15 มกราคม 2545 00:14 น.

เมื่อคำนั้น...ผ่านมา

แสงแรก ประดับดิน

บทกวีของเธอ

ดึกนี้
สาวน้อยร้อยคำหอมไว้ดอมเช้า
บางคำเร้ารึงรัดจัดใจเจ้าของ
กลิ่นของคำย้ำจังหวะดุจระฆังทอง
ฟังทำนองคล้องคละสมดุล
ดึกนี้
สาวน้อยหลับไหลฝันไปว่า
จากป่าสู่ป่าพบป่ากลิ่นหอมกรุ่น
พบเจ้าชายเมืองลับแลแลการุณ
ยิ้มหวานนั้นอบอุ่นละมุนละไม
รุ่งสาง
เธอตื่นอ้างว้างกลางหมอกหนาว
ฝันสีขาวยังพราวมานหวานอย่างไหว
เหมือนวงน้ำกระเพื่อมขยายเลื่อมลายไกว
กว้างออกไปไกลและไกลใกล้ลางเลือน

สาวน้อยทั้งหลาย ขอถามหน่อยเถอะ ถ้าพบเจ้าชายในฝันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างแบบว่าพรรณนาต่อไปไม่ถูก เลยตัดฉากให้ฝันค้างเสียเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เช้านี้
มิอาจร้อยคำนั้นไว้ฝันดึก
หรือความรักเร้นลึกผลึกแก้วเสมือน
สองมือแม่โอบลูกไว้หลับในเรือน
เจ้าชายเพียงมาเยือนแล้วจากไป
ดึกนี้
หากมิอาจร้อยคำใดไว้หอมเช้า
กล้วยไม้เจ้าเร้าแดดออกอวดดอกใหม่
แม้ไร้กลิ่นแต่ก็หอม ณ อ้อมใจ
บทกวีไหวหอมโชยโดยเช่นนั้น

ดึกนี้เหงาไปหากไร้คำหอม
คืนนี้ดาววอม ณ อ้อมความฝัน
ได้รับคำเธอหอมชื่นเชื่อมคืนวัน
มิตรภาพสมานฉันท์อนันตกาล

เพราะอ่านคำใดหัวใจจึงหอม
สีใดหนอย้อมหัวใจให้อุ่นหวาน
สีรุ่งอรุณ สนธยา ป่า สายธาร
โดยบันดาลละมุนละไมจากใจคุณ

ดึกนี้
หนุ่มน้อยหลับไหลฝันไปว่า
เข้าสู่ป่าพบป่าบุบผาหอมกรุ่น
สบตาเจ้าหญิงเมืองลับแลแลการุณ
ยิ้มหวานนั้นอบอุ่นละมุนละไม

เขียนให้เพื่อนชื่อบอนที่ส่งการ์ดมิตรภาพปีใหม่มาให้ ชื่นใจ ชื่นใจ				
8 มกราคม 2545 18:57 น.

นกน้อย ทุ่งข้าว และชาวนา

แสงแรก ประดับดิน

นกน้อย ทุ่งข้าวและชาวนา
เมื่อนกน้อยคาบหญ้าอุ่นเจ้าครุ่นคิด
มีชีวิต มวลมิตร สิทธิ์จะฝัน
มีบ้านเล็กอุ่นจิตนิจนิรันดร์
ปลูกข้าวฝันวันนกว่ายสายลมบน

หมั้นฝันไว้ด้วยบทกวีที่ทุ่งข้าว
แต่งงานกับลมหนาวสาวสายฝน
ข้าวของเราจักหล่อเลี้ยงเพียงพอคน
เมล็ดฝันมิลีบหล่นบนคันนา

พวกเราทำงานงามของความรัก
ช่วยทอถักแก่นในใจภาษา
ฝัน ใส หนาว ขาวประกายสายธารา
ระยับสวยงามตาใต้ตะวัน

รุ่งสางนี้แสงแรกไม่แปลกหน้า
เดินทางมาทายทักรักคนฝัน
หนึ่งนกน้อยขยับขับขานพลัน
การแบ่งปันเริ่มที่นี่มีน้ำใจ

