31 ตุลาคม 2546 15:26 น.
แววดาว
คือดอกไม้ดอกงามในความฝัน
ที่เธอนั้นปันจิตคิดรักษา
เป็นดอกไม้เบ่งบานกาลเวลา
ตั้งชื่อว่าดอกไม้แห่งน้ำใจ
เธออยากมอบดอกไม้น้ำใจนี้
ให้คนที่รันทดได้สดใส
และงอกงามในกมลคนทั่วไป
เป็นดอกไม้ดอกใหม่ในใจคน
เพราะดอกไม้แห่งน้ำใจในวันวาน
ถูกริดก้านกิ่งใบไร้ดอกผล
ยืนโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาเศร้าทุกข์ทน
ยังแต่ต้นเติบกล้าอยู่ช้านาน
ด้วยน้ำใจของเธอเลิศเลอยิ่ง
ต่อก้านกิ่งใบดอกงอกสืบสาน
จากหนึ่งสองสามสี่ที่เบ่งบาน
เป็นหมื่นล้านแสนต้นบนแผ่นดิน
ขอดอกไม้ดอกนี้ที่เธอสร้าง
สถิตกลางดวงใจไทยทุกถิ่น
ให้สายธารน้ำใจที่ไหลริน
คลายทุกข์สิ้นระทมตรมอุรา
เพราะเธอคือดอกไม้แห่งน้ำใจ
ที่ใครใครตั้งนิยามและถามหา
แท้จริงเธออยู่ในใจประชา
รอศรัทธาเบ่งบานดอกก้านใบ
30 ตุลาคม 2546 15:56 น.
แววดาว
ให้สิ่งของเงินตรามีค่ามาก
ให้ของฝากญาติมิตรจิตเกื้อหนุน
ให้ปัจจัยอาหารอิ่มทานบุญ
ให้ความรู้เป็นทุนอุ่นปัญญา
ให้ลาภยศตำแหน่งพร้อมแต่งตั้ง
ให้ความหวังต่อสู้รู้ปัญหา
ให้คำพรชื่นชมสมอุรา
ให้พบสิ่งปรารถนาน่ายินดี
ให้ร่ำรวยล้นฟ้ากว่าใครเขา
ให้ความเศร้าละลายพ่ายหลีกหนี
ให้บ้านใหญ่หลังโตโก้เต็มที
ให้ชีวีสดใสไร้กังวล
ให้เพื่อนพ้องยอมรับล้วนนับถือ
ให้สร้างชื่อเกียรติยศปรากฎผล
ให้เด่นดังทั่วหล้าทั้งสากล
ให้ผู้คนสรรเสริญเกินกว่าใคร
ให้ ทุกอย่างที่เอ่ยเฉลยแจ้ง
ก็เพียงแค่เติมแต่งแฝงเงื่อนไข
แต่สิ่งหนึ่งล้ำเลิศเกิดจากใจ
ให้อภัย กันเถิดประเสริฐจริง
29 ตุลาคม 2546 12:47 น.
แววดาว
หากแม้เธอปรารถนาหาความรัก
จงตระหนักในจิตพึงคิดก่อน
ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปรไม่แน่นอน
รักก็เช่นบทละครซ่อนมายา
หากแม้เธอปรารถนาหาความสุข
ขณะที่ความทุกข์ยังรุกล่า
เธอจะท้อทรมานการไขว่คว้า
ตกเป็นทาสเวลาน้ำตาริน
หากแม้เธอปรารถนาหาความหวัง
เธอก็ยังต้องสู้มิรู้สิ้น
ยอมเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจนชาชิน
จากผืนดินสู่ดวงดาวช่างยาวไกล
หากแม้เธอปรารถนาหาทางเบี่ยง
เพื่อหลีกเลี่ยงทางเดิม...เริ่มต้นใหม่
เธอจะต้องมองเห็น...เธอเป็นใคร
เธอจะก้าวอย่างไรให้ถูกทาง
หากแม้เธอปรารถนาหาบางสิ่ง
เธอยิ่งวิ่งยิ่งไล่เหมือนไกลห่าง
เมื่อมิรู้ถูกผิด...มีสิทธิ์คว้าง
เธอไม่ต่างเรือน้อยลอยนที
หากแม้เธอปรารถนาหาคำตอบ
จงรอบคอบตัดสินใจให้ถ้วนถี่
ถ้าทุกสิ่งปรารถนาคือ ความดี
เธอจะมีอนาคตซึ่งงดงาม
28 ตุลาคม 2546 13:01 น.
