29 ตุลาคม 2546 12:47 น.
แววดาว
หากแม้เธอปรารถนาหาความรัก
จงตระหนักในจิตพึงคิดก่อน
ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปรไม่แน่นอน
รักก็เช่นบทละครซ่อนมายา
หากแม้เธอปรารถนาหาความสุข
ขณะที่ความทุกข์ยังรุกล่า
เธอจะท้อทรมานการไขว่คว้า
ตกเป็นทาสเวลาน้ำตาริน
หากแม้เธอปรารถนาหาความหวัง
เธอก็ยังต้องสู้มิรู้สิ้น
ยอมเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจนชาชิน
จากผืนดินสู่ดวงดาวช่างยาวไกล
หากแม้เธอปรารถนาหาทางเบี่ยง
เพื่อหลีกเลี่ยงทางเดิม...เริ่มต้นใหม่
เธอจะต้องมองเห็น...เธอเป็นใคร
เธอจะก้าวอย่างไรให้ถูกทาง
หากแม้เธอปรารถนาหาบางสิ่ง
เธอยิ่งวิ่งยิ่งไล่เหมือนไกลห่าง
เมื่อมิรู้ถูกผิด...มีสิทธิ์คว้าง
เธอไม่ต่างเรือน้อยลอยนที
หากแม้เธอปรารถนาหาคำตอบ
จงรอบคอบตัดสินใจให้ถ้วนถี่
ถ้าทุกสิ่งปรารถนาคือ ความดี
เธอจะมีอนาคตซึ่งงดงาม
28 ตุลาคม 2546 13:01 น.
แววดาว
คิดถึงมากจากทรวงเฝ้าห่วงหา
มิรู้ว่าเธอนี้อยู่ที่ไหน
ที่ดวงดาวพราวพร่างน้ำค้างไพร
หรือซ่อนในแผ่นฟ้ายามราตรี
ทั้งอยู่ในเรียวรุ้งที่คุ้งโค้ง
และเชื่อมโยงพสุธาฟ้าทุกที่
หรือซ่อนในเกลียวคลื่นผืนวารี
เป็นดอกไม้หลากสีมากมีมนต์
ทั้งเป็นจันทร์ส่องแสงแต่งฟากฟ้า
หรือภูผาแมกไม้เติบใบต้น
เป็นแสงแดดอุ่นไอยามได้ยล
เป็นสายฝนฉ่ำชื่นสู่ผืนดิน
หรือเป็นลมห่มหล้าอาบฟ้ากว้าง
เป็นสายหมอกลอยคว้างทั่วทางถิ่น
เป็นนกน้อยอิสระจะโบยบิน
เป็นเหมือนกลิ่นบุปผาเหล่ามาลี
แท้จริงเธองดงามด้วยความฝัน
งามดุจจันทร์ดั่งดาวพราวแสงสี
คือแมกไม้ภูผามหานที
โลกวันนี้มีเธอป้องคุ้มผองภัย
ย้อนให้เราตรึกตรองมองแล้วคิด
ช่วงชีวิตเปลี่ยนแปรแน่ไฉน
ถามตัวเราสักครั้งอย่างตั้งใจ
สร้างอะไรหลงเหลือเพื่อโลกงาม
27 ตุลาคม 2546 12:35 น.
