20 มีนาคม 2549 03:47 น.
แสงริมทางเท้า
ผ่านไปแล้วอีกวันในรอบเดือน
ความลางเลือนเริ่มมาเยือนในใจนี้
ความรู้สึกเริ่มเจือจางไปทุกที
ทุกนาทีใจดวงนี้เริ่มห่างเธอ
ความเข้มแข็งของหัวใจเริ่มกลับมา
หยาดน้ำตาหลายเวลาที่ล้นเอ่อ
ความเจ็บช้ำจากภาพที่ได้เจอ
ความเป็นเธอจะหายไปจากใจเรา
ถึงวันนี้อาจไม่เหมือนแต่ก่อน
แต่เวลาที่แรมรอนตอนที่เหงา
ผ่านมาแล้วหลายคืนวันที่แสนเศร้า
หากวันนี้เหลือแต่เราคงเข้าที
ผ่านไปเถอะ..คืนวันจงผ่านไป
หากแต่ใจจะมั่นไว้ในตรงนี้
เธอคนนั้นคนเดียวที่เคยมี
เธอคนที่...ไม่แม้จะชายตา
ความสำคัญของคนนี้ไม่เคยมี
แม้จะยามที่จะหันจะมองมา
ช่างเหี้ยมโหด..ใจดำเหลือคณา
เกินกว่าว่าปากจะติตำหนิเธอ
ก็อย่างว่า...คนไม่หล่อนี่แหละนะ
ก็คงจะไม่เตะตาอยู่เสมอ
หากว่าเราเกิดมาหล่อคงได้เจอ
คงได้มีโอกาสที่เธอ...ชายตามอง
17 มีนาคม 2549 01:32 น.
แสงริมทางเท้า
หายไปลับคงไม่กลับหวนย้อนมา
หายจากลาจากสายตาที่ส่งไป
หายห่างลับสุดขอบฟ้าแสนไกล
หายห่างแล้วจากใจไม่หวนคืน
นับจากคราห่างเหินเดินห่างจาก
ความพลัดพรากจากใจไม่อาจฝืน
กฎแห่งกรรมธรรมชาติไม่อาจคืน
แม้จะต้องกล้ำกลืนฝืนหัวใจ
แม้จะรู้ว่าต้องห่างต้องร้างลา
แต่น้ำตาหยดน้อยก็รินไหล
รู้สึกปวดทรมานในหัวใจ
ถึงต้องห่างกันไกลไม่อาจเจอ
ต้องไปแล้วจากไปแล้วกันซินะ
มิอาจจะหวงห้ามหรือปรามเธอ
เป็นทางที่ถูกกำหนดแล้วนะเออ
มันเป็นทางที่เธอเจอเธอต้องไป
ทำอย่างไรได้เล่าใจดวงนี้
นอกจากที่อวยพรให้เธอไป
ฝากความรักฝากความห่วงความห่วงใย
ฝากหัวใจแทนไปในถ้อยคำ
หวังว่ายามเธอเหนื่อยและท้อแท้
หวังยามลมปรวนแปรในคืนค่ำ
หวังยามที่พายุพัดกระหน่ำ
หวังว่าคำของฉันจะปลอบเธอ
หากเงยหน้ามองมาไม่เจอใคร
เธอลองใช้หัวใจจะพบเจอ
ความรู้สึกที่ฉันนั้นให้เธอ
มันยังคงอยู่เสอมไม่เปลี่ยนไป
16 มีนาคม 2549 04:11 น.
แสงริมทางเท้า
ทรมาน...จริงๆกับความรัก
แน่นอกหักรักไปมิได้ตอบ
เศษเสี้ยวของหัวใจมิได้ขอบ
ใจก็ต้องนั่งปลอบกับตัวเอง
เธอจะหลับฝันถึงบ้างหรือป่าว
คำที่กล่าวเธอได้ฟังอยู่บ้างไหม
สิ่งที่บอกไปแล้วคงเข้าใจ
แต่ทำไมมันไม่ถึงใจเธอ
ก็พยายามที่จะตัดไม่ให้คิด
พยายามข่มจิตไม่ให้เพ้อ
พยายามเมื่อฝันไม่ให้ละเมอ
พยายามพลักเธอไปไกลๆ
แต่หัวใจร้องร่ำเพรียกเรียกหา
หยาดน้ำตาเอ่อล้นอยู่ข้างใน
เพียงแค่คิดถึงเธอขึ้นทันใด
สิ่งที่อัดอั้นในใจก็ปล่อยมา
โอ้..จะบ้าจริงๆแล้วใจหนอ
อยากจะขอพอทีแล้วใจหนา
ขอเพียงแค่สักนิดนะเวลา
ขออย่าได้พบหน้าเธออีกเลย
16 มีนาคม 2549 03:46 น.
แสงริมทางเท้า
ก้องกู่โห่....ร้องเห่....ร้องเฮใหญ่
ส่งเสียงสารก้องไปให้ไพศาล
ถึงความทรราชย์อันเปรียบมาร
ที่บันดาลทุกข์เข็ญให้เป็นไป
หนึ่งทรราชย์เกิดขึ้นโลกวิบัติ
แก่งแย่งกัดกินกลบตะขบใส่
ร่วมฟัดเหวี้ยงเขวี้ยงทุบตะคลุบไป
ผลประโยชน์ใดๆในธรณี
ถึงอำนาจบาทใหญ่ในใต้หล้า
เปรียบแสงจ้าส่องกล้าเพชรมณี
อันขุนศึกชาวบ้านต่างเร็วรี่
หวังเพียงที่เพชรอำนาจให้กับตัว
ผลแห่งทางชี้อำนาจพาไปสู่
หาทางสู้ซึ่งเสียไปไม่มีกลัว
ลั่นกลองรบกระทบพื้นรัวๆ
วิ่งพันพัวเข้าใส่โหมโรมรัน
นี่แหละหนา..ที่มาแห่งความทุกข์
ฤทธิ์ท้ายสุดของอำนาจที่ฟาดฟัน
ไร้ซึ่งสิ่งความปราณีกันและกัน
ย่อมจะไม่มีวันจะหมดไป
15 มีนาคม 2549 02:15 น.
แสงริมทางเท้า
บ่อยๆครั้งที่ท้อแท้และหวั่นไหว
บ่อยๆไปที่ใจไม่เข้มแข็ง
อีกเช่นกันที่ร่างกายนั้นโรยแรง
ความแข็งแกร่งของปัญญาก็หายไป
บ่อยเหมือนกันที่ใจนั้นบอกพอ
อยากจะขออยากจะหยุดไม่ไปไหน
อยากจะพบอยากจะเจอสิ่งใหม่ๆ
สิ่งใดๆที่ว่าสมดูเข้าที
เหนื่อยก็พักรักก็สู้อยู่ทุกครั้ง
สร้างพลังกำลังไม่หน่ายหนี
เดินเข้าไปวิ่งเข้าไปใม่พาที
จนตอนนี้รู้สึกยั้งกำลังพอ
เงยหน้ามองท้องฟ้าที่พร่าพราง
ก้มมองดินเลือนลางจางไปหนอ
สายตาเราเหมือนขาดแสงแรงไม่พอ
เพียงใครหนอขอไฟให้แสงมา
แสงจากไฟช่วยให้กำลังเห็น
ถึงบางสิ่งที่ควรเป็นเห็นปัญหา
ทำให้รู้ถึงทางตันยังไม่มา
ทำให้มองเห็นปัญญาที่ควรเป็น