เราคือสหายสามแห่งยามเช้า
สัมผัสหมอกหยอกเย้ารับเช้าใหม่
คล้องฤดูกาลสมานหว่านภายใน
หนึ่งเมล็ดเติบใหญ่เป็นรวงทอง

เป็นรวงทองของความฝันวันลมหนาว
เป็นลูกหนุ่มลูกสาวลูกทั้งผอง
แม่โพสพยิ้มละไมในละออง
ยิ้มยกย่องชาวนาผู้กล้างาน

ในเวลามีรวงทองของทุ่งข้าว
ฟ้าราตรีมีดาวระยิบหว่าน
ฝันกระพริบสถิตที่กวีกานท์
อุ่น อิ่ม หวาน ในบ้านฝันนิรันดร์ไป

เมื่อนกน้อยคาบหญ้าอุ่นเจ้าครุ่นคิด
เลิกชีวิตแรมรอนอย่างอ่อนไหว
ด้วยความรักอาทรกรุ่นละมุนละไม
ไม่เป็นใหญ่แต่หัวใจสบายดี				
8 มกราคม 2545 18:43 น.

ที่ว่าง ค่ำคืน ฟ้า และป่าใหญ่

แสงแรก ประดับดิน

ที่ว่าง ค่ำคืนฟ้าและป่าใหญ่

พักกายใจในเพลงของคืนค่ำ
หลังแหวกว่ายสายน้ำฉ่ำสดชื่น
เปลวแกว่งไกวยอดไฟเหิมเราเติมฟืน
ฟ้าเดือนดาวดาษดื่นคืนแห่งฝัน

มานอนพักที่ว่างกลางป่าใหญ่
ริมห้วยเล็กน้ำใสสมานฉันท์
ดนตรีนกหรีดหริ่งเรไรร่วมประชัน
บรรเลงลั่นมโหรีคลี่กลมเกลียว

เหมือนหย่อนตัวเบาบางกลางเมฆอุ่น
ที่นอนนุ่มละมุนเตียงจันทร์เสี้ยว
สายตาของผองดาวหวานวาวเรียว
ปลอบขวัญคนดายเดียวเลิกเปลี่ยวดาย

หลับเถอะหลับผ่อนกายใจให้สดชื่น
ไฟโชนฟืนมโหรีหรี่เสียงสาย
นกละเมอเสียงบางอย่างห่างประปราย
อุ่นสบายเพลงสุดท้ายของค่ำคืน				
8 มกราคม 2545 18:43 น.

ต้นไม้ ใบหญ้า และตาวัน

แสงแรก ประดับดิน

ต้นไม้ ใบหญ้าและตาวัน

ในเวลามีความรักถักวิญญาณ
ตะวันออกฉายฉานม่านหมอกไหม
ดินต้อนรับแสงนับแสนจากแดนไกล
ต้นกิ่งใบได้เช้าใหม่ไม้ชื่นบาน

ดอกเอ๋ยแย้มบานรับแสงชีวิต
จากผลึกทิศมาสรรค์สร้างอย่างอุ่นหวาน
หล่อเลี้ยงโลกเป็นดวงตาทิวาวาร
ชาวโลกล้วนเรียกขานท่าน ตาวัน

จากตาวันถึงตะวันเรียกสั้นเข้า
จากยามเช้ายามสายบ่ายแปรผัน
รักผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ หลุด เท่าทัน
ตาสวรรค์อนันต์ตลอดกาล

ตะวันทำงานงามของความรัก
แสงวิสุทธิ์ทอถักอย่างกล้าหาญ
จึงได้นามสุริยะ ณ.จักรวาล
หนึ่งนกร้องขับขานเบิกบานใจ

เมื่อดวงใจรักหมดจดหมดทั้งโลก
ใจดวงนั้นจักมีโชคและผ่องใส
พลังจิตเพิ่มชั้นขึ้นทันใด
วิญญาณได้เช้าใหม่สงบเย็น				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแสงแรก ประดับดิน
Lovings  แสงแรก ประดับดิน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแสงแรก ประดับดิน
Lovings  แสงแรก ประดับดิน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแสงแรก ประดับดิน
Lovings  แสงแรก ประดับดิน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแสงแรก ประดับดิน