แววดาว
ในแววตาของยายคล้ายครุ่นคิด
มองหน้าหลานตัวนิดด้วยจิตหวั่น
เพราะพ่อแม่ลาร้างแยกทางกัน
ฝากยายนั้นเลี้ยงเจ้าแต่เยาว์วัย
สงสารเจ้าเกิดมาแสนอาภัพ
ยายนั่งนับวันคืนสะอื้นไห้
ฐานะยายยากจนทนทุกข์ใจ
อายุขัยล่วงชรา...น้ำตาคลอ
หลานเจ้ายังอ่อนวัยไร้เดียงสา
ภายภาคหน้าจะพึ่งใครเขาได้หนอ
ยายนั่งทอดอาลัยด้วยใจท้อ
จำนนต่อโชคชะตานิจจาเรา
หยาดน้ำตาอาวรณ์สะท้อนลึก
ความรู้สึกดั่งโลกแสนโศกเศร้า
ฟ้าวันนี้ของยายคล้ายสีเทา
กับบ้านที่โทรมเก่าเสาผุพัง
กอดหลานไว้เคียงข้างต่างอกแม่
ยายเหมือนคนอ่อนแอสิ้นแม้หวัง
สองมือสั่นรันทดหมดพลัง
เสมือนไม้ใกล้ฝั่งรอวันตาย
มองกระจาดไม้คานสะท้านจิต
สองชีวิตอาภัพดับสลาย
ร่างหนึ่งอยู่กลางถนนเลือดท่วมกาย
ร่างหนึ่งหมดความหมาย...ตายทั้งเป็น
26 ตุลาคม 2546 13:42 น.
แววดาว
อ่านจดหมายใจสั่นหวั่นดวงจิต
ไม่คาดคิดขวัญตามาเป็นอื่น
คำสัญญาแต่หลังไม่ยั่งยืน
ใจสะอื้นฝืนทน...ฉันคนแพ้
พับจดหมายใส่ซองอย่างหมองเศร้า
ภาพเก่าเก่าสะท้อนซ่อนรอยแผล
ลามหัวใจผุกร่อนจนอ่อนแอ
ฉันเพียงแค่ธุลีที่เธอเมิน
เนื้อจดหมายใจความล้วนหยามหมิ่น
...ดาวกับดินดูต่างราวห่างเหิน
เราทั้งสองผูกพันโดยบังเอิญ
มิอาจเดินร่วมทางเคียงข้างกัน...
ปล่อยจดหมายลงพื้นอย่างขื่นขม
คงสาสมความผิดที่คิดฝัน
เป็นกระต่ายหมายปองครองคู่จันทร์
จึงนับวันยิ่งห่างยิ่งร้างลา
หยิบจดหมายกำไว้ในมือแน่น
ใจสุดแสนโศกตรมสมน้ำหน้า
เราต่างใช้ลายมือสื่อวาจา
จึงยากกว่าสื่อถึงซึ่งความใน
ฉีกจดหมายโยนทิ้งยิ่งรันทด
ฉันรับบทคนหมองนั่งร้องไห้
อิ่มน้ำตาอาภัพ...ประทับใจ
ที่ ดินได้อกหักเพราะรัก ดาว
25 ตุลาคม 2546 13:58 น.
แววดาว
แล้วเธอก็เอ่ยลาน้ำตาหลั่ง
จากทั้งทั้งที่ใจยังใฝ่ถึง
เพราะเหลือเยื่อหลงใยให้คำนึง
แม้เพียงครึ่งของรักที่หักราน
ทุกทุกสิ่งเคยชอบเขามอบให้
ช่อดอกไม้บทกลอนเพลงอ่อนหวาน
กับสายตาห่วงหวงซึ้งดวงมาน
คำสาบานรักแท้มอบแด่ใจ
มาบัดนี้กลับกลายคล้ายภาพหลอน
เขาตัดรอนสัมพันธ์จนหวั่นไหว
เหลือเพียงแค่รักร้าวหนาวฤทัย
ช่อดอกไม้เหี่ยวแห้งแล้งคนจอง
เมื่อหัวใจบรรเลงบทเพลงเหงา
ทิ้งบทกลอนตอนเก่าขาดเจ้าของ
สิ้นสายตาหวานซึ้งรำพึงปอง
คำสาบานเราสองต้องหมองมัว
เพราะเธอคือผู้แพ้แก่ความรัก
แผลอกหักคลี่คลุมสุมใจทั่ว
หนีความหลังพลั้งพลาดอย่างหวาดกลัว
หลงลืมตัวลืมคิดก้าวผิดทาง
หยาดน้ำตาอาวรณ์สะท้อนลึก
ค่อนคืนดึกโศกเศร้าเขาไกลห่าง
บอกกับใจดวงน้อยให้ปล่อยวาง
พร้อมอยู่อย่างคนแพ้...แม้สุดตรม