30 ธันวาคม 2545 00:58 น.
แสงแรก ประดับดิน
เปลือยคารวะ
เปล่าเปลือยเลือนเลื่อนไหลในไหมน้ำ
แววชื่นฉ่ำชื่นรู้อณูหนาว
หายเหนื่อยจากการสื่อสารอันนานยาว
จากเมืองหลวงปวงเรื่องราวก้าวเผชิญ
อยากมาที่ไม่มีคลื่นมือถือ
ไม่รับสื่อรับสาร ค้าน สรรเสริญ
หัวใจหนักพักสักก้าวก่อนก้าวเดิน
ข่าวส่วนเกินสุมในหัวใจเรา
สมองล้า คา พลัด กระจัดกระจาย
เหมือนบางอย่างสูญหายสมองเขลา
กรอบกรง หลงสื่อสาร หลังม่านเงา
อวิชชา สีเทา เจ้าเติบโต
ไม่มีบทจบของบทกวี
ไม่มีคารวะยังยะโส
ธรรมชาติสูงส่งทรงเดโช
เราพาโลแต่คารวะบทกวี
ธรรมชาติสูงส่งทรงเดโช
เราพาโลแต่คารวะบทกวี
22 สิงหาคม 2545 19:44 น.
แสงแรก ประดับดิน
รุ่งอรุณที่สวนโมกข์
มีความไร้ในความหลับกลับเป็นสุข
สงบเย็นเร้นซุกทุกก้อนหิน
เรียบและง่ายสาดสายสู่ไม้ดิน
ดอกไม้ในความสิ้นเตรียมจะบาน
ใครกันนะตื่นมาป่าตื่นแล้ว
หยาดน้ำค้างหยาดแก้วแวววูบหวาน
ตะเกียงเทียนกระจ่างถนนมณฑลลาน
จากที่พักสู่สถานลานธรรมทราย
ลานหินโค้งโล่งเตียนเนียนทรายขาว
เสียงระฆังจังหวะยาวราวมุ่งหมาย
มาเถิดเพื่อนสวดมนต์สาธยาย
กระแสเร้นเย็นปรายคลายตัวตน
ควันธูปล้อมแสงเทียนว่ายเวียนแสง
พระพุทธองค์แสดงแสงเหตุผล
ทุกข์เกิดได้ที่ใจทุรายทุรน
กิเลสวน วิบาก กรรมถลำตาม
เกิดตัวตนก่อเกิดคนผู้ทนทุกข์
สวดมนต์แปลปลอบปลุกตาที่สาม
ด้วยตาสติปัญญาพยายาม
ได้พบความรู้แจ้งและเห็นจริง
ความจริงของธรรมชาติฉลาดเร้น
ดูเหมือนเป็นแต่เปลี่ยนแปลงสรรพสิ่ง
ทนอยู่อย่างเดิมไม่ได้คล้ายแอบอิง
มิอาจนิ่งเป็นจริงด้วยสิ่งเดียว
ไร้ตัวตนเที่ยงแท้ถาวรพร้อม
เพียงหล่อหลอมขันธ์ห้าตัณหาเคี่ยว
เกิดรูปนามการผสมเหมือนกลมเกลียว
ว่ายวนในกระแสเชี่ยวอุปาทาน
ยึดมั่นถือมั่นเพราะตัณหาผูก
เราผู้ถูกผูกกายเนื้อด้วยเหยื่อหวาน
ผู้ลุ่มหลงเชือกร้ายของนายพราน
กลืนเบ็ดข้องของมารนานเหลือเกิน
22 สิงหาคม 2545 19:23 น.
แสงแรก ประดับดิน
ช่องว่าง..นางพราย
แสยะยาวราวภูตผีมิรู้หน
นางพรายป่าซุกซนบ่นว่าหิว
แสวงหาอาหารพบมารตะคริว
รบกันเหนือขนคิ้วว่ายเวียนวน
เธอคงว่ายผืนทรายแทนสายน้ำ
เย็นชื่นฉ่ำงามล้ำช้ำฉงน
วันนี้นางพรายทุรายทุรน
ถูกตัดส้นกระทืบดวงหทัย
กาลเวลาข่มขืนนางพรายใบ้
ยกรอยใหม่ให้กาได้อาศัย
รับร่องรอยบีบคั้นจากวันวัย
แหวกว่ายในร่องร้าวก้าวดุดัน
กาลเวลาเหมือนอะไรสักอย่างหนึ่ง
พุ่งตะบึงกัดกินและสร้างสรรค์
ให้ความหลอกความจริงยิ่งนิรันดร์
เลววันนั้นดีวันนี้ทั้งดีเลว
สร้างอันดับให้ความขี้เหร่
วางความว้าเหว่ไว้ปากเหว
วางความงามไว้ที่ไฟเปลว
สำเร็จ-ล้มเหลว ล้วนคู่กัน
กาลเวลาเหมือนเปลวไฟไร้สภาพ
แต่ทอดทาบสรรพสิ่งให้เปลี่ยนผัน
สร้างหัวเราะสร้างสะอื้นสร้างคืนวัน
ให้เราฝันเป็นบางสิ่งจริงคือตาย
กาลเวลาเผาตัวเองอย่างเร่งร้อน
แต่พักผ่อนสงบงามยามแดดสาย
ยิ่งอยู่นานยิ่งรู้ค่าการละลาย
รู้ความหมายร่องในใบหน้าตน
ทุกร่องรอยบนร่างกายหลายหลาก
รอยพบรอยพรากรอยสับสน
คือบันทึกเรื่องราวตราบที่คน
ยังสืบค้นช่องว่างของนางพราย
21 มีนาคม 2545 01:26 น.
