9 ตุลาคม 2546 14:33 น.
แววดาว
ในเศษเสี้ยวคืนวันที่ผันผ่าน
ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนลมฝน
อุปสรรคเรียนรู้สู้อดทน
ฝึกให้คนเข้มแข็งแกร่งกล้าพอ
เหมือนกรวดแกร่งต้องผ่านการบ่มเพาะ
คลื่นลมเซาะสรรค์สร้างการเกิดก่อ
กี่หนาวร้อนแดดฝนอดทนรอ
พร้อมเติมต่อความเข้มแข็งแห่งกรวดทราย
ชีวิตคนต้องผ่านการหล่อหลอม
สติพร้อมเปรียบเรือเอื้อจุดหมาย
สุขทุกข์เป็นแรงเคลื่อนเหมือนฝีพาย
หางเสือคล้ายดวงจิตรู้คิดตรอง
มรสุมรุมเร้าเข้ามาทัก
ต้องรู้จักปรับเรือเพื่อลอยล่อง
ต้านกระแสแรงคลื่นฝืนประคอง
ทางซึ่งมองเห็นฝั่งยังคงมี
ประสบการณ์สอนคนให้ค้นคิด
ช่วงชีวิตคือบทเรียนเปลี่ยนวิถี
เป็นกรวดซึ่งเข้มแข็งแกร่งเดือนปี
เป็นเรือที่มุ่งหวังสู่ฝั่งใจ
6 ตุลาคม 2546 17:10 น.
แววดาว
หนูเกิดบนถิ่นฐานบ้านหลังใหญ่
รถยนต์นั่งทันสมัยใช้ขับขี่
วิทยุเครื่องเสียงสำเนียงดี
ทั้งทีวีมีสง่าราคาแพง
สร้างสวนสวยกว้างใหญ่อยู่ในรั้ว
ห้องส่วนตัวมีระดับปรับเติมแต่ง
โล่รางวัลสรรเสริญเกินแสดง
สมตำแหน่งเกียรติยศปรากฎไกล
พ่อหนูเป็นคนเก่งเคร่งหน้าที่
แม่หนูมีกิจการงานยิ่งใหญ่
หนูเลยต้องขาดคนมาสนใจ
อยู่กับคนรับใช้ไปวันวัน
พ่อบอกว่าไม่ว่างเพราะงานเยอะ
หนูเคยเจอะเจอแม่แค่ในฝัน
โทรทัศน์คือเพื่อนเหมือนผูกพัน
ความสุขนั้นเลือนร้างห่างชีวี
หนูมิเคยต้องการบ้านหลังใหญ่
รถยนต์นั่งทันสมัยใช้ขับขี่
ทรัพย์สมบัติโก้หรูแม้ดูดี
ไม่เท่ามีคนห่วงใยเข้าใจรัก
6 ตุลาคม 2546 16:51 น.
แววดาว
วิ่งวกเวียนวุ่นวายคล้ายสับสน
เปรอะเปื้อนปนเงาภาพฉาบทุกข์เข็ญ
แปรเปลี่ยนตามวงจรหนาวร้อนเย็น
ก่อเกิดเป็นสภาวะขณะใจ
หมุนย้อนกลับปรับแปลงเติมแต่งจิต
ภาพความคิดสะท้อนซ่อนวิสัย
กลั่นน้ำตาหัวเราะเซาะวันวัย
เก่าสู่ใหม่ในกรอบครอบอำพราง
จึงยิ่งดิ้นยิ่งวนมืดมนอยู่
ต้องรับรู้คืนวันโศกกั้นขวาง
เจ็บทุกข์ทนพ่ายแพ้แก่หนทาง
หลงเคว้งคว้างในห้วงบ่วงมายา
คล้ายคล้ายกับห้องใจเริ่มไหวหวั่น
เปลี่ยนแปรผันตรอมตรมถมหมอกฝ้า
ว่ายวัฏฏะสายธารกาลเวลา
พร้อมใฝ่หาขอบแสงของแรงบุญ
ณ ที่ซึ่งจิตสงบพบสัจจะ
สภาวะแท้จริงรู้นิ่งหมุน
ทุกข์ขอบเขตอารมณ์เกิดสมดุล
หมดสิ้นความว้าวุ่น...เมื่ออุ่นธรรม