21 ตุลาคม 2546 13:30 น.
แววดาว
ณ ขอบฟ้าเวิ้งว้างกว้างไกลสุด
เราจะหยุดดูโลกสุขโศกหมุน
มองเห็นความเป็นไปในสมดุล
กับต้นทุนชีวิตลิขิตทาง
เส้นขอบรุ้งโค้งคิ้วเชื่อมทิวฟ้า
โลกมายาแฝงอาบด้วยภาพต่าง
เหมือนละครหลากรสบทอำพราง
ซ่อนระหว่างมนุษย์สมมุติใจ
เส้นขอบฟ้าเวิ้งว้างซ่อนบางสิ่ง
โลกความจริงกลบเกลื่อนด้วยเงื่อนไข
คล้ายหมอกม่านเวียนวนหนทางไกล
สองเท้าที่ก้าวไปไร้แรงเดิน
เส้นขอบฟ้าคลับคล้ายสู่ปลายฝัน
ภาพทางนั้นรกร้างราวห่างเหิน
ยิ้มหัวเราะโศกเศร้าเหงาเผชิญ
ก้าวดำเนินตามช่วงห้วงวังวน
เส้นขอบฟ้ากว้างไกลไม่อาจรู้
เราคือผู้เข้มแข็งแกร่งทุกหน
กับโลกที่รุ่งเรืองเมืองแห่งคน
เปรอะเปื้อนปนเงาภาพฉาบมายา
นั่นขอบคิ้วโค้งคุ้งสุดรุ้งเร้น
เหมือนกับเช่นใจคนดิ้นรนฝ่า
ม่านกิเลสมืดมิดปิดบังตา
ทาสของความปรารถนาแห่งอาดูร
20 ตุลาคม 2546 12:21 น.
แววดาว
สามในสองของใจมอบให้ฟ้า
หนึ่งในห้าของจิตคิดถึง ฝน
หนึ่งส่วนสามหัวใจให้น้อง มล
สองส่วนสี่เพื่อ อ้น รักล้นทรวง
สี่ส่วนสองของใจให้น้องนก
สองในหกมอบ หนึ่งใจซึ้งหวง
สิบส่วนสามให้ นิดจิตไม่ลวง
หกส่วนสองวัดดวงใจห่วง แนน
หนึ่งส่วนสองรักน้อยใจคอยซึ้ง
หกส่วนสี่รักผึ้งคนึงแสน
ห้าในสิบใฝ่ปองแต่น้อง แตน
เก้าส่วนสามหลง แอน แม้นกว่าใคร
สี่ส่วนห้าดวงจิตคิดถึง ช้อย
หนึ่งส่วนสามห่วงพลอยคอยถามไถ่
สามส่วนหกซึ้งนุชสุดฤทัย
ส่วนที่เหลือของใจ...มอบให้เธอ
18 ตุลาคม 2546 13:53 น.
แววดาว
คลื่นทะเลรุนแรงแฝงความร้าย
คลื่นความรักกลับกลายหลายเหตุผล
คลื่นชีวิตสุขเศร้าคละเคล้าปน
คลื่นมายาสับสนเล่ห์กลใจ
คลื่นมนุษย์จำแนกล้วนแตกต่าง
คลื่นอารมณ์อำพรางสร้างเงื่อนไข
คลื่นเวลาวกเวียนเปลี่ยนวันวัย
คลื่นลูกใหม่กำเนิดเกิดตามมา
คลื่นความช้ำสุมทรวงถ่วงใจทุกข์
คลื่นความสุขลบเลือนหมือนไร้ค่า
คลื่นความโศกตอกย้ำเสียน้ำตา
คลื่นความคิดเหนื่อยล้าเศร้าอาวรณ์
คลื่นลมพัดวนเวียนเปลี่ยนตามทิศ
คลื่นดวงจิตเร้ารุกเจ็บซุกซ่อน
คลื่นความหวังพลัดพรากลาจากจร
คลื่นหัวใจไหวอ่อนอ้อนรำพัน
คลื่นโทรทัศน์สื่อสารผ่านอากาศ
คลื่นใต้น้ำธรรมชาติน่าหวาดหวั่น
คลื่นแม่เหล็กรังสีนี้สำคัญ
คลื่นวิทยุสร้างสรรค์เร็วทันใจ
คลื่นกระทบกับฝั่งยังเงียบหาย
คลื่นเศรษฐกิจพังทลายวุ่นวายใหญ่
ส่วนคลื่นเหียนเวียนหัวมีทั่วไป
แต่คลื่นไส้ไม่แน่...อาจแพ้ท้อง
17 ตุลาคม 2546 12:20 น.