แสงแรก ประดับดิน
ขอรักคุณด้วยคนได้ไหม
จะนิยามว่าความใคร่ง่ายยิ่งนัก
จะนิยามว่าความรักคงมักง่าย
เพราะรู้สึกลึกซึ้งซึ่งมากมาย
ร้อยนิยามมิอาจขยายนิยายใจ
ร้อยนิยายละลายเลื่อมเชื่อมความสุข
นิยายซุกแอบซ่อนอ่อนหวาน ใส
ร้อยรสหวานหมุนส่ายผ่านสายใย
หล่อเลี้ยงว่ายภายในไอน้ำหนาว
เช้าลอยในคลื่นดอกไม้หลายแสนดอก
ทะเลหมอกพอกภูเขาเป็นสีขาว
บ่ายดอกเลาเย้าสายลมแดดวับวาว
ทะเลเมฆใต้แสงดาวเอื้ออาทร
ให้เราเหมือนเพื่อนรักสักคู่หนึ่ง
เป็นที่พึ่งสร้างฝัน รัก สรรค์อักษร
ธรรมชาติแห่งรักสลักพร
หนึ่งใจจรในสองร่างร้างนิยาม
ใครเคยรักแบบนี้บ้างไหมครับ
15 มกราคม 2545 00:14 น.
แสงแรก ประดับดิน
บทกวีของเธอ
ดึกนี้
สาวน้อยร้อยคำหอมไว้ดอมเช้า
บางคำเร้ารึงรัดจัดใจเจ้าของ
กลิ่นของคำย้ำจังหวะดุจระฆังทอง
ฟังทำนองคล้องคละสมดุล
ดึกนี้
สาวน้อยหลับไหลฝันไปว่า
จากป่าสู่ป่าพบป่ากลิ่นหอมกรุ่น
พบเจ้าชายเมืองลับแลแลการุณ
ยิ้มหวานนั้นอบอุ่นละมุนละไม
รุ่งสาง
เธอตื่นอ้างว้างกลางหมอกหนาว
ฝันสีขาวยังพราวมานหวานอย่างไหว
เหมือนวงน้ำกระเพื่อมขยายเลื่อมลายไกว
กว้างออกไปไกลและไกลใกล้ลางเลือน
สาวน้อยทั้งหลาย ขอถามหน่อยเถอะ ถ้าพบเจ้าชายในฝันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างแบบว่าพรรณนาต่อไปไม่ถูก เลยตัดฉากให้ฝันค้างเสียเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เช้านี้
มิอาจร้อยคำนั้นไว้ฝันดึก
หรือความรักเร้นลึกผลึกแก้วเสมือน
สองมือแม่โอบลูกไว้หลับในเรือน
เจ้าชายเพียงมาเยือนแล้วจากไป
ดึกนี้
หากมิอาจร้อยคำใดไว้หอมเช้า
กล้วยไม้เจ้าเร้าแดดออกอวดดอกใหม่
แม้ไร้กลิ่นแต่ก็หอม ณ อ้อมใจ
บทกวีไหวหอมโชยโดยเช่นนั้น
ดึกนี้เหงาไปหากไร้คำหอม
คืนนี้ดาววอม ณ อ้อมความฝัน
ได้รับคำเธอหอมชื่นเชื่อมคืนวัน
มิตรภาพสมานฉันท์อนันตกาล
เพราะอ่านคำใดหัวใจจึงหอม
สีใดหนอย้อมหัวใจให้อุ่นหวาน
สีรุ่งอรุณ สนธยา ป่า สายธาร
โดยบันดาลละมุนละไมจากใจคุณ
ดึกนี้
หนุ่มน้อยหลับไหลฝันไปว่า
เข้าสู่ป่าพบป่าบุบผาหอมกรุ่น
สบตาเจ้าหญิงเมืองลับแลแลการุณ
ยิ้มหวานนั้นอบอุ่นละมุนละไม
เขียนให้เพื่อนชื่อบอนที่ส่งการ์ดมิตรภาพปีใหม่มาให้ ชื่นใจ ชื่นใจ