25 ตุลาคม 2550 20:03 น.
แสงเหนือ
ถนอมดวงตาของเจ้าไว้ เด็กน้อยเอย
ดวงตาที่ ใส กระจ่าง
พร่างพราว ดุจหมู่ดาว เนตรฟ้า..............
ดวงตาที่จรรโลงทุกหัวใจในโลกหล้า.......
.....ให้รู้จัก สุนทรีย์.................................
ถนอมดวงตาของเจ้าไว้ เด็กน้อยเอย
ดวงตาที่สวยใส ไร้ซ่อนเร้น
....ดุจรุ้งมณี หลากสี ตระการ..............
....งาม ..และอัศจรรย์ เด่นด้าวเวหา
ดวงตาที่จรรโลงทุกหัวใจในโลกหล้า...
.....ให้รู้ซึ้งคุณค่า...บนแดนดิน...........
ถนอมดวงตาของเจ้าไว้ เด็กน้อยเอย
ดวงตาที่ ใส บริสุทธิ์
ดุจหยาดฝนชุ่ม สดใส เริงร่า แข่งร่วงพราวกราวกรู
จากโพ้นพิภพไกล แดนทิพย์.................
ดวงตาที่จรรโลงทุกหัวใจในโลกหล้า......
.....ให้ชื่น เย็น สดใส และเบิกบาน......................
ถนอมดวงตาของเจ้าไว้ เด็กน้อยเอย
ดวงตาที่พร่างพราย เปี่ยมประกายชีวา.......
ยังชาวโลกหล้า ให้สราญรื่นชื่นขวัญ.............
..ประดุจบุปผาสวรรค์ หลากหลายพันธุ์.........
วิจิตร ตระการ บานเบ่ง ...
สะพรึบสะพรั่งประชันประกายในอุทยานทิพย์
ยังจิตของเหล่าเทพให้ยินดี ปรีดิ์เปรม ..ฉะนั้น
ถนอมดวงตาของเจ้าไว้ เด็กน้อยเอย
ดวงตาที่เปล่งประกายงาม
..แวววาม ด้วยความหวัง และความใฝ่ฝัน
..ดุจหมู่มวลดอกหญ้ากระจิริด กลางทุ่งตะวัน
.....ต่างพากันชะเง้อรอคอย....
................แสงสุรีย์อุ่นแห่งเหมันตฤดู
ดวงตาที่จรรโลงทุกหัวใจในโลกหล้า...
...ให้รู้จักแบ่งปัน ...และอ่อนโยน......
ถนอมดวงตาของเจ้าไว้ เด็กน้อยเอย
อย่าให้ฝุ่นละออง หยาบร้าย
แห่งราคะ โทสะ โมหะ
แพร่เพาะ เกาะคุม ..เร็วนัก
ถนอมดวงตาเด็กน้อยไว้
อย่าให้หมอกควันแห่งมายา ฉุดพาให้หลงทาง ...
จะโรยล้า
อย่าให้แสงกล้าแห่งตะวันอันฉาดโชน แผดผลาญ...
จะกร้านหยาบ
อย่าให้สายลมแล้งแห่งความสิ้นไร้ โลมล้อม...
จะหมองขวัญ
อย่าให้ประกายแห่งความสดใส เหือดหายไป
....เร็วนัก ฯ ..................... .........
..
17 ตุลาคม 2550 23:43 น.