แววดาว
สายน้ำไหลเลยลับไม่กลับย้อน
เซาะกัดกร่อนหมุนวนปนกระแส
เปรียบกับใจมนุษย์สุดผันแปร
ไม่เที่ยงแท้วกเวียนเปลี่ยนตามกาล
น้ำเปลี่ยนแหล่งปลาเปลี่ยนถิ่นหลงกลิ่นใหม่
เลือกอาศัยน้ำดีมีอาหาร
ใจมนุษย์สุดยากหากประมาณ
ไม่อาจทานลมเล่ห์แห่งเวลา
มองสายน้ำเปลี่ยนปรับไหลกลับทิศ
เหมือนชีวิตเปลี่ยนแปรแพ้ปัญหา
หลงในความเปลี่ยนแปลงแห่งมายา
เหมือนใจปลาเปลี่ยนไปดั่งใจเรา
ใจเข้มแข็งแกร่งกล้าตรงหน้าที่
เคราะห์ภัยมีสติครบลบความเขลา
กาลเวลาผ่านพ้นอดทนเอา
กี่ร้อยเท่าปัญหาอย่าท้อใจ
ปลารู้จักต่อสู้เพื่ออยู่รอด
เราอย่ามอดความหวัง...ยังแจ่มใส
ปลาเป็น ว่ายทวนน้ำอยู่ร่ำไป
คนเป็น ไม่เคยแพ้แม้สักคน
สายน้ำกับกาลเวลาพาให้คิด
ภาพชีวิตมนุษย์สุดสับสน
เปรียบละครหลายบทต้องอดทน
รวยหรือจนวัดที่...ใจดีงาม
16 ตุลาคม 2546 12:18 น.
แววดาว
เสียงโห่ร้องก้องทุ่งสุดคุ้งโค้ง
โมงตุ้มโมงครื้นเครงบรรเลงสลับ
เสียงลูกคู่กังวานช่วยขานรับ
ก้าวขยับปรับแถวเป็นแนวไกล
เดินริมข้างขอบถนนเปื้อนปนฝุ่น
อิ่มแรงบุญศรัทธาน่าเลื่อมใส
ริ้วขบวนฉิ่งฉับประทับใจ
สืบทอดในประเพณีที่ดีงาม
นาคแต่งชุดสีขาวพราวพิสุทธิ์
สืบพระพุทธดำรงด้วยองค์สาม
สู่พิธีศักดิ์สิทธิ์สถิตนาม
สง่าความสูงส่งเป็นองค์พระ
ชายผ้าเหลืองเรืองรองจิตผ่องใส
พึงตั้งใจปฏิบัติด้วยสัจจะ
โลภโกรธหลงปลงหมดต้องลดละ
ยึดธรรมะนำทางห่างกังวล
ใช่บวชเพื่อลาภยศน่าอดสู
บวชลบหลู่ศาสนาพาหมองหม่น
บวชหวังรถหวังบ้านประจานตน
บวชหวังกิจนิมนต์...มักจนบุญ
จงบวชเพื่อนิพพานการหลุดพ้น
บวชเพื่อค้นสัจธรรมนำจิตหนุน
บวชด้วยใจใสสะอาดศาสน์ค้ำจุน
บวชแทนคุณศาสนา...บูชาธรรม