัตราราคากิโลกรัมละ 10 บาท
6. ชำระค่าธรรมเนียมเดินขึ้นเขาได้ที่ซุ้มจำหน่ายบัตรค่าธรรมเนียม ในอัตรา
นักท่องเที่ยวชาวไทย
เด็ก 10 บาท
ผู้ใหญ่ 20 บาท
นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ
เด็ก 100 บาท
ผู้ใหญ่ 200 บาท
( ถ้าไปแล้วก็อย่าไปพูดประกิดละค่ะ เดี่ยวเสียจากแค่เสีย 20 เดี่ยวได้เสีย 200 หรอกค่ะ...5555 อันนี้แซวเล่นจากเหมียวค่ะ......555)
ช่วงวันหยุดยาวนี้นักท่องเที่ยวท่านใดที่ต้องการมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ถ้าท่านมีเต็นท์ขอแนะนำให้นำเต็นท์มาด้วยนะค่ะ
.............. ................ .................. ................. .............. ..................
ความเป็นมาของอุทานยานแห่งชาติภูกระดึง
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพทั่วไปของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นภูเขาหินทรายยอดตัดอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของที่ราบสูงโคราช ใกล้กับด้านลาดทิศตะวันออกของเทือกเขาเพชรบูรณ์ ลักษณะโครงสร้างทางธรณีของภูกระดึงเกิดขึ้นในมหายุค Mesozoic เป็นหินในชุดโคราช ประกอบด้วยชั้นหินหมวดหินภูพานหมวดหินเสาขัว หมวดหินพระวิหาร และหมวดหินภูกระดึง พื้นที่ส่วนใหญ่ของภูเขาอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 400-1,200 เมตร มีพื้นที่ราบบนยอดเขากว้างใหญ่คล้ายรูใบบอน ประกอบด้วยเนินเตี้ยๆ ยอดสูงสุดคือ ภูกุ่มข้าว สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,350 เมตร สภาพพื้นที่ราบบนยอดภูกระดึงมีส่วนสูงอยู่ทางด้านตะวันตกและตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่ค่อยๆ ลาดเทลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ลำธารสายต่างๆ ที่เกิดจากแหล่งน้ำบนภูเขาไหลไปรวมกันทางด้านนี้ เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำพอง ซึ่งหล่อเลี้ยงเขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนหนองหวาย ในจังหวัดขอนแก่น
ลักษณะภูมิอากาศ
ภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติภูกระดึงบริเวณที่ระดับต่ำตามเชิงเขา มีสภาพโดยทั่วไปใกล้เคียงกับบริเวณอื่นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม ฝนตกชุกที่สุดระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยรายปี 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดในเดือนมกราคม และอุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน สภาพอากาศทั่วไปบนยอดภูกระดึง แตกต่างจากสภาพอากาศในที่ราบต่ำเป็นอย่างมาก โดยปริมาณน้ำฝนจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของปริมาณน้ำฝนบนที่ต่ำ เนื่องจากอิทธิพลของเมฆ/หมอกที่ปกคลุมยอดภูกระดึงเป็นเนืองนิจ ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยระหว่าง 0-10 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยระหว่าง 21-24 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยระหว่าง 12-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยระหว่าง 23-30 องศาเซลเซียส อากาศบนยอดภูกระดึงมักจะแปรปรวน มีเมฆหมอก ลอยต่ำปกคลุมบ่อยครั้ง อากาศจึงค่อนข้างเย็นตลอดปี