แสงเหนือ
ตะบี้ตะบันมั่นมุ่งแท้ แน่ใจ
ทีท่าเหิมเริงไฟ ใฝ่สะท้อน
ประชาธิปไตยไง ฉันมั่น กมลแฮ
มีสิทธิ์ใช้สิทธิ์อ้อน สิทธิ์ใช้ ไฉนทราม ฯ
งามสุนทรีย์พร่างพร้อย ภาพงาน
งามยิ่งแล้อุดมการณ์ เหล่าข้า
ศิลปะแห่งชาติตระการ จรุงจิตต์
งามสะท้อนสัจจ์กล้า เหล่าข้า มั่นผดุง ฯ
งามศิลป์ค่าเลิศล้ำ ย้ำยิน
งามค่าควรแผ่นดิน สยามหล้า
ควรเทิดเปิดแสดงสิ้น เสพทั่ว กันนา
มากหลากรางวัลท้า จึ่งกล้า การันตี ฯ
กระท้อนทุบทุบเถิดถ้า รสดี ท่านเอย
แก้วหากคือเลิศมณี รัตน์ล้ำ
เนิ่นกาลนับพันปี ชนนอบ นบเฮย
มิใฝ่ ปาคูถซ้ำ ปิดกั้น แสงมณี ฯ
เวทนาปลาเต่าน้อย หอยปู
หากว่ายหมายชื่นชู ฝั่งแพร้ว
กระแสซัดสาดกราดกรู เกยหาด
มิปรารถนาอีกแล้ว เหือดสิ้น ศรัทธา ฯ
ร้อยร้อยโจรว่าร้าย ยังดี ท่านเอย
ปล้นปอกลอกไปที แค่เสี้ยว
ศรัทธาถูกย่ำยี ปล้นนิ่ม
วายวอดวนหม่นเถี้ยว โศกสิ้น กัปกัลป์ ฯ
ผดุงปริยัติไว้ ยืนยง
ภิกษุหนึ่งธำรง กิจไว้
คันถธุระคง เพียรมั่น สืบแล
ท่ามยุคศรัทธาไร้ บากหน้า ผดุงเดิน ฯ
*คูถ = อุจจาระ
เถี้ยว = เที่ยว
**หลังจากได้ดู จับเข่าคุย ช่อง3 หลายวันก่อน**
หมายเหตุ
๑.ผลจากสิ่งที่ศิลปินสะท้อนโดยเหมารวมคณะสงฆ์ ก็ได้เห็นคนจำนวนหนึ่ง
โพสเข้าไปด่าพระอย่างครึกโครม ตามเวปที่มีข่าวลงโดยไม่กระดากปาก
มีความแตกแยกทางความคิดอย่างชัดเจน
(สงสัยว่า ศาสนิกศาสนาอื่น ๆ ไม่เห็นลุกมาสะท้อนแง่มุมเสีย ๆ ของศาสนาตนเองเลย ...งานนี้ไม่รู้ใครได้ ใครเสีย )
๒. เห็นเรือด่วนเจ้าพระยาจากท่าน้ำนนท์บางลำ เอาป้ายข้อความ
ที่นั่งสำหรับภิกษุ-สามเณรออกแล้ว(ทาสีกลบ) ถึงไม่ทำอย่างนั้น
ปกติคนที่ไปนั่งตรงนั้นก็ไม่มีใครลุกอยู่แล้ว
(พระผู้ใหญ่ บารมีมาก เกิดอะไรขึ้น ท่านจะไม่ได้รับ
ผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น สัมภาษณ์อะไรท่านต้องให้เป็นกลางที่สุด อยู่แล้ว )
๓.ประเทศ สถาบัน หรือสมาคมไหน ที่ถูกประณามหยามเหยียด ถูกรังเกียจ
ถามว่าใครอยากเข้าไปอยู่ ไปเป็นส่วนหนึ่งในสถาบันนั้นบ้าง ถามเรา ๆ ก็
คงบอกว่า no thanks คนจะสืบทอดศาสนาก็คงน้อยลงเรื่อย ๆ ทุกวันนี้
เห็นบวชกันแค่ ๗ วัน ๑๕ วันยังไม่ทันได้เรียนรู้อะไรเลย...
๔.ชาวพุทธที่เคยรู้เกี่ยวกับพุทธประวัติตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์เป็นต้นมา
รู้เรื่องราวเกี่ยวกับผ้ากาสาวพัสตร์ จะไม่กล้าหมิ่นน้ำพระทัยพระพุทธเจ้าเลย
จะไม่กล้าแม้แต่จะคะนองคิด นี่เล่นเอาจีวรพระมาขึงเขียนภาพอุดจาด
แทนที่จะใช้ผ้าอย่างอื่น...ศิลปินน่าจะศึกษาพุทธให้มากขึ้นกว่าคนทั่วไป
๕. พระบางรูปมีพร้อมทั้ง ศีลาจารวัตร บางรูปแม้ อาจาระ(มารยาท) หรือ
วัตร (ข้อปฏิบัติ) อาจดูไม่เข้าตาชาวบ้าน (เช่นออกมาประท้วง )
แต่มิได้หมาย ความว่า ท่านไม่มีศีล(ในส่วนวินัยข้อห้าม)
อยากด่าพระควรระวังให้มากไว้ก่อน....(ไม่ใช่ของฟรีอย่างที่คิด)
เราจะได้ปลอดภัย...(เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รอง
ยังจะเอากะทะทองแดงห้อย คออีก)( กะทะ= กระทะ )
๖.สมัยพุทธกาลมีภิกษุชั่วบาปหยาบร้ายกว่านี้เยอะ (ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก
วินัยปิฎก จะมีตัวอย่างพระทำอะไร ๆ อย่างที่เราคาดไม่ถึง ) พระพุทธเจ้า
ทรงยอมรับจุดนั้น ได้วางโทษไว้เป็นระดับ ๆ และข้อแก้ไขไว้เป็นระดับ ๆ
หนัก เบา
๗.พระพุทธเจ้าเคยเสด็จไปปกป้อง พระญาติศากยวงศ์ถึง สามครั้งสมัยถูก
พระเจ้าวิทูฑะภะ ยกทัพไปเข่นฆ่า ..ถึงกรุงกบิลพัสด์ จนวอดวาย
สูญสิ้นศากยวงศ์ ในสมัยนั้น ในที่สุดห้ามไม่ได้ ท่านก็จึงวางเฉย
สถาบันที่ควรปกป้องพระองค์ก็ทรงปกป้อง ไม่ทอดทิ้งธุระเสีย....
