9 กันยายน 2552 13:37 น.
แสงเพชร
พนมกรก่อนก้มกราบห้างาม
จิตเกิดความเกษมเปรมหนักหนา
นั่งคุกเข่าเฝ้าองค์พระสัมมา
สุดบูชาเทิดทูนเหนืออื่นใด
กราบที่หนึ่งระลึกคุณพระพุทธ
ที่พิสุทธิ์ดุจแก้วเพชรแววใส
ทรงปฏิบัติบัญญัติจนเกริกไกร
น้ำพระทัยใหญ่ล้นพ้นจักรวาล
กราบที่สองระลึกคุณพระธรรม
พร้อมน้อมนำคำสอนสิ่งสืบสาน
ทุกข้อเด่นเห็นหลักปฏิบัติการ
ดั่งท่านหว่านเม็ดพันธ์อันสิ่งดี
กราบที่สามระลึกคุณพระสงฆ์
จาริกบุญธุดงค์พงไพรศรี
เจริญธรรมนำสู่รู้ชีวี
เผยสิ่งดีชี้นำทำผลบุญ
กราบที่สี่ระลึกคุณพ่อแม่
เลี้ยงดูแลแด่เราเฝ้าอุดหนุน
จนเติบใหญ่ได้งามความการุญ
มอบไออุ่นจุนเจือเสมอมา
กราบที่ห้าระลึกคุณครูอุปัชฌาย์
มอบวิชาสารพันขันอาสา
คอยอบรมบ่มเพาะเจาะกะลา
จนแกร่งกล้าสามารถ อาจ-องไกล
กราบทั้งห้าล้วนนึกถึงพระคุณ
ที่เกื้อหนุนนำจิตชิดสดใส
จะนำแบบแผนดีนี้ใส่ใจ
ทุกสมัยให้งามตามอย่างไป
บันทึก ๙ กันยายน ๒๕๕๒
8 กันยายน 2552 12:49 น.
แสงเพชร
ร้อนหรือยังคนดีพี่เป็นห่วง
ทำงานล่วงเวลาเหนื่อยล้าไหม
อาหารเที่ยงทานข้าวกับอะไร
ต้องสนใจสุขภาพทราบหรือยัง
อย่าหักโหมทำงานอาจป่วยหนัก
ด้วยเพราะรักจึงถามความหนหลัง
หนาวไหมครับหลับนอนอย่าลืมฟัง
เพลงที่สั่งซื้อให้ในวานซืน
ต้องกางร่มกันฝนหล่นเปียกหัว
อย่าไปมัวทะเลาะเพราะเพื่อนฝืน
ร้อนมากไหมใคร่ถามยามดึกดืน
ชวนยิ้มรื่นชื่นใจให้คนดี
ไปดูหนังฟังเพลงกันดีไหม
ทำงานหนักเกินไปไม่สุขี
หากง่วงนอนซบอกอุ่นสักที
รักคนดีที่สุดดุจฟ้าคราม
บันทึก ๘ กันยายน ๒๕๕๒
7 กันยายน 2552 18:48 น.
แสงเพชร
ดีดนิ้วลงตรงสายบรรยายความ
ด้วยใจหวามวาดไหวในห่วงหา
สุดคะนึงตรึงแน่นแดนอุรา
บรรเลงข้ามขอบฟ้ามาฝากเธอ
เสียงเสนาะเพราะนึกถึงความรัก
สุดจะหักห้ามใจใคร่เสนอ
สำเนียงคลอเคล้าแผ่วแนวละเมอ
รำพันเพ้อพลิ้วไหวในภักดี
ลมรำเพยพัดหอบมอบแด่เจ้า
ลดความเศร้าโศกนั้นหันคลายหนี
บรรเลงกล่อมก้องไว้ในราตรี
ให้ดนตรีนี้สลายหายทุกข์ใจ
ดรรชนีกรีดกล่อมตะล่อมล่วง
ออกจากทรวงห่วงใยทุกสมัย
ฝากความรักกับลมพรมพลิ้วไป
สี่ห้องใจให้ถึงซึ่งปรางนวล
หากได้ยินพิณนี้ที่บรรเลง
เป็นบทเพลงฝากไว้ให้สงวน
เก็บปรางน้องของพี่อย่าชี้ชวน
ห้ามบุรุษรุดยวนนวลแก้วตา
อีกกระซิบเสียงแผ่วแว่วถึงเจ้า
ปรางน้องเย้ายวนใจพี่หนักหนา
อยากประชิดติดแก้มก่อนหอมลา
กล่อมขวัญตาฝันดีราตรีเทอญ
๗ กันยายน ๒๕๕๒
บรรเลงจากลานใจ
7 กันยายน 2552 08:56 น.
แสงเพชร
สำเนียงข้าบ้านนอกออกเสียงเหน่อ
อาจดูเซ่อซุ่มซ่ามล้าสมัย
แต่งตัวเชยช่างข้าอย่าสนใจ
เป็นนิสัยส่วนตัวของชาวนา
ข้านุ่งผ้าขาก๊วยสวยหรือไม่
เอ็งคงทนไม่ได้ให้อิดหนา
คิดไปเด่นไปเชิดเชิญแก้วตา
สู่เมืองฟ้าอมรนครวิไล
ไอ้หนุ่มกรุงนุ่งเดทเด็ดจริงหนอ
คงพะนอคลอเจ้าจนสดใส
เอ็งสุขสมแสนปลื้มลืมคนไกล
ที่ห่วงใยหยอกเย้าเจ้าบานเย็น
ข้าบ้านนอกนอนมุ้งหูสี่สาย
เอ็งหนีควายหน่ายหน้าไม่มาเห็น
ห้องมิดชิดติดแอร์สิ้นลำเค็ญ
บานเย็นเป็นเยลหลี่ขี่เบ็นซ์โชว์
บันทึก ๗ กันยายน ๒๕๕๒
บานเย็นเป็นสาวชาวบ้านนอก
เข้าบางกอกบอกโก้เก๋ใช่ไหม
เจ้าไปดีขี่เบ็นซ์ข้าเย็นใจ
หากวันใดใจเอ็งเจ็บจงกลับมา
6 กันยายน 2552 01:59 น.
แสงเพชร
จิตก่อเกิดการเพียรเพื่อเรียนรู้
เพ่งเฝ้าดูหูปรับจับห้วงเสียง
ลมหวีดหวิวพลิ้วแผ่วแว่วลำเลียง
ปราณเรียบเรียงเพียงนึกลึกว่างวาง
อณูลมลึกลงตรงหว่างท้อง
กระจ่างจ้องจนว่างวาดสะสาง
สรรพสิ่งสอดแทรกมิแหวกกลาง
บังคับร่างวางเฉยจนเคยชิน
สัมปชัญญะบังเกิดเปิดห้องจิต
มิยึดติดสิ่งใดให้ถวิล
อาศัยร่างสร้างตนจนประทิน
ปฏิบัตตัดสิ้นเพื่ออินทรีย์
หมดความโลภหลงใหลในอบาย
สู่จุดหมายภายหน้าพาสุขี
ช่างปลอดโปร่งโล่งจิตจนแจ่มดี
พระธรรมนี้มีแฝงแห่งพลัง
บันทึก ๖ กันยายน ๒๕๕๒
ยามทุกข์ท้อต่อสู้สิ่งเลวร้าย
ต้องสลายคลายจิตอย่าติดหลง
ตัดใจวางว่างไว้ให้มั่นคง
ทุกสิ่งปลงลงบ้างช่างรื่นรมย์