แววดาว
คิดถึงมากจากทรวงเฝ้าห่วงหา
มิรู้ว่าเธอนี้อยู่ที่ไหน
ที่ดวงดาวพราวพร่างน้ำค้างไพร
หรือซ่อนในแผ่นฟ้ายามราตรี
ทั้งอยู่ในเรียวรุ้งที่คุ้งโค้ง
และเชื่อมโยงพสุธาฟ้าทุกที่
หรือซ่อนในเกลียวคลื่นผืนวารี
เป็นดอกไม้หลากสีมากมีมนต์
ทั้งเป็นจันทร์ส่องแสงแต่งฟากฟ้า
หรือภูผาแมกไม้เติบใบต้น
เป็นแสงแดดอุ่นไอยามได้ยล
เป็นสายฝนฉ่ำชื่นสู่ผืนดิน
หรือเป็นลมห่มหล้าอาบฟ้ากว้าง
เป็นสายหมอกลอยคว้างทั่วทางถิ่น
เป็นนกน้อยอิสระจะโบยบิน
เป็นเหมือนกลิ่นบุปผาเหล่ามาลี
แท้จริงเธองดงามด้วยความฝัน
งามดุจจันทร์ดั่งดาวพราวแสงสี
คือแมกไม้ภูผามหานที
โลกวันนี้มีเธอป้องคุ้มผองภัย
ย้อนให้เราตรึกตรองมองแล้วคิด
ช่วงชีวิตเปลี่ยนแปรแน่ไฉน
ถามตัวเราสักครั้งอย่างตั้งใจ
สร้างอะไรหลงเหลือเพื่อโลกงาม
27 ตุลาคม 2546 12:35 น.
แววดาว
ในแววตาของยายคล้ายครุ่นคิด
มองหน้าหลานตัวนิดด้วยจิตหวั่น
เพราะพ่อแม่ลาร้างแยกทางกัน
ฝากยายนั้นเลี้ยงเจ้าแต่เยาว์วัย
สงสารเจ้าเกิดมาแสนอาภัพ
ยายนั่งนับวันคืนสะอื้นไห้
ฐานะยายยากจนทนทุกข์ใจ
อายุขัยล่วงชรา...น้ำตาคลอ
หลานเจ้ายังอ่อนวัยไร้เดียงสา
ภายภาคหน้าจะพึ่งใครเขาได้หนอ
ยายนั่งทอดอาลัยด้วยใจท้อ
จำนนต่อโชคชะตานิจจาเรา
หยาดน้ำตาอาวรณ์สะท้อนลึก
ความรู้สึกดั่งโลกแสนโศกเศร้า
ฟ้าวันนี้ของยายคล้ายสีเทา
กับบ้านที่โทรมเก่าเสาผุพัง
กอดหลานไว้เคียงข้างต่างอกแม่
ยายเหมือนคนอ่อนแอสิ้นแม้หวัง
สองมือสั่นรันทดหมดพลัง
เสมือนไม้ใกล้ฝั่งรอวันตาย
มองกระจาดไม้คานสะท้านจิต
สองชีวิตอาภัพดับสลาย
ร่างหนึ่งอยู่กลางถนนเลือดท่วมกาย
ร่างหนึ่งหมดความหมาย...ตายทั้งเป็น