24 มีนาคม 2553 19:47 น.
แสงเหนือ
(กลบทกบเต้นต่อยหอย)
ภาษาไทยไพศาลถ้อยร้อยเรียงร่ำ
คล้ายลำนำคำล้วนนวลชวนศึกษา
สินเด่นลักษณ์ศักดิ์เด่นล้ำย้ำปัญญา
ควรรักษาค่ารังสรรค์นิรันดร์กาล
เผ่าประยูรพูนปัญญาตรากำหนด
จึงปรากฏจดปกรณ์วอนสืบสาน
ส่งเสริมรักษ์ศักดิ์ศรีเราให้เนานาน
ใช้ถูกกาลชาญทุกกิจห่อนบิดเบือน
จะดำรงจงดำริพิทักษ์เถิด
ช่วยชูเชิดเฉิดฉายชื่นชื่นใดเหมือน
ภาคภูมิจิตพิศภูมิใจไทยไม่เลือน
เอ่ยฝากเพื่อนเอื้อนฝากพารักษาไทย ฯ
23 มีนาคม 2553 23:22 น.
แสงเหนือ
(กลบทกบเต้นกลางสระบัว)
ร้อยคำร่ำความนิยามร้อย
ศิลป์ฐานสานถ้อยมาร้อยศิลป์
รินรายร่ายเรียงเป็นเสียงริน
ยลจินต์ยินจารตระการยล
ช่องวางช่างเว้นดูเด่นช่อง
ผลกรองผองกานท์ละลานผล
กลบทกฏระเบียบดูเปรียบกล
วางยลวนย้อนอักษรวาง
ถ้อยสลักถักเสลาขัดเกลาถ้อย
ร่างรอยร้อยเรียงเทียบเคียงร่าง
พลางเสริมเพิ่มสรรพลิกผันพลาง
เพียรทางพลางทวนสำนวนเพียร
ฝึกกลฝนกานท์โวหารฝึก
เขียนนัยไขนึกค่อยฝึกเขียน
เวียนค้นวนคว้าตำราเวียน
เพลินเรียนเพียรรู้อ่านดูเพลิน
เริ่มจากรากใจมาใฝ่เริ่ม
เขินเติมเคลิ้มต่อไม่ท้อเขิน
เดินมุมดุ่มมั่นบากบั่นเดิน
กลอนเชิญเกริ่นชักมารักกลอน ฯ
(เป็นกลบทผสมระหว่าง กลบทกบเต้นต่อยหอย + กลบทครอบจักรวาล แต่จะใช้บาทละ 7 คำ)
26 พฤศจิกายน 2551 09:18 น.
แสงเหนือ
๑
ณ แดนดินดิ่งด้าว.........ธรณี
ทางโล่งล้วนประตูมี.......เปิดใกล้
เข้าง่ายสะดวกฟรี..........พาสปอร์ต ท่านเอย
กิตติมศักดิ์ตราประทับไว้...ติดพื้นใจทราม ฯ
๒
คือโอฬารด่านด้าว......นรกานต์
คือระอุแดงเดือดธาร...ประทุต้อน
อึกทึกคุครวญขาน......เสพโศก
มิคสัญญีร้อน.............สัตว์ล้วนครวญกรรม ฯ
๓
อกุศลดลเกิดกลั้ว....กองเพลิง
ทุจริตคิดระเริง.......เล่นล้อ
แพรวพราวพลิกชั้นเชิง...ชาญฉลาด
เมินผิรู้นั่นข้อ.........ประมาทแท้หมิ่นธรรม ฯ
๔
เพลงเพลิงเริงร่ายล้วน....เพลงกรรม
โถมถั่งโหมลำนำ..........ค่ำเช้า
สุมสาปบาประยำ........ใครก่อ
เพลงโอดจึ่งวิโยคเร้า....โศกเคล้าเพลงเพลิง ฯ
๕
โหยหวนมวลสัตว์แห้ง.....หิริ
ครวญคร่ำผลกรรมผลิ...เผ็ดร้อน
เชื้อบาปสาดเปลวปริ...ลามลวก
มากสัตว์อกสะท้อน....ห่อนรู้อายุกาล ฯ
๖
โน่นอีกแดนด่านด้าว...โลกันต์
มืดกว่ามืดเกินสรร.....เสกอ้าง
โพ้นไกลสุดดาวปัน...แสงส่อง
จวบพุทธองค์อุบัติหล้าง...จึ่งจ้าโพธิญาณ ฯ
๗
เป็นเวิ้งกรดยะเยียบใต้....หินผา
ปวงสัตว์ไร้พสุธา..........เหยียบยั้ง
ห้อยโหนห่วงกรรมหนา...เกินกัป
กรรมกอบโกงชาติรั้ง......วิบากไร้แผ่นดิน ฯ
๘
อกาลิโกลิขิตล้ำ..........ธรรมคุณ
สรรพสิ่งปรับสมดุล.....คลุกเคล้า
ดีชั่วสั่งสมทุน............ธุรจิต
ธรรมประสิทธิ์ขลังค่ำเช้า...ไป่ม้วยชรากาล ฯ
12 กันยายน 2551 23:09 น.