ในช่วงฤดูฝน มักเกิดภัยธรรมชาติ เช่น เกิดการพังทะลายของภูเขาและมีน้ำป่า ทางอุทยานแห่งชาติจึงกำหนดให้ปิด-เปิดการท่องเที่ยวเฉพาะบนยอดเขาภูกระดึง เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และให้สภาพธรรมชาติและสภาพแวดล้อมได้มีการพักฟื้นตัว หลังจากนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมอย่างมากในแต่ละปี ดังนี้
ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี
เปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ของทุกปี
พืชพรรณและสัตว์ป่า
สังคมพืชของภูกระดึงเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดป่าหนึ่ง มีทั้งป่าผลัดใบ และป่าดงดิบ ที่ระดับความสูงต่างๆ จำแนกออกได้เป็น
ป่าเต็งรัง พบบนที่ราบเชิงเขาและบนที่ลาดชันจนถึงระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 600 เมตร ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ เต็ง รัง เหียง พลวง กราด รกฟ้า อ้อยช้าง กว้าว มะกอกเลื่อม มะค่าแต้ ช้างน้าว ติ้วขน ยอป่า ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วย หญ้าเพ็ก ขึ้นเป็นกอหนาแน่น แทรกด้วยไม้พุ่มและพืชล้มลุก
ป่าเบญจพรรณ พบตั้งแต่บนพื้นที่ราบเชิงเขาและที่ลาดชันตามไหล่เขารอบภูกระดึง จนถึงระดับความสูงจากน้ำทะเลประมาณ 950 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ แดง ประดู่ป่า กระบก ตะแบกเลือด ยมหิน มะกอก งิ้วป่า แสมสาร มะค่าโมง ตะคร้ำ สมอไทย สำโรง โมกมัน ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วยหญ้าและกอไผ่ของไผ่รวก ไผ่ไร่ ไผ่หลวง ไผ่ซางหม่น ไม้พุ่ม เช่น หนามคณฑา กะตังใบ สังกรณี ไผ่หวานบ้าน ฯลฯ ไม้เถา เช่น แก้วมือไว สายหยุด นมวัว ตีนตั่ง หนอนตายหยาก กลอย ฯลฯ พืชล้มลุก เช่น บุกใหญ่ ผักปราบ แห้วกระต่าย ฯลฯ พืชกาฝากและอิงอาศัย เช่น ข้าวก่ำนกยูง ดอกดิน ชายผ้าสีดา เป็นต้น
ป่าดิบแล้ง พบตามฝั่งลำธารของหุบเขาที่ชุ่มชื้นทางทิศตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตก ตั้งแต่เชิงเขาจนถึงระดับความสูงประมาณ 950 เมตรจากระดับน้ำทะเล พันธุ์ไม้สำคัญได้แก่ ก่อ ตะเคียนทอง ยางแดง ยมหอม ตะแบกเปลือกบาง หว้า มะม่วงป่า สัตตบรรณ มะหาด คอแลน เชียด ฯลฯ พืชพื้นล่างแน่น เป็นพวกไม้พุ่ม ไม้เถา เช่น สร้อยอินทนิล กระทงลาย เถามวกขาว เล็บมือนาง กระไดลิง ฯลฯ พืชล้มลุก เช่น ข่าคม ก้ามกุ้ง ฯลฯ หวายและเฟินหลายชนิด
ป่าดิบเขา พบตั้งแต่ระดับ 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป ทางทิศเหนือและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ก่วมแดง ทะโล้ สนสามพันปี พะอง จำปีป่า พญาไม้ ก่อเดือย ก่อหนาม ก่อหมู ส้านเขา รัก เหมือดคนดง เฉียงพร้านางแอ พะวา เดื่อหูกวาง ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วยไม้พุ่ม เช่น กุหลาบแดง มือพระนารายณ์ ฮอมคำ จ๊าฮ่อม ฯลฯ ตามหน้าผาริมขอบภูพบปาล์มต้นสูงขึ้นห่างๆ ได้แก่ ค้อดอย ไม้เถา เช่น กระจับเขา เครือเขาน้ำ แก้มขาว หนามไข่ปู ใบก้นปิด ย่านหูเสือ เป็นต้น