เรื่องที่ควรเฉยจึงเฉย เช่น ถูกนางมาคันทิยา จ้างคนไปตามด่าเวลาเข้า
ไปสู่คาม นิคม หรือบิณฑบาต เป็นต้น...
.ถ้าอุบาสกอุบาสิกา เข้มแข็ง พระคงไม่ต้องออก
มาประท้วงจีวรปลิวอย่างในไทยหรือในพม่า ฯ
๘. เงินทอง บุตรธิดา ฯลฯ เป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจ
ได้ในชาตินี้ชาติเดียว เท่านั้น แต่ศรัทธาเป็นอริยทรัพย์ ๑ ใน
๗ อย่างที่ตามไปอำนวยสุขให้ได้ใน ทุกภพทุกชาติ
ขอให้พี่น้องผองเพื่อนรักษาไว้ให้ดี.......
ผู้ใดห้ามคนอื่นทำบุญ ทำกุศล หรือทำประโยชน์ ต่าง ๆ
( ด้วยวาจาตรง ๆ ก็ดี ด้วยการ ทำลายศรัทธาเขาวิธีใดวิธีหนึ่งก็ดี )
ผู้นั้นชื่อว่า ปล้นบุญของผู้จะให้ทาน ปล้นลาภของผู้จะได้รับ
พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่าเป็น มหาโจร ฯ
7 ตุลาคม 2550 11:04 น.
แสงเหนือ
.................
.......................
......................
......................
4 ตุลาคม 2550 22:54 น.
แสงเหนือ
.. เพียงได้พบสบตาอุราตื่น
ใจชุ่มชื่นดุจข้าวกล้าคราฉ่ำฝน
สบดวงตา ใครใครมาหลายคน
ในกมลเฉยชา Sugar Free
แม้พลอยเพชรเม็ดพร่างมาวางใกล้
สาบานได้เพชรผ่องก็หมองสี
ตาคู่นั้น ล้ำประกายฉายชีวี
วินาทีมิอยากพลาดคลาดตาไป
เพียงครั้งแรกแปลกจริงสิ่งที่พบ
เหมือนประสบธารสีมณีใส
ตาคู่นั้น เออก็เหมือนตาใครใคร
แต่ทำไม ใยจึงตรึงฤดี
โลกทั้งโลกหยุดลงที่ตรงหน้า
โลกทั้งหล้าพลันตื่นฟื้นสุขี
ยิ้มออกจากข้างใน ใจขจี
หวังไมตรียื่นไปได้ทักทาย
ไม่คิดคาดวาดว่าจะมาสบ
เหมือนได้พบของรักที่พลัดหาย
อยากพลันเอื้อมมาแอบแนบชิดกาย
กอดให้หายคลายถวิลแสวงวน
เพื่อนบอกว่าเป็นญาติเรียนพาณิชย์
เสาร์อาทิตย์จะมาทุกคราหน
เดือนหน้าครบจบหลักสูตร สุดจะรน
ให้กังวล.. ไฉนสร้างทางสัมพันธ์
ยุคสมัยไม่เอื้อพอติดต่อได้
จึงร้างไกลหายห่างจะสร้างสรรค์
ใยแสนบาง สายเดียวจะเกี่ยวพัน
ต้องมีอัน ขาดคว้าง ...ร้างตาไกล
............. ..
แต่นั้นมาชีวา ก็ไร้รัก
หงอยเหงานัก เหมือนชินสิ้นสดใส
เหมือนกบเฒ่าจำศีลสิ้นอาลัย
น้ำตาซึมจะไหลเมื่อใจทวน
สายลมหนาวร้าวรวนยังหวนกลับ
สายสัมพันธ์ ไกลลับไม่กลับหวน
สายใจเธอ เปี่ยมจิตให้คิดครวญ
บุญทั้งมวล ฤาไม่พอ ท้อ ..ใจจน
อยากจะพบเหลือเกิน...............
.........อยากจะพบ.....................
อยากจะสบสายตาอีกคราหน.....
แม้เจอเพียงเถ้าอัฏฐิธุลีปน.......
จะกอบก่นมาเลี่ยมทองคล้องแนบใจ
นั่งหน้า Com มองดูหน้า Google
กระพริบเชิญ อยากหา ที่หน้าไหน
จะได้ Search อย่ารีรอขอชื่อไว
แสนจนใจ ..Key อะไรจะได้เจอ
................