แสงเหนือ
๏ ห้วงน้ำยามหยดย้าย....หยาดกระเด็น
แตกซ่านซานกระเซ็น....หยดคว้าง
ปลิวไกลห่างห้วงเย็น......ย่านสมุทร
ไปหลุดสาครกว้าง.........จักยั้งเย็นไฉน ฯ
๏ หยดน้ำเมื่อห่างห้วง.........สาคร
กระเด็นหยดตกสู่ดอน.........แหล่งแล้ง
แปลกเปลี่ยวปลีกจากจร......จักอยู่ เย็นฤา
ท้ายสุดปุดเหือดแห้ง...........ห่อนรั้งรอนาน ฯ
๏ ฉันนั้นอันบุรุษผู้.............ห่างธรรม
จุดจบต้องกลืนกรรม..........ก่อไว้
เลยละจริยธรรม.................เป็นเหตุ ท่านเอย
ย่อมเสื่อมพลันเพราะไร้......สติใช้เตือนตน ฯ
๏ จริยธรรมนำสุขสร้าง.......สังคม
เสริมส่งสานเกลียวกลม........ก่อกู้
เสริมแบบอย่างยามสม-......ควรแก่ การณ์นา
เสริมเกียรติเกิดแก่ผู้...........ไป่ร้างลืมธรรม ฯ
20 สิงหาคม 2551 14:00 น.
แสงเหนือ
หมดเวลาเที่ยวจรวอนกราบไหว้
ผ่านเวลาเปิดไวน์ได้ฉลอง
เสียเวลาพูดพร่ำร่ำทำนอง
เป็นเวลานาทีทองได้ครองเมือง
หมดเวลาเคาะประตูดูถึงบ้าน
ได้เวลาดันแผนการอันปราดเปรื่อง
เสียเวลาไม่ได้หมายรุ่งเรือง
ธุรกรรมลือเลื่องการเมืองไทย
ทิ้งปัญหาสารพันอันเร่งด่วน
ธรรมชาติแปรปรวนชวนหวาดไหว
ข้าวของแพงแซงรายรับคับแค้นใจ
สามัคคีภายใน ไม่อาทร
ทั้งปัญหาเยาวชนที่พ่นพิษ
การกีฬาไม่สัมฤทธิ์ช่วยคิดก่อน
การศึกษาประวัติศาสตร์ที่ขาดตอน
ไม่อาทรเร่งรัดปัดพ้นไป
ไปเร่งสร้างรัฐสภาให้อ่าโอ่
กลางกรุงโก้ริมน้ำย่านอาศัย
ไล่ตะเพิดชุมชนให้พ้นไป
จราจรจะบรรลัยไม่นำพา
หมดเวลา ประชาธิปไตย ไปนานแล้ว
ยินเสียงแว่วขานกู่ในคูหา
กลายเป็นซากเสียงร้องของประชา
ในสภาคือเสียงใคร ไหนบอกที.ฯ