ป่าสนเขา พบเฉพาะบนที่ราบยอดภูกระดึงที่ระดับความสูงประมาณ 1,200-1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ สนสองใบ ก่อเตี้ย ทะโล้ สารภีดอย มะเขื่อเถื่อน รัก ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วย สนทราย ส้มแปะ กุหลาบขาว เม้าแดง พวงตุ้มหู นางคำ ฯลฯ ตามลานหินมีพืชชั้นต่ำพวกไลเคน ประเภทแนบกับหินเป็นแผ่น และประเภทเป็นฟองเรียก ฟองหิน ปกคลุมทั่วไป นอกจากนี้จะพบเอื้องคำหิน ม้าวิ่ง และเขากวาง ซึ่งเป็นกล้วยไม้ที่ออกเป็นกอหนาแน่น พืชล้มลุก เช่น ดาวเรืองภู ว่านคางคก ต่างหูขาว เนียมดอกธูป แววมยุรา หญ้าข้าวก่ำขาว โสภา เทียนภู เปราะภู ดอกหรีด ขนนกยูง หญ้าเหลี่ยม น้ำเต้าพระฤาษี กูดเกี๊ยะ เป็นต้น บนพื้นดินที่ชุ่มแฉะ มอสจำพวกข้าวตอกฤาษีหลายชนิดขึ้นทับถมแน่น คล้ายผืนพรม บางแห่งมีพืชล้มลุกขนาดเล็กหลายชนิดขึ้นปะปนกันแน่น เช่น กระดุมเงิน สาหร่ายข้าวเหนียว ดุสิตา และหญ้าข้าวก่ำ
ภูกระดึง ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้าและลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าภูกระดึงมีหลายชนิดที่พบเห็นทั่วไป ได้แก่ ช้างป่า เก้ง กวางป่า หมูป่า ลิงกัง ลิงลม บ่าง กระรอกหลากสี กระแต หนูหริ่งนาหางยาว ตุ่น เม่นหางพวง พังพอน อีเห็น เหยี่ยวรุ้ง นกเขาเปล้า นกเขาใหญ่ นกกระปูดใหญ่ นกเค้ากู่ นกตะขาบทุ่ง นกโพระดกคอสีฟ้า นกตีทอง นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง นกนางแอ่นสะโพกแดง นกเด้าดินสวน นกอุ้มบาตร์ นกขี้เถ้าใหญ่ นกกระทาทุ่ง นกพญาไฟใหญ่ นกกางเขนดง นกจาบดินอกลาย นกขมิ้นดง ตุ๊กแก จิ้งจกหางแบนเล็ก กิ้งก่าสวน จิ้งเหลนบ้าน เต่าเหลือง งูทางมะพร้าว งูลายสอบ้าน งูจงอาง งูเก่า งูเขียวหางไหม้ อึ่งอี๊ดหลังลาย เขียดหนอง คางคก กบหูใหญ่ ปาดแคระ และมีเต่าชนิดหนึ่งซึ่งหาได้ยาก คือ เต่าปูลู หรือ เต่าหาง เป็นเต่าที่หางยาว อาศัยอยู่ตามลำธารในป่าเขาระดับสูงของประเทศไทย กัมพูชา และ ลาว
..................................................................
....
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
เป็นของคนไทยทุกคน โปรดช่วยกันรักษาไว้ให้ลูกหลานของเรา
...........................
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
หมู่ 1 บ้านศรีฐาน ต.ศรีฐาน อ. ภูกระดึง จ. เลย 42180
โทรศัพท์ 0 4287 1333, 0 4287 1458
............... ........... ............ ............... .............. .................
23 ธันวาคม 2548 05:23 น.
แสงไร้เงา
เราคงยังเด็กอยู่จริง ๆ
ภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
เคยสักครั้งไหมที่คุณรู้สึกอ่อนแอ ท้อแท้ จนอยากย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง กลับไปเพื่อหาความสนุก กลับไปเพื่อหาความสบาย และกลับไปเพื่อใช้เวลาให้ผ่านไปวัน ๆ ลืมฝันร้ายที่กำลังเผชิญอยู่ ลืมความรู้สึกแย่ ๆ ที่คุณมักเฝ้าถามตัวเองเสมอยามที่ก้าวพลาดว่า...
ทำไมนะบางครั้งทำดีแทบตายกลับไม่มีใครเห็น แต่เมื่อใดที่พลาดแม้จะเป็นเพียงความผิดเล็ก ๆ โอ้โห! ทำไมบทเรียนมันช่างโหดร้ายขนาดนี้ ไม่เอาแล้ว ไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น Forward Mail วันนี้จะพาคุณไปค้นหาคำตอบกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่
มันคือ... ความอ่อนแอ
วันแต่ละวันที่เวียนเปลี่ยนไป
มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกโตขึ้นเลย
ตรงกันข้าม ทำไมเราถึงรู้สึกว่า...