น้ำตาซึม ไหลพรูหน้า Google
คงยากเกิน Key ไปนายคงเซ่อ
ขอบใจนะ มีน้ำใจไอ้เพื่อนเกลอ
อยากพบเธอ พบได้ ..ในใจเรา
ขอลาหยุด ถึงวันที่ 17 ตุลานะครับ)
เพลง 1
http://roch.clubdara.com/clipshowflv.php?clip=clip_1983_mv_01
เพลง 2
http://roch.clubdara.com/musicplay.php?group=return_of_the_condor_heroes&song=roch_1983_1
22 กันยายน 2550 14:28 น.
แสงเหนือ
หมั่นฝึกใจใฝ่ธรรมเนกขัมมะ
อยู่อย่างพระละบ่วงตัดห่วงหา
อยู่ด้วยจิตอิสระละกามา
เนกขัมม์พาสงบเย็นเห็นนิพพาน
หมั่นสำรวมกายวาจารักษาจิต
ให้พ้นผิดบริสุทธิ์ตามวุฒิฐาน
ถือศีลสัตย์จัดนิสัยไตรทวาร
ให้ประสานเป็นศีลสมบ่มอินทรีย์
หมั่นน้อมจิตพิจไปในเหตุผล
หมั่นฝึกค้นสัจธรรมนำวิถี
หมั่นชนะอธรรมด้วยกรรมดี
ฝึกให้มีนิสัยใช้ปัญญา
หมั่นฝึกเพาะเมตตามหาจิต
แผ่ทั่วทิศคิดแต่ปรารถนา
ให้เป็นสุขสวัสดีทุกชีวา
สัตว์ถ้วนหน้ารักให้เท่าเรารักตน
หมั่นฝึกใจใฝ่อยู่เป็นผู้ให้
ทานมัยพาถึงซึ่งมรรคผล
ให้เพื่อรื้อถือทั่วในตัวตน
ให้เพื่อพ้นบ่วงอัตตาที่คาใจ
หมั่นพูดแต่ความจริงสิ่งประเสริฐ
ไม่ละเมิดสัตย์จริงทิ้งวิสัย
ดั่งบุรุษมหาอาชาไนย
ไม่หวั่นไหวเอนเอียงเลี่ยงสัจจา
หมั่นตั้งจิตเป็นนิตย์อธิษฐาน
เพื่อประสานจิตตั้งดั่งภูผา
ดุจเปลวเทียนสงบยิ่งนิ่งงามตา
ย่อมนำพาผลประเสริฐเกิดพลัง
หมั่นพากเพียรให้สุดอุตสาหะ
วิริยะกล้าแกร่งเรี่ยวแรงขลัง
จนกว่าได้ประโยชน์เสร็จสำเร็จดัง
จิตที่ตั้งเพียรชอบประกอบการ
หมั่นฝึกตนอดกลั้นมีขันติ
สมาธิตั้งในหทัยฐาน
จิตผนึกฝึกตนให้ทนทาน
ขันติปานเพชรประดับงามจับใจ
หมั่นยกจิตเป็นเอกอุเบกขา
ด้วยปัญญารู้ทันไม่หวั่นไหว
สรรพสิ่งทั่วถ้วนล้วนเป็นไป
ตามวิสัยไตรลักษณ์หลักแห่งกรรม.
๑.เนกขัมมบารมี ๒. ศีลบารมี ๓. ปัญญาบารมี
๔. เมตตาบารมี ๕. ทานบารมี ๖. สัจจบารมี
๗. อธิษฐานบารมี ๘. วิริยบารมี ๙. ขันติบารมี
๑๐. อุเบกขาบารมี
พระพุทธองค์ตรัสที่เมืองสาวัตถี เพราะทรงปรารถสามเณรรูปหนึ่ง ที่เห็นช่างต่าง ๆ ต่างทำงานเพื่อให้ลุประโยชน์ตน ว่า
ช่างไขน้ำทั้งหลาย ย่อมไขน้ำ (เข้านา)
ช่างศรทั้งหลายย่อมดัดศร
ช่างถาก ทั้งหลายย่อมถากไม้
ส่วนบัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน
* พระพุทธองค์ทรงใช้เวลาตลอดชั่วชีวิต ๆหนึ่ง ทำบารมีข้อหนึ่ง ๆ ให้เต็ม
ในฐานะชาวพุทธคุณคิดว่าเลื่อมใสอยากทำบารมีข้อไหนให้เต็มบ้างครับ?
ภาพโดย คุณ SUPPAKIT (ขออนุญาตและโปรดมีอนุโมทนาจิตยินดีนะครับ)