ตัวเราเองอยู่กับที่ ดีไม่ดี
นิสัยบางอย่างในตอนเด็กมันยังกลับมาอีกด้วย
รู้สึกเลยว่าตัวเอง บางครั้งทำตัวเด็กมาก ๆ
ทั้ง ๆ ที่ความจริงมันสมควรจะโตขึ้น
ความคิดน่าจะเป็นผู้ใหญ่ซักที
หรือเป็นเพราะว่า...
เราอ่อนแอเกินไป อ่อนไหวกับสิ่งรอบข้างมากเกินไป
ปล่อยให้มันเข้ามามีอิทธิพลกับตัวเรา
จนบางทีเราก็รู้สึก ไม่เป็นตัวของตัวเอง เท่าที่ควร
เพราะปล่อยให้สิ่งรอบข้างและคนรอบข้างมาทำให้เราทำอย่างนั้นอย่างนี้
ที่จริงเราไม่ต้องทำก็ได้
แต่เมื่อถึงเวลานั้น
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมเราต้องทำ ต้องยอม
เราแพ้เหรอ แพ้ให้กับอะไรล่ะ
เราคงแพ้ให้กับทุก ๆ อย่างที่อยู่รอบตัวเรา
สำหรับ สิ่งรอบข้าง เราคงไม่สามารถไปแก้ไขอะไรได้
มันจะเป็นยังไงก็ต้องปล่อยมันไป
ซึ่งหมายถึงว่าเราแคร์มันน้อยลงได้
แต่คนรอบข้าง
จะให้เราไม่แคร์ ไม่สนใจ เราคงทำไม่ได้
เพราะเราให้ความสำคัญกับคนรอบข้างมากเกินไป
นั่นมันคงทำให้ความเป็นเด็กมันเรียกร้องจะกลับเข้ามาในตัวของเรา
มันคงคิดว่า ถ้าโตแล้ว แต่ยังไม่สามารถทำตัวเองให้มีความสุขได้
เราซึ่งคือความเป็นเด็กในตัวเธอ จะทำหน้าที่นั้นเอง
เลยกลายเป็นว่า บางเวลาที่เราอ่อนแอ
ความเป็นเด็กในตัวเรามันเลยถือโอกาสแสดงตัว
ซึ่งช่วงเวลานั้นมันก็ทำให้เรามีความสุขได้จริง ๆ แหละ
กับการเป็นเด็ก ไม่ต้องคิดอะไรมาก
อยากทำอะไรก็ทำ
ทำตัวเหมือนไม่ต้องกังวลกับอะไร
แต่เราก็คงเป็นเด็กไปตลอดไม่ได้
เพราะเมื่อถึงเวลา มันก็จะหายไป
และช่วงเวลาหลังจากนี้ นี่แหละ ที่เป็นความจริงที่เราต้องเจอ
ความจริงที่เราโตแล้วนะ
กลับมาจากโลกของความเป็นเด็กได้แล้ว
ถ้าอยากกลับไปอีกก็ได้นะ
แต่อย่าไปนาน อย่าหลงละเลิงกับมันมากนัก
เพราะเมื่อซักวันที่เรากลับมา เราอาจจะรับกับโลกของความจริงไม่ได้
เราคงยังเด็กอยู่จริงๆ
23 ธันวาคม 2548 03:48 น.
แสงไร้เงา
คนดีๆ... ล้วนมีเจ้าของไปหมดแล้ว(เหมือนที่จอดรถ)
ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่... มันก็ต้องมีเหตุผลล่ะนะ (ไม่เหมือนที่จอดรถ)
ความรัก ...ก็เหมือนการรอรถเมล์
สายที่ไม่อยากขึ้น-ก็มาจัง ..
ส่วนสายที่ต้องการจะขึ้น ...ก็.....นะ รอไปเถอะ
พอมา-ก็ไม่จอด
พอจอด-ก็คนแน่น-ขึ้นไม่ได้..พอขึ้นได้-รถก็ไปตายกลางทางอีก
17 ธันวาคม 2548 03:57 น.
แสงไร้เงา
เสียงเครื่องยนต์ 2800 ซีซี คำรามก้องเมื่อกระบะสีขาวพยายามไต่ขึ้นเนินชันเบื้องหน้า...